เช้าวันถัดมา หลี่น่าลุกขึ้นมาเตรียมตัวเพื่อเดินทางเข้าเมืองไปพร้อมกับซือฉีสามีของเพื่อนบ้าน หลี่น่าหยิบชุดมาสวมใส่พลางถอดถอนหายใจที่ต้องสวมเสื้อผ้าเก่าๆ นางอยากได้เสื้อผ้าชุดใหม่ หากต้องอยู่ที่นี่ไปอีกนานสักวันนางจะต้องซื้อชุดใหม่สวยๆมาสวมให้ได้ แต่ถึงแม้ชุดที่สวมใส่ที่เก่าจะดึงความดึงดูดให้น้อยลงไปมากแล้ว แต่ใบหน้าของนางนั้นจะด้อยหมองไม่ได้เด็ดขาด
ชุดไม่สวยแต่หน้าต้องสวย หน้าไม่สวยจะไม่ยอมออกจากบ้านเด็ดขาด
หลี่น่าเปิดกระเป๋าสะพายหยิบกระเป๋าใบเล็กที่ใส่เครื่องสำอางค์หรือเครื่องประทินโฉมที่ดูทันสมัยมากกว่าในยุคนี้ออกมา จัดการแต่งแต้มใบหน้าดูสวยงาม นางไม่ได้แต่งหน้าจัดมากแต่ดูเด่นสวยงามด้วยคิ้วที่ทรงสวย ทาสีตาสีอ่อน ขนตาที่ถูกปัดให้เรียงกันยาวราวกับแพร ปัดพวงแก้มไม่เด่นมากและทาริมฝีปากสีแดงที่ไล่ความเข้มอ่อนจากด้านใน เมื่อพึงพอใจกับใบหน้าของตนเองแล้วก็จัดการเก็บเครื่องประทินโฉมนั้นเข้ากระเป๋าใบเล็กและใส่ไปยังกระเป๋าผ้าเก่าๆที่คนในยุคนี้มักใส่ข้าวของหรือเสื้อผ้าน้อยชิ้นเวลาเดินทาง
ไม่ว่าจะเดินทางไปไหน ด้วยนิสัยเดิมคือต้องพกกระเป๋าใบเล็กนี้ติดไปด้วยเสมอ หากหน้ามันหรือโทรม สีปากหายไปก็สามารถหยิบออกมาแต่งแต้มได้ทันใจ
เพราะมัวแต่สนใจใบหน้าของตนเองจนไม่ได้สนเลยว่าเด็กน้อยอย่างหนิงเซียนได้ตื่นนอนขึ้นมาสักพักแล้ว เซียนเอ๋อร์ตัวน้อยนั่งมองมารดาปัดแก้มทาปากอยู่นาน ตั้งแต่ใบหน้าที่ไร้การแต่งแต้มจนบัดนี้แต่งแต้มออกมาได้สวยงามกว่าผู้ใดที่นางเคยได้เจอตลอดหกปีที่ผ่านมาตั้งแต่นางลืมตามาเกิด
"ท่านแม่สวยมากเลยเจ้าค่ะ" เห็นมารดาเก็บเครื่องประทินโฉมจึงเอ่ยชมขึ้น ทำให้หลี่น่ารู้ตัวแล้วว่าถูกแอบมองอยู่นานสองนาน
"เซียนเอ๋อร์ตื่นนานแล้วเหรอ"
"นานแล้วเจ้าค่ะ เซียนเอ๋อร์นั่งมองท่านแม่นานมากแล้ว"
"แล้วหิวหรือไม่ เดี๋ยวแม่จะเอาข้าวให้เจ้ากินก่อนจะออกไป"
"ท่านแม่จะไปนานหรือไม่เจ้าคะ" เสียงสดใสแผ่วเบาลงด้วยใจที่มัวหมองเพราะคิดอยากจะตามติดมารดาไปด้วยแต่ไม่กล้าเอ่ยปากขอ
"ช่วงเย็นแม่จะกลับมา เซียนเอ๋อร์รอแม่อยู่ที่บ้านกับท่านป้าซือถิงนะ หรือเซียนเอ๋อร์จะไปกับแม่" เมื่อวานนางได้ไว้วานเพื่อนบ้านซือถิงไว้แล้วว่าจะฝากลูกสาวตัวน้อยไว้กับนางเพราะหากพาแม่หนูน้อยไปด้วยเกรงว่าคงจะเดินไม่ไหวช่วงขากลับเพราะต้องเดิน
"ไปได้หรือเจ้าคะ!"
"แต่เซียนเอ๋อร์ต้องเดินนะ ระยะทางจากเมืองหลวงกลับมาหมู่บ้านเรามันไกลมากเลย แม่กลัวว่าเซียนเอ๋อร์จะเดินไม่ไหวแล้วพอเดินไม่ไหวเราสองแม่ลูกต้องนอนกลางป่านอนริมทางเลยทางเลยนะถ้าเดินทางช้า เซียนเอ๋อร์อยากให้แม่กลับบ้านเร็วๆแล้วเซียนเอ๋อร์รออยู่ที่บ้าน หรือจะไปพร้อมกับแม่แล้วต้องนอนริมทางเพราะเดินทางช้ากลับหมู่บ้านไม่ทันจนมืดค่ำ"
"เซียนเอ๋อร์อยากไปด้วย แต่ถ้าเซียนเอ๋อร์เป็นภาระท่านแม่เซียนเอ๋อร์จะรออยู่ที่บ้านเจ้าค่ะ"
"เซียนเอ๋อร์เจ้าไม่ได้เป็นภาระแม่เลย แต่แม่กลัวว่าเจ้าจะเดินทางไม่ไหวเพราะหนทางมันไกล ถ้าหากเซียนเอ๋อร์เดินนานจนปวดขาเดินต่อไม่ไหวมันไม่ใช่ภาระนะแต่เป็นเพราะแม่เป็นห่วงเซียนเอ๋อร์ไม่อยากให้เซียนเอ๋อร์ต้องเหนื่อยเดินจนปวดขา" หลี่น่ารั้งตัวของเซียนเอ๋อร์ตัวน้อยมาไว้ในอ้อมกอดพร้อมลูบหัวไปอธิบายให้แม่หนูฟังไป
"แม่เป็นห่วงเจ้านะ รู้หรือไม่"
"เซียนเอ๋อร์รู้แล้วเจ้าค่ะ เซียนเอ๋อร์จะรอท่านแม่อยู่กับท่านป้าซือถิงที่บ้าน" หนิงเซียนเงยหน้ามองมารดาพลางเอ่ยตอบและมุดตัวกลับไปกอดร่างหลี่น่าไว้เช่นเดิม
ขอกอดท่านแม่ไว้นานๆก่อน ไม่ชอบความรู้สึกที่ต้องห่างกับมารดาเลยสักครั้ง ราวกับว่าแต่ละครั้งที่ท่านแม่ออกจากบ้านคล้ายจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วอย่างนั้น
หลี่น่ากอดตอบร่างเล็กของหนิงเซียนรับรู้ได้ว่าแม่หนูน้อยนั้นรักมารดาของตนมากและแทบไม่อย่างออกห่างเลยแม้เพียงครู่เดียว
"ดีมาก แม่สัญญาจะรีบกลับมาไม่ให้มืดค่ำแน่นอน" นางผละตัวให้หนิงเซียนคลายกอดออกและไปเตรียมอาหารไว้ให้แม่หนูน้อยในช่วงที่นางจะไม่อยู่ก่อนจะออกไปขึ้นรถลาออกไปกับซือฉี
ใช้เวลาเดินทางสักพักก็เดินทางมาถึงเมืองหลวง เมืองที่ทุกคนต่างเฝ้าฝันจะย้ายมาอยู่เพราะมีร้านค้าร้านอาหาร ข้าวของมากมายให้เลือกสรรจัดซื้อล้วนมีแต่ของดีๆทั้งนั้น
ซือฉีบังคับลาให้เดินทางเข้าเมืองและมาหยุดใกล้ที่ทำงานของตนที่เป็นโรงเตี๊ยม ในรถเทียมลามีร่างของหลี่น่านั่งอยู่เมื่อรู้ตัวว่าถึงที่หมายแล้วก็ลงจากรถเอ่ยกล่าวขอบคุณอีกฝ่ยที่ยอมให้ติดรถมาด้วย
"ขอบคุณมากนะเจ้าคะ"
"ไม่เป็นไรหรอกหลี่น่า เรามันเพื่อนบ้านกันมีอะไรก็ช่วยเหลือกันได้อยู่แล้วมันเรื่องแค่นี้เอง อ้อ แล้วตอนขากลับก็เดินๆรวมกลุ่มกับพวกชาวบ้านไว้นะอย่างเดินคนเดียวเลย"
"เจ้าค่ะ"
"ร้านผ้าที่เจ้าต้องไปการสมัครงานอยู่ถัดไปอีกซอกซอยหนึ่งนะ" หลี่น่าเอ่ยขอบคุณอีกครั้งและบอกลาอีกฝ่ายก่อนจะเดินจากไปเพื่อไปยังร้านที่สมัครงาน