Chapter 3: กลางทะเล
รุ่งเช้าเราเช็กเอ๊าท์แบบเฉียดฉิว ก่อนเดินทางไปหัวหิน เพราะยังไม่ได้เวลาเช็กอิน เราจึงไปกินมื้อเที่ยงกันก่อน กินเสร็จก็ใกล้เวลาเช็กอินจึงเดินทางไปบ้านพักติดชายทะเล บรรยากาศดีมาก จนฉันกับนุ่นร้องกรี๊ดอย่างถูกใจ เพราะเราค้างคืนที่นี่สามคืน
“ไอ้ตรีแม่งจองบ้านพักถูกใจมาก”
“บ้านดี ติดทะเลขนาดนี้ คืนละสามพันโคตรถูกเลย” ฉันพึมพำขณะเดินชมบ้าน ที่ห้องนอนถึงสามห้อง
“นั่นสิ อย่างต่ำมันน่าจะห้าพันเปล่าวะ” ยัยนุ่นพึมพำ ก่อนจะเอ่ยต่อ
“ช่างเถอะ เราจ่ายเงินไอ้ตรีไปแล้วนี่ มันก็คงราคาแค่นั้นแหละ”
“อือ...” ฉันพยักหน้ารับ ก่อนเราสองคนจะได้เป็นคนเลือกห้องก่อน แน่นอนเลือกห้องที่วิวดี มองเห็นทะเลจากหน้าต่างข้างห้อง
พอเก็บเสื้อผ้าข้าวของส่วนตัวเรียบร้อย ยัยนุ่นก็หันมาทางฉัน มองตามันก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร
“มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”
“วันที่กินเลี้ยงวันนั้น” ฉันจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ยัยนุ่นฟังเรื่องที่อีหมวยมันวางยาปลุกเซ็กซ์ในแก้วเหล้าฉัน
“เวรจริงๆ” ฟังจบยัยนุ่มก็พูดเหมือนไม่รู้อะไรมากกว่านั้น
“แต่เมื่อคืนจูบกัน หมายความว่าไงวะ”
“เอ่อ กูไม่รู้เหมือนกัน ไอ้ตรีมันบ้าว่ะ จู่ๆ ก็อยากลองจูบกันดู”
“เพื่อ...”
“มันบอกอยากรู้ว่าจูบครั้งนี้จะเป็นยังไง”
“แล้วเป็นไงล่ะ”
“กูก็ยังไม่ได้ถามมัน”
“กูถามมึงนั่นแหละ แล้วรู้สึกยังไงกับจูบเมื่อคืน จูบแบบไม่ได้มียาปลุกเซ็กซ์น่ะ”
“กูก็...” ฉันเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน มันสับสนระหว่างสิ่งที่ควรรู้สึกกับความรู้สึกจริงๆ ของตัวเอง
“มันยังไง”
“กูบอกไม่ถูกว่ะ”
“มึงรู้สึกดีมั้ย”
“มันก็ไม่ได้เลวร้าย อาจเพราะกูกับไอ้ตรีมันก็เป็นเพื่อน คือแบบ...”
“มึงชอบมัน”
“ก็แน่นอนมันเป็นเพื่อนกูตั้งเรียนเรียนประถมเลยนะ จะไม่ชอบได้...”
“มึงชอบมันมากกว่าเพื่อน”
“เฮ้ย บ้า ไม่ใช่หรอก มันจะเป็นแบบนั้นได้ยังไง”
“ใช่ มันไม่ควรเป็นแบบนั้น แต่กูว่ามึงกับไอ้ตรีกู่ไม่กลับแล้วล่ะ แต่กูไม่แปลกใจนะกับไอ้ตรีน่ะ กูคิดว่ามันชอบมึงมานานแล้ว เวลามึงไปเที่ยวหรือไปไหนกับแฟน วันนั้นมันจะหงอยๆ อารมณ์ไม่ดี”
“เฮ้ย บ้าน่า”
“จริงๆ และมึงเองก็อาจจะชอบมันมานานแล้วเหมือนกัน แต่มึงไม่รู้ตัว”
“โอ๊ย บ้าแล้ว ของแบบนี้จะไม่รู้ตัวได้ยังไงล่ะ มันไม่ใช่หรอกมึง”
“มึงถามใจตัวเองดูดีๆ และที่สำคัญ มึงแน่ใจนะว่าเรื่องแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีก เพราะไม่งั้น มันก็เท่ากับว่ามึงไม่ต่างจากพี่บิ๊กที่นอกใจมึงน่ะ และถ้าน้องรินรู้เข้า คงเสียใจ”
ยัยนุ่นเอ่ยถึงไอ้พี่บิ๊ก แฟนเก่าที่วันก่อนมาขอคืนดี
“มันจะไม่เกิดขึ้นหรอกมึง”
“ถ้ามึงแน่ใจก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่แน่ใจก็ควรบอกเลิกน้องรินก่อน ไม่งั้นมึงจะเป็นฝ่ายนอกใจน้องเขา ตอนนี้ก็นอกกายไปแล้วครั้งหนึ่งนะ นั่นถือว่าเป็นอุบัติเหตุแล้วกัน”
“กูก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกันว่ะ ถึงคืนนั้นจะทำไปเพราะฤทธิ์ยา แต่มันก็รู้สึกตงิดในใจ”
“จะตัดสินใจยังไงก็คิดดีๆ แล้วกัน แต่มึงแน่ใจได้ยังไงว่ามึงกับไอ้ตรีจะไม่เอากันอีก ของมันเคยๆ นะ แถมตัวติดกันแบบนี้ โอกาสจะเกิดขึ้นได้มันง่ายมากนะมึง”
“เดี๋ยวกลับกรุงเทพฯ กูจะให้มันย้ายออกจากห้องกู ให้มันไปอยู่กับไอ้ปีก่อน จนกว่ามันจะหาห้องได้”
“ยังไงมึงกับมันก็ยังต้องทำงานที่ร้านป้ามึงด้วยกัน ยังไปไหนมาไหนกันปกติ ไม่ว่ามึงกับมันจะพักคนละที่ก็เถอะ หรือมึงกับมันจะไม่ได้ทำงานด้วยกัน มันก็เกิดขึ้นได้เปล่าวะ”
“มึงอย่าพูดให้กูกลัวสิ”
“กลัวใจตัวเองเถอะ จะว่าไปมึงกับมันก็สมกันดีนะ รักกันมาตั้งแต่ยังเด็ก”
“รักแบบเพื่อนโว้ย” ฉันแก้ต่างให้
“แต่ยังไงก็รักและผูกพันกันมานาน”
“กูบอกตามตรง ไอ้ตรีตอนยังเด็ก มันไม่ได้เหมือนตอนนี้เท่าไหร่หรอก มันทั้งขี้แย ขี้กลัวสารพัด กูต้องคอยดูแลมันตลอด ไม่คิดว่าโตมา มันจะ...”
“จะเอามึงใช่มั้ย”
“อีบ้า กูปล้ำมันต่างหาก”
“แต่มันก็สมยอม”
“มันสู้แรงกูไม่ไหว”
“มึงนี่นะ คิดได้ กูว่ามึงโดนมันหลอกแล้ว”
“หลอกอะไรล่ะ”
“มันหลอกที่แกล้งขัดขืนมึงไง”
“รุ่งขึ้นมันร้องไห้ ด่ากูอีทอมเลวด้วย”
ยัยนุ่นถึงกับหัวเราะก๊าก
“ไอ้ตอแหล” ยัยนุ่นด่า ก่อนที่ไอ้คนที่ถูกด่าจะโผล่หน้ามา ใส่แค่กางเกงขาสั้นตัวเดียว เปลือยท่อนบนโชว์แผงอกแน่นๆ พร้อมรอยสักสิงโต
“ไปเล่นน้ำทะเลกันเถอะ”
“มึงไปก่อนเลย เดี๋ยวกูกับไอ้เก้าเปลี่ยนชุดก่อน” ยัยนุ่นบอก
“เอ่อๆ รีบตามมานะ จะได้ถ่ายรูปกัน” พูดจบมันก็รีบเดินไปจากนั้นทันที เพราะเสียงเรียกของไอ้ปีดังลั่นบ้าน
“ถ้ามึงจะอ่อนไหวกับมัน กูเข้าใจนะ แม่งหล่อฉิบหาย เท่ และมันก็เซ็กซี่สุดๆ”
“มึงนั่นแหละอ่อนไหวกับมันหรือเปล่า” ยัยนุ่นก็ชมไอ้ตรีเกินเบอร์จริงๆ
“โอ๊ย กูอยากจะอ่อนไหวหรอก แต่กูรู้ไง ว่ายังไงมันก็ไม่เอากู กูจะอ่อนไหวให้ตัวเองอกหักรักคุดทำไม ที่สำคัญตอนนี้มันเป็นผัวมึงแหละ”
“ผัวบ้าอะไร กูยังไม่ได้คบกับมัน!”
“ยังไงก็เถอะ กูไม่นอนกับผู้ชายคนเดียวกันกับเพื่อนซี้โว้ย! ถ้าไม่รู้ก็แล้วไป แต่นี่กูก็รู้แล้ว” ยัยนุ่นทิ้งทวนประโยคแล้วหัวเราะร่วน
“เฮ้อ กูไม่น่าบอกมึงเลย”
“บอกน่ะดีแล้ว กูจะได้ไม่เผลออ่อยไอ้ตรีมัน”
“มึงก็พูดไปเรื่อย”
“เอ่อ ตอนนี้มึงกับกูรีบไปชายหาดกันเถอะ”
ไม่กี่นาทีต่อมาฉันกับยัยนุ่นก็เดินลงมาหาด หาดกว้างก็จริง แต่ผู้คนก็เยอะมาก ไม่รู้พวกมันเดินไปถึงไหน หรือลงเล่นน้ำกันไปแล้ว ฉันกับยัยนุ่นจึงถ่ายรูปกันสองคนไปก่อน
“มึงถอยหลังไปอีก ไม่ต้องถ่ายโฟกัสหน้ากู ถ่ายให้เห็นทั้งตัว และให้เห็นทะเลกว้างๆ”ยัยนุ่นบอก
“อือ...” ฉันครางรับ แล้วถอยหลังตามที่ยัยนุ่นบอก กระทั่งฉันชนกับร่างใครบางคน
“เชี่ย!” ได้ยินเสียงสบถอย่างอารมณ์เสีย ฉันจึงรีบหมุนตัวเพื่อจะขอโทษ เห็นหน้าผู้ชายตัวสูงกว่าฉันแค่นิดหน่อย หน้าตาดีแบบกลางๆ ที่สำคัญดูหัวเสียมาก
“ขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” ฉันลนลานขอโทษ คิดว่าจะโดนด่าหรืออะไรมากกว่านั้น แต่อีกฝ่ายมองกวาดร่างฉันอย่างสำรวจ จ้องขาที่โผล่พ้นกางเกงขาสั้นของฉันแล้วยิ้มออกมา
“โอ๊ะ ไม่เป็นไรน้อง คนเราไม่ได้มีตาหลังนี่เนาะ ว่าแต่น้องชื่ออะไรครับ”
“ขอบคุณนะคะที่ไม่โกรธ ฉันชื่อเก้าค่ะ” ฉันบอกไปตามตรง ไม่ได้ชอบสายตาของหมอนี่นักหรอก แต่เห็นว่าฉันผิดที่ไปชนเขาก่อน เลยไม่อยากแสดงท่าทีอะไรออกไปให้มาก
“พักอยู่ที่ไหน”
“เอ่อ แถวนี้แหละค่ะ”
“บ้านพักของพี่ก็อยู่แถวนี้ บ้านหลังนั้นน่ะ ตึกสีขาวตรงนั้น เห็นมั้ย” เขาชี้มือไปยังบ้านพักเป็นตึกสีขาวทรงโมเดิร์น ที่อยู่ห่างออกไปจากตรงที่ยืนอยู่ไม่มาก แต่คือมาบอกฉันเพื่อ...
“คืนนี้พี่กับเพื่อนจะจัดปาร์ตี้ น้องกับเพื่อนมาร่วมสนุกกันได้นะครับ”
“อ๋อ ขอบคุณค่ะที่ชวน แต่ฉันกับเพื่อนไม่ชอบปาร์ตี้ค่ะ ขอตัวนะคะ” พูดจบฉันเห็นใบหน้าเขาแสดงความผิดหวังนิดหน่อย แต่ฉันไม่สนใจ เดินไปหายัยนุ่น เพื่อจะรีบเดินไปจากตรงนี้ แต่ข้อมือฉันกลับถูกจับไว้
“น้อง พี่ขอเบอร์ได้มั้ย หรือไลน์ก็ได้”
“คือ ฉันไม่สะดวก ขอโทษด้วยนะคะ” ฉันปฏิเสธ แล้วบิดข้อมือออก แต่เขากลับไม่ยอมปล่อย แถมใบหน้าบ่งบอกว่าไม่พอใจอีก
คนบ้าอะไร ขอเบอร์คนอื่น พอไม่ให้แล้วโกรธ
“ปล่อยค่ะ”
“ไม่ปล่อยจะทำไม”
“อ้าว” ฉันกับยัยนุ่นร้องขึ้นพร้อมกัน
“แน่ใจว่าจะไม่ปล่อยนะคะ” ฉันถามเพื่อความแน่ใจ
“คิดว่าตัวเองสวยนักหรือไง!”
“ฮ่าๆ” ฉันหัวเราะออกมาอย่างเหลืออด
“ไม่เลย แต่ขนาดไม่สวย ยังมีคนตื๊อขอเบอร์ พอไม่ให้ทำเป็นพาล ขอเตือน ปล่อยมือฉันเดี๋ยวนี้!”
“ไม่ปล่อยจะทำ... โอ๊ย!”
ฉันไม่ปล่อยให้มันพูดจบประโยคหรอก ถีบกลางลำตัวถูกจุดสำคัญ นั่งจุกอยู่บนพื้นทราย ร้องโอดโอย
“เตือนแล้วนะ”
“อีเวร มึงนึกว่าตัวเองเป็นใคร รู้มั้ยว่ากูเป็นใคร!” ยังทำปากดี ทั้งที่ยังลุกจากพื้นทรายไม่ได้
“กูไม่รู้โว้ย และไม่อยากรู้ผู้ชายเหี้ยๆ อย่างมึงหรอก” ฉันยังจะเข้าไปถีบหน้ามันจริงๆ ดีว่ายัยนุ่นดึงแขนไว้
“เกิดอะไรขึ้นวะ!” ไอ้ตรีโผล่หน้ามาทันที หน้าตาตื่นๆ และหอบนิดๆ เหมือนวิ่งมาแต่ไกล สงสัยมันจะเห็นเหตุการณ์ว่าฉันกำลังมีเรื่อง เลยวิ่งมาหา
ฉันยังไม่ทันตอบคำถามมัน เสียงของไอ้ผู้ชายคนนั้นก็ดังขึ้นก่อน
“กูไม่คิดว่าโลกจะกลมขนาดนี้ มึงเองเหรอไอ้ตรี ไอ้คนถูกพ่อทิ้ง และอย่าบอกนะว่าอีผู้หญิงคนนี้เป็นเมียมึง”
“ไอ้แทนไท!”
ไอ้ตรีเค้นเสียงออกมา แล้วหันไปจ้องไปคนที่นั่งอยู่บนพื้นทราย ก่อนที่มันจะลุกขึ้น ยิ้มมุมปากเดินมาหยุดตรงหน้าไอ้ตรี
“เออ กูเอง มึงคงไม่แปลกใจมั้งที่เห็นกูที่นี่ แต่กูสิ แปลกใจมากที่มึงมาอยู่ที่นี่ กูนึกว่ามึงเร่ร่อนอยู่ที่ลอนดอนเสียอีก ไม่คิดว่ามึงจะอยู่เมืองไทย แถมมาโผล่ที่หัวหินอีก ดูท่าจะพักแถวนี้เสียด้วย มึงคงคิดถึงความหลังสินะ ฮ่าๆ” มันจบประโยคยาวๆ ที่ฉันไม่เข้าใจด้วยเสียงหัวเราะ
แต่ไอ้ตรีกลับไม่ได้โต้ตอบคำพูดยืดยาวนั้น มันมึงแขนฉันเพื่อจะเดินจากไปตรงนั้น แต่เสียงของอีกฝ่ายดังขึ้นทำให้มันชะงัก
“ถ้าอีนี่คือเมียมึง วันหนึ่งมันก็จะเป็นเมียกู เหมือนที่พ่อมึง กลายมาเป็นพ่อของกูตอนนี้ไง”
ไอ้ตรีหันไปมองไอ้ปากหมานั่นด้วยดวงตาดุกร้าว แต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะร่วน ส่วนฉันอยากเตะปากหมาๆ ของมันมาก แต่รอก่อนเหอะ ตอนนี้ฉันอยากรู้ว่าไอ้คนนี้มันเป็นใครกันแน่ ทำไมไอ้ตรีถึงมีอาการแปลกๆ กับคำพูดของมันด้วย
“เฮ้ย เวลามึงมองกูแบบนี้ โคตรเหมือนแฝดคนละแม่ของมึงมากๆ เลยว่ะ เสียดายไอ้โทแม่งดันใจเสาะลงนรกไปเร็วเกิ๊น บอกตามตรงนะ ถ้าหน้ามึงไม่มีขี้แมงวันข้างแก้ม และตัวมึงสูงขึ้นมาอีกสามสี่เซนฯ กูนึกว่ามึงเป็นไอ้โทจริงๆ นะเนี่ย เพราะมึงตัวล่ำขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก แถมมึงยังไปสักรูปสิงโตเหมือนไอ้โทอีก”
ไอ้ปากหมามองรอยสักที่แผ่นอกเปลือยของไอ้ตรี ที่ยังยืนนิ่ง แต่ฉันรับรู้ว่ามันเครียด เกร็งมือจนเผลอบีบแขนฉันแรง และถึงฉันจะเกลียดไอ้ปากหมาแค่ไหน แต่เรื่องที่อีกฝ่ายพล่ามออกมานั้นทำให้ฉันยิ่งงุนงง โดยเฉพาะเรื่องแฝดคนละแม่ของไอ้ตรี
‘สรุปไอ้ตรีไม่ใช่ลูกคนเดียวเหรอวะ’
“นี่ไอ้ตรี ถ้ามึงยกอีนี่ให้กู บางทีกูอาจจะไปขอร้องให้พ่อมึง รับมึงกลับบ้านก็ได้นะ”
ในนาทีนั้นเองฉันแกะมือไอ้ตรีออกข้อมือ แล้วหมุนตัวแล้วจระเข้ฟาดหางไปบนลำตัวไอ้ปากหมาให้ไปนอนบนพื้นทรายอีกรอบ
ก่อนที่ฉันจะเป็นฝ่ายจับข้อมือไอ้ตรี และยัยนุ่นเดินลิ่วไปจากตรงนั้นทันที
ฉันยังไม่ปล่อยมือจากไอ้ตรี ตั้งใจจะพามันไปซักถามเกี่ยวกับสิ่งที่ฉันสงสัย แต่ไอ้ปีกับไอ้พัทวิ่งตามหลังมา
“เฮ้ย พวกมึงจะไปไหนเนี่ย ไม่เล่นน้ำกันหรือไง”
“พอดีกูมีเรื่องจะคุยกับไอ้ตรีมัน พวกมึงไปเล่นก่อนเหอะ นุ่นด้วย ไปเล่นกับไอ้สองคนนี้ก่อนนะ” พูดจบฉันก็ลากแขนไอ้ตรีกลับไปยังบ้านพัก
“ตกลงมึงกับไอ้ปากหมานั่นคือ...” พอมานั่งในห้องโถงบ้านพักฉันก็ตั้งคำถามที่พอจะเดาออกอยู่บ้าง แต่อยากฟังชัดๆ จากปากไอ้ตรี
“มันคือลูกบุญธรรมของพ่อกูเอง”
“ตกลงมันไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อมึง”
“ไม่ใช่ มันเป็นหลานของแม่เลี้ยงกู ที่เขารับมันเป็นลูกบุญธรรมน่ะ กับเมียใหม่ เขาไม่ได้มีลูกด้วยกันหรอก”
“อือ...แบบนี้เอง แล้วเรื่องที่ไอ้นั่นพูด มันคืออะไร เร่ร่อนที่ลอนดอน แล้วแฝดคนละแม่คืออะไร ชื่อไรนะ โทเหรอ ลงนรกคือหมายความว่าไงอะ” ฉันจำคำพูดของไอ้ปากหมานั้นได้อย่างแม่นยำ
“ตายไง ไอ้โท พี่ชายกูเอง”
:::::::::::::::::