สิ่งที่อยากได้

1881 Words
"ทำไมช่วงนี้มึงหน้าตาดูอิ่มเอิบมีความสุขจังว่ะ มีเรื่องอะไรดีๆ ที่กูไม่รู้รึเปล่า" อาร์มยืดตัวเข้ามาจ้องหน้าผมอย่างสงสัย คงเห็นว่าช่วงนี้ผมยิ้มบ่อยขึ้นกว่าเมื่อก่อนล่ะมั่งมันเลยแปลกใจ "ไม่มี" "กูไม่เชื่อ" "ก็บอกว่าไม่มีอะไรไง มึงจะสงสัยอะไรนักหนา" บางทีก็เบื่อความอยากรู้อยากเห็นของมันเหมือนกัน ถ้าคำตอบไม่ได้ดังใจก็มักจะถามย้ำไม่เลิก ทำอย่างกับรู้แล้วจะได้รางวัลเป็นเงินงั้นแหละ "ก็มึงทำตัวแปลกๆ ปกติไม่ใช่คนติดมือถือแต่ช่วงนี้กูเห็นมึงยกขึ้นมาเช็กตลอด แถมมึงก็ไม่ใช่คนชอบยิ้มแต่ช่วงนี้กลับยิ้มบ่อย อาการแบบนี้เหมือนคนกำลังมีความรักเลยว่ะ หรือมึงแอบมีแฟน? กูว่าต้องใช่แน่ ๆ มึงมีแฟนใช่มั้ย!" "เบาๆ ไอ้อาร์มคนมองหมดแล้ว" ใช้มือปิดปากไอ้อาร์มเอาไว้ก่อนที่มันจะเสียงดังไม่มากกว่านี้ อยู่ดีๆ ก็เล่นแหกปากจนคนทั้งลานหันมามอง "ก็กูตื่นเต้นนี่นา สรุปว่าไง...มึงมีแฟนจริงๆ หรอ" "ก็ยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอก" จะเรียกว่าแฟนก็คงไม่ได้ ระหว่างผมกับพี่รินเรายังไม่ได้ตกลงกันด้วยซ้ำว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้เรียกว่าอะไร "ไม่ถึงขั้นนั้นแล้วมันขั้นไหน ตอบเร็วๆ กูอยากรู้" "ก็กำลังคุยๆ กันอยู่" อือ...คำนี้น่าจะเหมาะที่สุดในตอนนี้ หลังจากคืนนั้นผมกับพี่รินเราก็คุยกันมาเรื่อย ๆ นี่ก็ผ่านมาเกือบสองอาทิตย์ได้แล้ว ซึ่งเป็นสองอาทิตย์ที่ผมมีความสุขมาก ถึงเราจะไม่ค่อยได้เจอกันเพราะพี่รินไม่ค่อยว่างแต่ก็โทรคุยกันทุกวัน ถ้าถามว่าคิดถึงมั้ยเวลาที่ไม่ได้เจอก็ต้องบอกว่าคิดถึง แต่ผมทนได้ถึงบางครั้งคิดถึงจนอยากงอแงก็เถอะ "คนที่มึงคุยอยู่เป็นใครวะ เด็กมอเรามั้ยกูรู้จักรึเปล่า" "ทำไมมึงถามเยอะจัง" "เอ้า...ก็อยากรู้ว่าคนที่เพื่อนคุยอยู่เป็นใครนี่หว่า มึงรู้มั้ยตอนนี้กูตื่นเต้นแค่ไหนที่เห็นมึงกำลังจะมีความรัก กูนึกว่ามึงจะครองโสดครองพรมจรรไปตลอดชีวิตซะอีก ในที่สุดเพื่อนกูก็ออกจากถ้ำกับเค้าได้สักที" อาร์มตบไหล่ผมด้วยสีหน้าภูมิใจขั้นสุดราวกับพ่อเห็นลูกประสบความสำเร็จในชีวิต ได้แต่ส่ายหน้าให้กับความเล่นใหญ่ของมัน กับแค่ผมมีคนคุยทำให้มันภูมิใจได้ขนาดนี้เลยหรอ แล้วถ้าผมมีแฟนมีเมียมีลูกมันไม่ตื้นตันใจจนตายใช่มั้ย "รอให้แน่ใจกว่านี้ก่อนแล้วจะบอก" "บอกตอนนี้เลยไม่ได้หรอว่ะ" "ไม่ได้" รอให้ทุกอย่างมันชัดเจนกว่านี้ก่อนแล้วกันค่อยบอกไอ้อาร์มมันอีกที แต่ผมว่ามันก็คงพอเดาออกแหละว่าคนที่ผมคุยอยู่ตอนนี้เป็นใคร ก็ผมไม่เคยให้ความสนใจกับผู้หญิงคนไหนเป็นพิเศษนอกจากพี่รินคนที่มันเห็นที่ห้าง ถ้าจะเดาออกก็คงไม่แปลกอะไร "เออๆ ไม่บอกก็ไม่บอก" Rrrr... "เดี๋ยวกูไปคุยโทรศัพท์แป๊บ" "คนนั้นโทรมาหรอ คุยตรงนี้ก็ได้นะเว้ยกูไม่แอบฟังหรอก" ไม่สนใจเสียงเอ่ยแซวที่ดังตามหลังมา รีบสับเท้าเดินหาที่เงียบๆ ก่อนกดรับสาย "คิดถึงจังครับ" (รับสายปุ๊บ ก็อ้อนปั๊บเลยนะ) "ก็ปืนคิดถึง" ไม่ได้เจอพี่รินมาสองวันติดแล้วก็เลยออกอาการงอแงนิดหน่อย ซึ่งผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน แม้แต่กับที่บ้านก็ไม่เคยออดอ้อนแบบนี้ ไม่รู้ทำไมเวลาที่คุยกับพี่รินผมมักจะเป็นตัวเล็กตัวน้อยแบบนี้เสมอ หรือว่าจะกลายร่างเป็นแมวขี้อ้อนไปแล้วจริงๆ (พี่ก็คิดถึงปืนครับ ว่าแต่ตอนนี้ทำอะไรอยู่) "ปืนรอเรียนวิชาต่อไปอยู่ครับ" (วันนี้มีเรียนทั้งวันเลยใช่มั้ยถ้าพี่จำไม่ผิด) "ครับ มีเรียนตั้งแต่เช้าเลย ดีใจจังที่พี่รินจำตารางเรียนปืนได้ด้วย" (ก็ตารางเรียนคนสำคัญทั้งคนนี่นา จะลืมได้ยังไง) ยิ้มกว้างกับประโยคที่ได้ยิน มันใจฟูทุกครั้งที่พี่รินบอกว่าผมคือคนสำคัญ พี่เขามักจะใส่ใจผมเสมอ คอยถามไถ่ตลอดว่าเรียนวันนี้เป็นยังไงบ้าง เหนื่อยมั้ย เครียดรึเปล่า หรือแม้กระทั่งวันนี้กินข้าวรึยัง ซึ่งมันรู้สึกดีมากๆ ที่มีคนมาใส่ใจแบบนี้ จากตอนแรกที่ชอบพี่รินเป็นทุนเดิม ตอนนี้ยิ่งชอบเพิ่มขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต "พี่ปืน" ก่อนที่ผมจะได้คุยกับพี่รินต่อ กลับมีเสียงใครบางคนเรียกชื่อจากทางด้านหลังทำให้ต้องหันไปมองอย่างเลี่ยงไม่ได้ คิ้วขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นเป็นผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งกำลังยืนส่งยิ้มมาให้ ซึ่งผมไม่รู้ว่าเธอคือใครแล้วมาเรียกผมทำไม (มีอะไรรึเปล่าปืน) "ปืนก็ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่ดูเหมือนเค้ามีเรื่องจะคุย" (วางสายก่อนมั้ย เผื่อมีธุระต้องคุยกัน) "แต่ปืนไม่อยากวาง" กลัวว่าวางสายแล้วจะไม่ได้คุยกันต่อ เพราะพี่รินมักจะมีงานแทรกเข้ามาตลอดเวลาที่เราโทรคุยกัน (คุยเสร็จค่อยโทรมาก็ได้ครับ วันนี้พี่ว่าง) "งั้นปืนคุยเสร็จจะรีบโทรหานะครับ" (ครับผม) พี่รินวางสายไปแล้วผมจึงยัดโทรศัพท์ลงในกระเป๋ากางเกงตามเดิม ก่อนมองไปยังอีกคนที่มองมาที่ผมอยู่ก่อนแล้ว "น้องเรียกพี่มีอะไรรึเปล่า" ที่เรียกอีกคนว่าน้องก็เพราะประเมินด้วยสายตาเธอน่าจะอายุน้อยกว่าผม ไม่เรียนปีหนึ่งก็คงอยู่ปีสอง "คือแพรมีของจะให้พี่ปืนค่ะ" คนที่แนะนำตัวเองว่าแพรยื่นกล่องสี่เหลี่ยมสีชมพูมาตรงหน้า ผมมองมันก่อนขมวดคิ้วเข้าหากันอีกครั้งอย่างไม่เข้าใจว่าน้องเขาจะเอามันมาให้ผมทำไม "ให้พี่ทำไมครับ" "คือแพรอยากขอบคุณเรื่องเมื่อวันก่อนที่พี่ปืนช่วยแพรไว้ตอนโดนรถเฉี่ยวนะคะ" พอได้ยินอีกคนพูดแบบนั้นผมถึงนึกขึ้นได้ว่าเธอคือน้องคนนั้น วันก่อนกำลังจะเดินข้ามถนนเพื่อขึ้นเรียน แต่จู่ ๆ ก็มีมอเตอร์ไซต์จากที่ไหนไม่รู้วิ่งมาด้วยความเร็วทั้งที่อยู่ในถนนมหา'ลัย ดีที่ผมหลบทันเลยไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ผิดกับน้องผู้หญิงอีกคนที่เหมือนจะหยุดเดินไม่ทันเลยโดนรถเฉี่ยวล้มจนเลือดซิบ ผมจึงรีบเข้าไปดูอาการและขับรถไปส่งน้องที่ตึกพยาบาล "ไม่เป็นไรเลย พี่ช่วยเพราะเห็นเราเจ็บ ไม่ต้องให้ของหรอก" "รับไว้เถอะนะคะ แพรตั้งใจให้จริงๆ" มองกล่องตรงหน้าอย่างชั่งใจ แต่พอเห็นสายตาเชิงอ้อนวอนของน้องผมก็ไม่กล้าปฏิเสธ "งั้นพี่จะรับไว้แล้วกัน ขอบใจมากนะ" "แพรเรียนบริหารเหมือนพี่ปืน จะเป็นการรบกวนมั้ยค่ะถ้าแพรจะทักไปถามเรื่องงานบ้างเป็นบางครั้ง" "พี่ตอบช้านะ เราจะรอได้หรอ" ถึงจะมีโซเชียลมีเดียที่สมัครเอาไว้ทุกแพลตฟอร์มแต่นานๆ ทีถึงจะเข้าไปเล่น เห็นจะมีแค่ไลน์ที่ช่วงนี้เข้าบ่อยเพราะใช้คุยกับพี่ริน แต่นอกนั้นก็แล้วแต่อารมณ์ อย่างความเคลื่อนไหวเฟสบุ๊คล่าสุดของผมก็เป็นเมื่อสามเดือนที่แล้ว "ไม่เป็นไรเลยค่ะ แค่พี่ปืนตอบแพรก็พอ" "ถ้าเราโอเคพี่ก็ไม่ว่าอะไร...พี่คงต้องไปแล้ว" มองนาฬิกาข้อมือก่อนเอ่ยบอกอีกคน เพราะใกล้ถึงเวลาที่ต้องเข้าเรียนคาบต่อไปแล้ว "งั้นไว้เจอกันใหม่นะคะ...สวัสดีค่ะพี่ปืน" "ครับ" ไม่ได้ถามว่าน้องจะทักมาช่องทางไหน เพราะถ้าพูดมาถึงขนาดนี้ก็แสดงว่าต้องมีแอคเคาท์โซเชียลของผมอยู่ก่อนแล้ว ไม่เฟสบุ๊คก็คงเป็นไอจี ของแบบนี้หาได้ไม่ยากหรอก "ไหนว่าไปคุยโทรศัพท์ แล้วได้อะไรกลับมาด้วย" อาร์มคว้ากล่องที่ผมพึ่งวางลงขึ้นดูอย่างสนใจใคร่รู้ เรื่องแบบนี้ไม่เป็นสองรองใครจริงๆ "น้องที่กูช่วยเมื่อวันก่อนให้มา" "น้องแพรอะนะ" "ทำไมมึงรู้จัก" เลิกคิ้วถามเพื่อนอย่างสงสัยว่ามันไปรู้จักน้องเขาได้ยังไง "ก็น้องเป็นถึงดาวคณะใครๆ ก็รู้จักกันทั้งนั้น มีแค่คนในถ้ำอย่างมึงเท่านั้นแหละที่ไม่รู้จักน้องเค้านะ" "ไม่ใช่เรื่องที่กูต้องสนใจ" "มึงก็สนเรื่องรอบตัวบ้างเถอะ วันที่มึงช่วยน้องแพรก็มีคนเอาไปลงเพจมหาลัยด้วยนะ มีแต่คนคอมเม้นชมว่ามึงทั้งหล่อทั้งใจดี เปิดวาร์ปพี่ปืนบริหารปีสามกันใหญ่ เข้าไปส่องเฟสบ้างมั้ยไม่ใช่สาวๆ ถล่มแอดเฟรนด์มึงแล้วหรอ" "ไม่ได้เล่นสามเดือนแล้ว" "กูจะบ้าตาย จะสมัครไว้ทำหอกอะไรถ้าไม่เล่น" "เรื่องของกู" สรุปผมก็ไม่ได้คุยกับพี่รินต่อเพราะถึงเวลาที่ต้องเข้าเรียน ทำได้แค่ส่งข้อความบอกเท่านั้น เข้าเรียนก็นั่งถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก ทำยังไงดี...คิดถึงพี่รินจัง "ตอนเย็นมึงต้องไปทำงานที่ผับมั้ย" ก้าวขาเตรียมลงจากรถเมื่อเห็นว่าถึงหน้าคอนโด แต่ไอ้อาร์มกลับเอ่ยถามขึ้น ทำให้ผมต้องหันกลับมาที่เดิมอีกครั้ง "ไป" "กูไม่เข้าใจจริงๆ ว่ามึงจะทำงานให้เหนื่อยไปทำไม นอนตีพุงตากแอร์เย็นๆ ที่ห้องไม่ดีกว่าหรอว่ะ" "อยู่เฉยๆ มันน่าเบื่อ" การอยู่สบายเกินไปบางทีก็น่าเบื่อสำหรับผม ชีวิตมันดูเป็นเส้นตรงเกินไปจนต้องหาอะไรทำให้กราฟชีวิตดีดขึ้นดีดลงบ้าง แล้วอีกอย่างผมก็มีสิ่งที่อยากได้ ถึงได้เข้าไปทำงานที่ผับ "ทำตัวเหมือนเด็กมีปัญหา" "อย่าลืมมารับกูล่ะ" บอกเพื่อนแค่นั้นก่อนลงจากรถมา "งานก็งานมึงยังลำบากให้กูไปส่งอีก" อาร์มบ่นกระปอดกระแปด มองตามหลังเพื่อนสนิทเดินเข้าไปยังคอนโดหรูราคาหลายสิบล้าน นอนตีพุงสบายเป็นคุณชายก็ดีอยู่แล้ว เสือกหาเรื่องทำให้ตัวเองเหนื่อย กูหัวจะปวดกับมึงจริงๆ ไอ้ปืน แม่งจะติสต์แตกไปไหนวะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD