รามิลในวัยเด็ก หน้าตาคมขำ มีรอยยิ้มที่แสนน่ารัก น่าเอ็นดู เป็นที่เห็นพ้องกันว่าเขามีแววเฉลียวฉลาด หากความยากจนทำให้เขาเจียมตัว ชีคเบนจามีนรับเลี้ยงเขาเป็นลุกบุญธรรมเพื่อให้มาเป็นเพื่อนเล่นของวชิตารีย์ เขามีหน้าที่ดูแลปกป้องหล่อนตามที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก
ความที่วชิตารีย์ที่ถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจนั้นก็ไม่ได้เป็นเพื่อนที่ดีต่อเขานัก เพราะหล่อนเป็นเด็กที่แสนดื้อเอาแต่ใจเสมอมา แต่รามิลก็ไม่เคยปริปากบ่น หรือต่อว่าอะไร เขายังเป็นคนที่อยู่เคียงข้าง ตามดูแลหล่อนสม่ำเสมอ ของเล่นที่อยู่ที่มือเขา แม้ว่าเขารักมากเพียงใด หล่อนอยากได้เขาก็ต้องยื่นให้
เมื่อเติบโตมาเช่นนี้ก็ทำให้วชิตารีย์ชื่นชอบการที่มีเขาอยู่เคียงข้าง และคิดเสมอว่าเขาเป็นดั่งเงาที่ได้ดั่งใจตนเองกว่าใครในโลกนี้... เมื่อเขาหล่อเหลาดูมีเสน่ห์มากขึ้น ผู้คนมากมายมารายล้อม วชิตารีย์ไม่ให้เขาคบกับผู้หญิงคนไหนเกินเพื่อนเพราะไม่อยากให้เงาของตนเองแยกจากไป เขาก็ยินยอมทำตามเพราะไม่อยากฟังหล่อนบ่นหรือว่าทำการใดประชดให้ลำบากใจ
มันเป็นเช่นนั้นเสมอมา จนตามตะวันผู้ที่เปรียบเสมือนมารดาได้เอ่ยตักเตือนหล่อนหลายครั้งว่าอย่าทำตัวไม่น่ารัก หรือว่าทำอะไรให้รามิลรู้สึกลำบากใจเกี่ยวกับการดูแลหล่อนมากนักเพราะสงสารเขา แต่วชิตารีย์ก็ไม่เคยสนใจ คิดว่าเขาจะต้องซื่อสัตย์กับหน้าที่ที่มีต่อหล่อนแม้ว่าหล่อนจะไม่เคยทำดีกับเขา ติดจะทำให้เขาเอือมระอาตลอดมากับพฤติกรรมการเอาแต่ใจไม่มีใครเกินของหล่อน จนวันนี้เรื่องที่หล่อนไม่เคยคาดคิดมันก็กลับเกิดขึ้น เมื่อสบโอกาส เขาก็แยกห่างจากหล่อนไปทั้งที่เขาเคยบอกว่า เขาจะดูแลหล่อนตลอดไป เขาจะไม่มีทางให้ความสำคัญกับคนอื่นมากกว่าหล่อน...
วชิตารีย์ไม่ยอมให้มันจบแบบนี้แน่....
ในเมื่อเขาเป็นของหล่อนแต่แรก หล่อนก็จะไม่ยอมยกให้ใคร...
หล่อนไม่ยอมพ่ายแพ้ และยอมเสียคนที่เป็นของหล่อนให้ใครไปง่ายๆ อย่างนี้แน่นอน...
ถึงแม้ว่าหล่อนจะปากเก่ง ตัดขาดกับเขาไป และคิดว่าถึงอย่างไรหล่อนก็ไม่มีทางไปง้อเขาให้กลับมาเอาอกเอาใจหล่อน แต่หล่อนก็มีวิธีของหล่อนที่จะจัดการนำเขากลับคืนมา...
และเขานั่นแหล่ะที่ต้องเป็นฝ่ายกลับมาหาหล่อน... และต้องง้องอนหล่อนด้วยตัวเอง
วชิตารีย์มั่นใจ ว่ามันต้องมีวันนั้นแน่นอน...
ลืมไปได้เลยพี่รามิล เรื่องที่จะคิดตีตัวออกห่างกันไป... เพราะนั่นมันคือสิ่งสุดท้ายในโลกนี้ที่ลูกตาลจะยอมให้พี่ทำ... หล่อนบอกกับเขาในใจ
ดังนั้นเมื่อกลับมาถึงบ้าน สิ่งแรกที่หล่อนทำคือ การกลับมาฟ้องตามตะวัน ว่าเขาเปลี่ยนไป อย่างน้อยตามตะวันต้องสั่งให้รามิลขอโทษหล่อนที่เอ่ยตัดรอนกับหล่อนไปเช่นนั้น และสั่งให้เขาทำดีกับหล่อนเหมือนเดิม...
แต่วชิตารีย์กลับต้องพลาดหวัง เมื่อหล่อนต้องเผชิญกับการไม่เห็นด้วยเป็นครั้งแรก...
“ลูกตาล ฟังแม่นะลูก หนูไม่ควรไประรานพี่รามิลแบบนั้น แม่เคยจะเตือนลูกหลายครั้งแล้วว่าอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับเขาหรือว่าบังคับเขาอีก เพราะเท่าที่รามิลดูแลเรามาจนโตและช่วยเหลือกิจการเราอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย แม่ก็เกรงใจเขาจะแย่แล้ว พี่เขาต้องทำงานทำการลูกก็อย่าไปรบกวนพี่เขามากนัก หนูน่ะโตแล้ว ไม่ใช่ ที่จะมาบังคับให้พี่รามิลคอยตามใจเหมือนตอนเด็กๆ แล้วนะลูก” น้ำเสียงบอกอย่างอ่อนโยนของตามตะวันไม่ได้ทำให้หล่อนได้ความคิดอะไรดีขึ้นมาเลยนอกจากจะงอนที่มารดาไม่เห็นด้วยกับหล่อน...
“ทำไมทุกคนสนับสนุนที่พี่รามิลตีตัวออกห่างนะคะ พ่อมีบุญคุณกับพี่รามิลแบบที่ว่าชาตินี้ก็ชดใช้ไม่หมด เขาจะต้องชดใช้ตลอดไป ไม่มีสิทธิ์เป็นเอกราช” วชิตารีย์แสดงความคิดที่คิดมาตลอด
เมื่อก่อนนั้น นะดา พี่สาวของรามิล เคยร่วมมือกับกองโจรศัตรูของชีคเบนจามีนวางยาพิษชีคเบนจามีนจนเกือบถึงแก่ชีวิต แต่ไม่สำเร็จ หลังจากที่นะดาถูกจับตัวไป นะดาก็ฝากรามิลเอาไว้ ชีคเบนจามีนและตามตะวันก็ดูแลรามิลอย่างดีที่สุด ไม่เคยคิดแค้นอะไรนั่นทำให้รามิลยิ่งจงรักภักดีกับครอบครัวชีคเบนจามีน และไม่เคยปริปากบ่นถึงความลำบากใจที่ต้องคอยรองรับความลำบากใจที่จะต้องเติบโตมากับวชิตารีย์
ตามตะวันรู้ดีว่าตั้งแต่เด็กจนโตเขาไม่มีความสุขนัก เพราะลูกตาลในสมัยเด็กก็ดื้อมากจนรามิลต้องยอมตลอด เขาต้องเสียสละให้เด็กหญิงเสมอ ไม่มีสักครั้งที่รามิลจะได้ทำอะไรตามใจตนเอง เพราะต้องเอาความคิดและความรู้สึกของวชิตารีย์เป็นที่ตั้งทุกครา แม้ผู้ใหญ่หลายคนจะคิดว่าเขาอาจจะอึดอัด แต่รามิลก็อดทนมาตลอด จนทั้งสองเติบโตขึ้นมาแล้ว รามิลก็แยกตัวออกไปทำงานอื่น... การที่วชิตารีย์เรียกร้องให้เขาทำตามใจตนเองเหมือนตอนที่เป็นเด็กๆ จึงทำให้ตามตะวันไม่ตามใจลูกอีก เพราะเห็นควรว่า รามิลควรจะได้มีชีวิตเป็นของตนเองและเป็นอิสระบ้าง...
“หนูอย่าพูดอย่างนั้นนะลูก และก็ไม่ควรคิดอย่างนั้นด้วย ชีวิตของรามิลก็เป็นของรามิล ถึงราจะมีบุญคุณกับเขามากเท่าไหร่ เราก็ไปบังคับเขาไม่ได้ เรื่องที่เขาจะตอบแทนหรือไม่มันก็เป็นเรื่องที่อยู่ในใจเขา การที่เขาดูแลกิจการให้คุณพ่อไม่ไปเปิดกิจการของตนเองทั้งที่มีศักยภาพคือสิ่งที่เขาตอบแทนเรานะลูก แต่ถึงวันหนึ่งถ้าเขาต้องแยกออกไป เราก็ไม่สามารถห้ามเขาได้ เพราะชีวิตของเขาคือเขาเอง ลูกอย่าไปทำอะไรให้พี่รามิลลำบากใจมากกว่านี้อีกเลยนะ เดี๋ยวเกิดเขารู้สึกแย่จนไม่อยากอยู่ เราจะลำบากเอานะ”
“ทำไมเราต้องมาคอยนั่งกลัวว่าเขาจะตีจากเรา... เราก็ต้องบอกเขาเสมอสิคะว่า เขาต้องอยู่กับเราตลอดไป เหมือนเรื่องลูกตาลก็เหมือนกัน เขากล้าดียังไงมาบอกว่ารำคาญที่จะคอยเดิมตามลูกตาลต้อยๆ เขาเคยเป็นบอดี้การ์ด พอได้ดีกว่าเก่าหน่อยก็ทำเป็นไม่อยากทำงานเก่า แม่ไม่โกรธหรือไงคะที่เขาแสดงอาการว่าไม่อยากดูแลพวกเราอีกต่อไปแล้ว”
ตามตะวันส่ายหัว... หล่อนผ่านโลกมามากกว่าวชิตารีย์ จึงมองออกว่าหญิงสาวมีความคิดที่คับแคบ และเข้าใจโลกน้อยนัก เวลามองอะไรก็มักจะมองในมุมของตัวเองเป็นหลักเสมอ ช่างไม่แตกต่างกับหล่อนสมัยที่ยังอายุเท่านี้เลย... แต่หล่อนเชื่อว่ายามที่คนที่ตนรักไม่ต่างจากลูกสาวแท้ๆ เติบโตขึ้นมากว่านี้ หรือว่าพบเจอโลกมากกว่านี้แล้วจะทำให้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป หล่อนเองก็พยายามสอนและปลูกฝังสิ่งดีๆ เพื่อเปลี่ยนแนวคิดให้ลูกตาลตามที่มีเวลาทำ...
“ลูกตาลอย่าเบี่ยงประเด็นสิลูก แม่เชื่อว่า รามิลไม่เคยคิดทอดทิ้งพวกเรา... เพราะถ้าเขาทำ เขาคงเรียนหมอตามที่อยากเรียนตั้งแต่แรก แต่การที่คุณพ่อไม่มีลูกชายและร้องขอให้เขาเรียนบริการธุกิจเพื่อมาสืบทอดกิจการและเขาก็ทำตามทำให้รู้ว่าเขายอมทำเพื่อตอบแทนเรานะ เขาไม่ได้คิดจะตีจากหรือว่าทอดทิ้งเราอย่างที่หนูว่าแน่นอน แม่ว่าการที่เขาขอให้ลูกตาลเลิกยุ่งนั่นก็คงเป็นประมาณว่า เขาไม่อยากให้ลูกไปยุ่งเรื่องส่วนตัว อย่างเช่นไปกำหนดว่าเขาจะต้องรักใคร เลิกกับใคร หรือว่าต้องให้เขาทำตามใจหนูทุกอย่าง แม่ว่าเขาก็พูดถูกนะว่าบางอย่างเช่นเรื่องการมีครอบครัวหรือว่าการใช้ชีวิตของเขาเขาก็ต้องตัดสินใจของเขาเอง... วันนี้ที่ลูกกับเขามีปัญหากันก็คงเป็นเพราะหนูไปก้าวก่ายเรื่องแฟนเขากระมัง หนูต้องไปขอโทษพี่รามิลนะ เพราะครั้งนี้คนที่ผิดคือหนู”
“มันก็จริงของคุณแม่ ลูกตาลคงไปยุ่งกับพี่รามิลในเรื่องส่วนตัวของเขามากไป จริงๆ แล้วก็แค่หวังดีเพราะเห็นพวกผู้หญิงเหล่านั้นดูไม่จริงใจสักราย แต่ก็ช่างเถอะในเมื่อพี่รามิลเห็นว่ามันน่ารำคาญ ลูกตาลไม่ยุ่งกับเขาแล้วก็ได้ปล่อยให้โดนผู้หญิงหลอกให้เข็ดเลย” วชิตารีย์พูดคล้ายจะยอมรับ เพราะถ้าขืนไม่ยอมรับ หล่อนก็จะผิดมากกว่าเก่าในสายตาของมารดา.... แต่แม้ปากจะยอมรับไป แต่หล่อนก็ยังคิดตามเดิมว่า หล่อนไม่ได้อยากให้รามิลไปภักดีกับคนอื่นมากกว่าตัวเอง มันเคยเป็นอย่างไร ก็ต้องเป็นต่อไปอย่างนั้น...
“พี่เขาโตแล้ว เรื่องผู้หญิงหลอกไม่หลอก เขาคงคิดเองได้ล่ะน่า ลูกเองก็อย่าไปห่วงเรื่องนั้นเลย ห่วงเรื่องเรียนของตัวเองดีกว่า... จะไปเรียนต่อที่เมืองนอกอีกไม่กี่เดือนนี้แล้ว เตรียมตัวอะไรบ้างหรือยังนี่ หืม” ตามตะวันลูบหัวอดีตเด็กหญิงแสนซนสมัยก่อน ที่เติบโตมาเป็นสาวสวยหวานงดงาม ดวงหน้าสะสวยราวภาพวาดมองหล่อนตอบกลับด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรัก... แต่กระนั้นก็เห็นแววรั้น ดื้อเงียบอยู่ภายในนั้นเป็นประกายวิบวับอยู่...
คนที่อายุมากแล้วพอดูออกว่า วชิตารีย์ยังมีความเป็นเด็กอยู่ในตัวมาก พอเห็นว่ารามิลจะมีคนอื่นแล้วรักตัวเองน้อยลงจึงออกอาการโวยวาย และไม่ยอมรับหาว่าเขาจะตีตัวห่างเท่านั้น... การที่เจ้าตัวยอมรับฟังก็แสดงว่าคงเริ่มคิดได้ ว่าการบีบบังคับเขามากอาจจะทำให้เขาไม่สบายใจ...
แต่ตามตะวันคิดผิด เพราะวชิตารีย์กลับคิดว่า
การขอให้มารดาช่วยคงไม่เป็นผล... ถ้าอย่างนั้นก็คงต้องจัดการในขั้นเด็ดขาดกว่านี้...
การเข้าทางชีคเบนจามีนคือสิ่งที่หล่อนจะทำต่อไป... หญิงสาวนั่งนับเวลารอให้บิดากลับจากอาคารรัฐสภาแห่งจาร์มา เพื่อพูดคุยกับท่านเป็นการส่วนตัว เรื่องการแต่งงานของหล่อน!