ภายในบ้านหลังหนึ่งที่เก่าซอมซ่อที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านนอกเมืองหลวง สองแม่ลูกอาศัยอยู่ด้วยกันตามลำพังโดยไร้บุรุษสักคน แม้แต่บิดาของเด็กน้อยก็ไม่อยู่แล้ว ผู้เป็นมารดาจึงเลี้ยงดูบุตรสาวด้วยตัวคนเดียวโดยการออกไปหาอาหารในป่าและให้บุตรสาวเพียงคนเดียวของตนนั้นอาศัยอยู่ในบ้านเพราะไม่อยากนำลูกไปด้วยเกรงจะเกิดพลัดหลงหรือมีอันตรายจากสัตว์ป่า และวันนี้ก็เช่นเดียวกันที่หลี่น่าผู้เป็นมารดาอย่างซิน หลี่น่าจะต้องออกไปหาอาหารในป่า
"เซียนเอ๋อร์แม่จะออกไปเก็บเห็ดป่ามาทำอาหารให้เจ้ากินนะ" หลี่น่าเอ่ยบอกบุตรสาวของตนพลางเดินไปหยิบตะกร้าเตรียมจะออกจากบ้าน
"ท่านแม่ให้เซียนเอ๋อร์ไปด้วยไม่ได้หรือเจ้าคะ" เด็กน้อยในวัยอย่างหกขวบปีเอ่ยอ้อนมารดาเพราะอยากจะติดตามไปด้วย ไม่อยากต้องอยู่ที่บ้านนี้ลำพังเพียงคนเดียวเช่นทุกวัน ท่านแม่นั้นมักออกไปแต่เช้ากลับมาก็เย็นมืดค่ำเสียทุกทีไป ในทุกๆวันต้องคอยกังวลว่าตัวเองจะถูกทิ้งหรือไม่ ด้วยเพราะเพื่อนในหมู่บ้านที่อายุไล่เลี่ยกันมักจะชอบพูดออกมาว่าเด็กน้อยอย่างนางจะต้องถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวเช่นที่บิดานางทิ้งไป ครานี้มารดาก็จะทิ้งไปเช่นกัน เด็กน้อยอย่างหนิงเซียนทำใจไม่ได้หากต้องถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพัง
"ไม่ได้หรอกเซียนเอ๋อร์ ในป่าอันตราย" นางเอ่ยบอกห้าม นึกเห็นใจบุตรสาวของตนอยู่ที่ต้องอยู่คนเดียว จะให้ไปเล่นกับเด็กในหมู่บ้านเดียวบุตรสาวของนางก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมไปเล่นไม่รู้เพราะเหตุอันใด แต่จะให้ติดตามไปก็ไม่ได้ นางไม่ได้อยากห่างลูกแต่มันจำเป็น ไม่อย่างนั้นทั้งนางและลูกต้องอดตาย
"เอาอย่างนี้นะเซียนเอ๋อร์ แม่จะรีบมาหาเจ้าให้เร็วที่สุดนะ"
"เจ้าค่ะ เซียนเอ๋อร์จะรอท่านแม่กลับมาหาเซียนเอ๋อร์" หนิงเซียนเอ่ยอย่างจำยอม ใบหน้าฉายความเศร้าหมองให้มารดาได้เห็น หลี่น่าลูบที่ศีรษะของบุตรสาวอย่างต้องการปลอบโยนใจดวงน้อย
"เด็กดี หากเจ้าอยากออกไปเล่นกับเพื่อนข้างนอกก็ได้นะแต่ห้ามออกจากหมู่บ้าน"
หนิงเซียนก้มลงส่ายหน้า
"เซียนเอ๋อร์ไม่ไปหรอกท่านแม่ เซียนเอ๋อร์จะรอท่านที่บ้าน"
หลังพูดคุยกันเพียงเล็กน้อยหลี่น่าก็เดินออกจากบ้าน ตรงไปป่าด้านหลังหมู่บ้านที่อยู่ไม่ไกลเพียงเดินเท้าไปสองเค่อ (30 นาที) ก็ถึงแล้ว ตรงทางเข้าป่ามีชาวบ้านเช่นเดียวกันกับนางออกมาหาอาหารในป่ากันมากมาย หลี่น่าจึงเดินเข้าไปในป่าลึกขึ้นเพราะบริเวณที่ยืนอยู่นั้นไม่เหลืออะไรให้นางแล้ว
ในยุคที่มีความเจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีมากต่างจากเมื่อก่อนในยุคโบราณ มีหญิงสาวผู้หนึ่งในวัยยี่สิบสี่ปีอย่างหยาง หลี่น่า ที่เพิ่งเรียนจบและเริ่มทำงานตำแหน่งบัญชีที่บริษัทแห่งหนึ่งได้ไม่นาน หลี่น่าตื่นนอนอย่างงัวเงียจากเสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งเอาไว้ แม้วันนี้จะเป็นวันหยุดแต่ที่ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ก็เพราะวันนี้จะต้องออกไปซื้อข้าวของอาหารจำเป็นมาตุนเก็บไว้ที่ห้อง เพราะเงินเดือนของเธอนั้นถูกโอนเข้าบัญชีเรียบร้อยแล้ว มนุษย์เงินเดือนอย่างเธอจำเป็นต้องบริหารจัดการเงินอย่างดี เพราะหากบริหารไม่ดีเงินอาจจะหมดก่อนถึงสิ้นเดือนก็ได้ ต่อให้เงินเดือนของเธอจะเยอะแค่ไหนแต่มันก็มาพร้อมกับภาระค่าใช้จ่ายที่มากตามไปด้วย
หลี่น่าใช้เวลาในการจัดการตัวเองไปเกือบสองชั่วโมง เธอถือคติที่ว่าต้องสวยที่ครั้งที่ก้าวขาออกจากห้อง เมื่อเป็นที่พอใจของตัวเองแล้วหลี่น่าก็ลงลิฟต์ไปยังชั้นจอดรถยนต์และขับรถยนต์ออกจากคอนโดมุ่งตรงไปยังห้างสรรพสินค้า
ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง หลี่น่าเดินผ่านชั้นหนึ่งขึ้นบันไดเลื่อนไปยังชั้นสองเพื่อจะซื้อข้าวของต่างๆ เธอดึงรถเข็นออกมาหนึ่งคันและเดินเข้าไปยังด้านในที่มีการแบ่งโซนอาหาร หลี่น่าเดินเลือกของที่จำเป็นสำหรับเธอทั้งของกินและของใช้ส่วนตัวเป็นเวลานาน จนเมื่อได้ครบทุกอย่างก็เดินไปชำระเงินค่าสินค้า และเข็นรถเข็นที่เต็มไปด้วยของต่างๆมากมายมายังชั้นจอดรถยนต์
หลี่น่าเข็นรถเข็นเดินไปยังรถยนต์ของเธอแต่ยังไม่ทันจะถึงจุดหมาย เธอก็พบว่าคนกำลังทะเลาะกันอยู่ เป็นผู้ชายสองคนกำลังต่อยตีกันโดยมีผู้หญิงหนึ่งคนกำลังเอ่ยห้าม หลี่น่าเห็นดังนั้นเธอก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเพราะกลัวโดนลูกหลง และที่สำคัญเธอเห็นกระเป๋าของผู้ชายคนนั้นมีปืนเหน็บเอาไว้อยู่ ไม่รู้จะถูกชักขึ้นมายิงใส่กันหรือไม่
เธอไม่ได้จะนิ่งเฉย เพียงแต่ยืนตรงนี้คงไม่ดีนัก ควรหาที่หลบและโทรแจ้งตำรวจ คิดดังนั้นสายตาก็รีบหันหาที่หลบ ที่ด้านหลังของเธอมีประตูอยู่แม้ไม่รู้ว่ามันคือห้องอะไร แต่มือก็รีบดันเข็นรถเข็นเข้าไปในห้องนั้นด้วย จะให้ทิ้งได้อย่างไรของเธอซื้อมาเยอะจ่ายเงินไปมาก อย่างไรก็ต้องเข็นรถเข้าไปด้วย
หลังเข็นรถและดันตัวเธอเองเข้ามาแล้วก็ควานหาโทรศัพท์และรีบโทรแจ้งเหตุกับตำรวจทันที วางสายกับตำรวจเสร็จสิ้นก็จะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าสะพายแต่ดันหลุดมือทำตกพื้น
"เอ้า! หลุดมือได้ไงเนี่ย" เอ่ยบ่นตัวเองและก้มลงไปหยิบโทรศัพท์เข้ากระเป๋าสะพาย ขณะที่กำลังยืนขึ้นหลี่น่าก็รู้สึกแปลกๆ
ผ่านไปแล้วหลายชั่วยามแต่มารดาของเด็กน้อยหนิงเซียนก็ยังไม่กลับมา หนิงเซียนนั่งรอมารดาอยู่หน้าบ้านจนค่ำมืดก็ไร้วี่แวว ความกลัวที่จะถูกทิ้งเริ่มกัดกินหัวใจของเด็กน้อย
"ท่านแม่.. เมื่อไหร่ท่านจะกลับมา" เอ่ยออกมาเบาๆราวเสียงกระซิบน้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้ก็เริ่มหลั่งไหล ความคิดฟุ้งซ่านกัดกินใจ
ฟ้ามืดถึงเพียงนี้แล้ว ท่านแม่ก็ยังไม่กลับ หรือจะถูกทิ้งเช่นที่คนอื่นกล่าว เพราะเมื่อเกิดมาท่านพ่อก็ทิ้งนางและท่านแม่ไป ญาติๆก็ล้วนตายจากไปหมดแล้ว คราวนี้ท่านแม่ก็จะทิ้งนางไปอีก เซียนเอ๋อร์ทำผิดอะไร เพราะเซียนเอ๋อร์ดื้อรั้นอยากจะออกไปป่ากับท่านแม่ ท่านแม่จึงโกรธเลยจะทิ้งใช่หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นเซียนเอ๋อร์อยู่เฉยๆไม่ดื้อรั้น ไม่ซนเลย ขอเพียงท่านแม่รีบมาได้หรือไม่
"ฮึก.. ฮือออ ท่านแม่.. เมื่อไหร่ท่านจะ อึก.. กลับมาหาเซียนเอ๋อร์ ฮือๆ" เด็กส่งเสียงร่ำไห้ใบหน้าอาบเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา สายตามองไปที่รั้วประตูหน้าบ้านอย่างจดจ่อแม้จะถูกบดบังจากน้ำใสๆก็ยังคงหวังว่าจะเห็นคนที่รอคอยนั้นกลับมา ไม่หวั่นต่อความมืดที่ปกคลุม
เสียน้ำตาไปมากจนหมดแรง ร่างของเด็กน้อยอย่างหนิงเซียนจึงฟุบลงขดตัวนอนที่หน้าประตูบ้าน