ณ อาคารสำนักงานใหญ่ บริษัทเปรโตมารีน ประเทศจาร์มา
เวลาสิบเจ็ดนาฬิกาตรงเลื่อนมาถึง... ร่างบอบบางของสาวน้อยนาม วชิตารีย์กระวีกระวาดลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานประจำตำแหน่งนักศึกษาฝึกงานในสาขาบริหารธุรกิจและเก็บข้าวของด้วยอารมณ์รื่นเริงเป็นพิเศษ เพราะวันนี้เป็นวันฝึกงานวันสุดท้าย หล่อนจะหลุดพ้นจากตำแหน่งนักศึกษาฝึกงานที่ต้องทำตัวให้กลมกลืนกับเพื่อนๆ ด้วยการฝึกงานทุกขั้นตอนอย่างตั้งใจเช่นเดียวกันกับเพื่อนคนอื่นไม่มีการข้ามขั้นหรือใช้อภิสิทธ์ใดๆ ไม่มีการแสดงความรู้จักกับผู้บริหารคนไหนขณะที่ทำงานทั้งที่หล่อนคือลูกสาวเจ้าของกิจการ แต่สถานะนั้นมันจบลงแล้วด้วยดี หล่อนจึงคืนสู่สภาพการเป็นคุณหนูที่จะวิ่งเข้าวิ่งออกห้องผู้บริหารได้ตามใจเช่นเดิม...
คนแรกที่หญิงสาวคิดถึง คือ รามิล อัล คาลิฟาห์ ผู้บริหารหนุ่มที่รับช่วงต่อจากบิดาของหล่อนในการดูแลกิจการปริโตรเลี่ยมทั้งด้านการตลาดและการขุดเจาะ เขาเป็นลุกบุญธรรมของบิดาหล่อนที่ถูกเลี้ยงด้วยกันมา ฝ่ายนั้นทำหน้าที่ดูแลหล่อนมาตลอด
จนเมื่อสามสี่ปีมานี้รามิลถูกดึงตัวออกมาจากหน้าที่บอดีการ์ดส่วนตัวของหล่อนเพื่อมาบริหารกิจการนี้อย่างเต็มตัว ความห่างเหินที่เกิดขึ้นทำให้หล่อนไม่ยอมแพ้ เพราะหล่อนตั้งใจเรียนอย่างเต็มที่ และเลือกฝึกงานที่เปรโตรมารีนเพื่อเตรียมตัวทำงานที่นี่เคียงข้างเขาในอนาคต เพื่อเรียกความใกล้ชิดนั้นกลับคืนมา
เท้าเล็กๆ ในรองเท้าหุ้มส้นสีดำมันวับเรียบหรู ก้าวยาวๆ มุ่งหน้าไปที่ห้องทำงานรามิลอย่างรีบเร่ง ความที่ไม่ได้เจรจาสนิทสนมกันพักใหญ่ทั้งที่บ้านและที่ทำงานในระหว่างที่ต้องทำตัวเป็นนักศึกษาฝึกงานทำให้รู้สึกคิดถึงเขามาก ซ้ำข่าวที่ว่าเขามีกิ๊กหน้าใหม่สวยหวานหยด ทำให้หล่อนต้องรีบไปพบเขาไวๆ เพื่อไปสั่งให้เลิกกับผู้หญิงตามเบี้ยบ้ายรายทางเหล่านั้น ก่อนที่หล่อนจะมีโมโห...
ภาพคนสองคนที่ตระกองกอดกันอย่างวาบหวามบนเก้าอี้หนังหลังโต๊ะทำงานไม้มะฮอกกานีขนาดใหญ่ทำให้ผู้ที่เพิ่งเข้ามาเห็นหัวใจชาวาบอย่างตื่นตะลึง... และกรีดร้องออกมาสุดเสียงที่จะกรี๊ดได้
“พี่รามิล” วชิตารีย์เรียกคนที่นั่งอยู่ด้านล่างและมีสาวยุโรปผมทองนั่งตักคลุกเคล้ากันอยู่ เรียวปากทั้งคู่บดจูบกันอย่างเร่าร้อนไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรมทั้งที่ที่นี่คือห้องทำงานที่ใครจะเข้ามาตอนไหนก็ได้ เสื้อผ้าของฝ่ายหญิงถูกเลิกสูงขึ้นไปถึงไหนต่อไหน และหน้าอกของหล่อนก็มีมือหนาของฝ่ายชายกอบกุมอยู่เต็มๆ ทั้งสองข้าง... ทั้งสองแทบไม่ได้สนใจหล่อนแม้หล่อนจะกรีดร้องดังเท่าใด หรือว่าพยายามเรียกเขาสักกี่ครั้ง...
หน้าด้าน ไร้ยางอายที่สุด
จนหล่อนทุบโต๊ะทำงานเขาดังโครมเท่านั้นแหล่ะ เขาถึงเงยหน้าขึ้นมามอง ท่าทางไม่อยากสนใจเสียด้วยซ้ำ...
“ลูกตาล จะเข้ามาทำไมไม่เคาะ พี่ทำธุรกิจอยู่ไม่เห็นหรือไง” รามิลถามเสียงเข้ม ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคมกริบประดุจเหยี่ยวหรี่มองอย่างตำหนิติเตียนที่หล่อนถือวิสาสะเข้ามารบกวน
วชิตารีย์มองแขนที่โอบกอดสาวร่างอวบอัดไม่ปล่อยด้วยดาวตาวาวโรจน์ไม่แพ้กัน...
“ธุรกิจหรือธุรกามกันแน่ถึงได้ฟัดกันไม่ยอมปล่อยอย่างนี้ ลูกตาลเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าให้เลิกกับผู้หญิงที่ตามมาวอแวเพราะเขาไม่ดีพอสำหรับพี่รามิล” “กลับบ้านไปซะลูกตาล อย่ามายุ่งกับเรื่องส่วนตัวของพี่”
“ไม่ได้... พี่รามิลต้องเลิกยุ่งกับผู้หญิงคนนี้ก่อน”
“ทำไมพี่ต้องเลิก”
“เพราะลูกตาลให้เลิก”
รามิลถอนหายใจเหนื่อยหน่าย มองคนที่จ้องหน้าอย่างเอาเรื่องตรงหน้าด้วยความรำคาญ ไม่ได้เกรงอกเกรงใจอย่างที่เป็นมา เพราะครั้งนี้ความอดทนของเขามันหมดลงแล้ว
“ลูกตาล... ที่ทุกครั้งที่ผ่านมาพี่ยอมเพราะพี่ไม่อยากรำคาญลูกตาลที่ชอบมาวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัวของพี่ แม้บางครั้งจะรู้สึกว่ามันมากเกินไป แต่ไม่ใช่ครั้งนี้ เพราะว่าพี่จะไม่ยอมเลิกกับผู้หญิงตามที่ลูกตาลขอร้อง เพราะพี่รักสเตฟานี่ พี่แคร์เขามากกว่าที่จะแคร์ว่าลูกตาลจะพอใจหรือไม่พอใจ และถึงแม้ว่าลูกตาลจะบอกว่าเขาไม่ดี พี่ก็เลือกที่จะไม่เชื่อ”
คำประกาศรักต่อหญิงสาวผู้ทอดสายตามองเธอด้วยดวงตาสมเพชเวทนาทำให้วชิตารีย์น้ำตาไหลออกมาอย่างคับแค้นใจ
เขาเคยเป็นของหล่อนคนเดียว... หล่อนพูดอะไรเขาก็ทำตามทุกอย่าง ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ ผู้หญิงที่เขาคบมากี่คนถ้าเกิดหล่อนไม่พอใจ หล่อนบอกให้เขาเลิก เขาก็จะเลิก แต่ตอนนี้ มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
เขาบอกว่าเขารักผู้หญิงคนอื่น ทั้งที่เขาเคยสัญญาว่า เขาจะเป็นของหล่อน หล่อนจะมีสิทธิ์ในตัวเขาทุกประการตลอดไป
เขามันผู้ชายกลับกลอก...
“ลูกตาลถามอีกครั้ง... พี่รามิลจะเอายังไง”
“เลิกยุ่งกับชีวิตพี่ซะลูกตาล... เราต่างคนต่างเป็นผู้ใหญ่ มีเส้นทางเดินชีวิตที่แยกกันไปคนละทางไม่อาจย้อนกลับมาได้... เราไม่ใช่เด็กน้อยอายุไม่เต็มสิบขวบที่ต้องมาร่ำร้องเอาแต่ใจโน่นนี่นั่น ที่ผ่านมาพี่อยู่กับลูกตาล ดูแลลูกตาลและตามใจทุกอย่างพี่ทำมาเต็มที่แต่ว่าตอนนี้มันจบลงแล้ว ลูกตาลอย่ามาบงการพี่เพราะคิดว่าพี่เป็นเบ๊เหมือนเมื่อก่อน เพราะตอนนี้พี่เป็นผู้บริหารบริษัทปริโตเลี่ยมที่รับคำสั่งโดยตรงจากชีคเบนจามีน ไม่ใช่พี่เลี้ยงที่คอยตามเธอต้อยๆ ดังนั้นในเมื่อ เราไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกัน เธอก็ไม่จำเป็นต้องมาคอยเอาชนะคะคานอีกต่อไป...”
คำพูดตัดรอนและไร้เยื่อใยออกมาจากปาก และจากใจ... เขาทิ้งภาระดูแลหล่อนตั้งแต่หล่อนเข้าเรียนรั้วมหาวิทยาลัยและตนเองต้องเข้ามาบริหารงานที่เป็นกิจการของชีคเบนจามีนบิดาของหล่อน และเป็นบิดาบุญธรรมของเขา... แต่หล่อนก็ยังไม่รู้ถึงสถานะภาพที่เปลี่ยนไป ยังคอยตามเอาชนะและเรียกร้องให้เขาดูแลไม่ห่างดังเช่นเมื่อยามเยาว์ แม้เขามีแฟนห่างเหินหล่อน หล่อนก็ร่ำร้องและก่อเรื่องให้เขาได้เลิกกับทุกคนไปจนหมด... เขาเห็นแก่ว่าเขาไม่ได้รักผู้หญิงเหล่านั้นจึงได้เพิกเฉย
แต่ครั้งนี้ เขาจะไม่ยอมให้หล่อนมาขัดขวางการคบใครของเขาอีกต่อไปแล้ว เพราะเขาอดทนไม่ได้อีกสักนาทีที่จะให้หล่อนมามีอิทธิพลเหนือเขาตลอดทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไรกันแม้แต่นิดเดียว...
ชีวิตเขากับหล่อนควรจะแยกทางกันเดินได้แล้ว เขาจึงตัดสินใจที่จะทำอะไรเด็ดขาด และไม่สนใจอาการโกรธขึ้งไม่พอใจของหล่อนเลย...
“ก็ได้ จะทำอย่างนี้ใช่ไหม”
วชิตารีย์ ถลาเข้าไปกระชากผู้หญิงที่ไม่ยอมลุกจากตักของรามิลออกมา แม้หล่อนจะร่างเล็ก แต่การเรียนวิชาต่อสู้เสมอมาตั้งแต่เด็กทำให้หล่อนมีเรี่ยวแรงมหาศาล จนกระชากสเตฟานีออกมาจากรามิล และวาดมือไปตบหน้าของผู้หญิงหน้าด้านไร้ยางอายสองฉาดซ้อน...
“ทำอะไรน่ะลูกตาล” รามิลถลาลุกขึ้นมาล็อคแขนวชิตารีย์ไว้ หลังจากที่ดูอย่างนิ่งอึ้ง เพราะไม่คิดว่าหล่อนจะทำกริยาต่ำทรามเช่นนี้ได้
เมื่อหญิงสาวดิ้นไม่หยุด และวาดเท้าไปจะกระทืบสเตฟานีซ้ำ เขาก็ผลักหล่อนไปนอนแอ้งแม้งที่โซฟาด้วยเรี่ยวแรงที่มากกว่าจนเธอจมลงไปกับฟูก แล้วเขาก็ไปประคับประคองนังผู้หญิงจอมสำออยที่แกล้งนอนระทดระทวยร้องไห้กระซิก กระซิกเรียกร้องความสนใจอยู่...
มันจะเจ็บอะไรนักหนากะอีแค่โดนตบจนเลือดกบปากแค่นั้น ถ้าหล่อนใช้หมัดต่อยจนกรามเบี้ยวค่อยมาว่ากันเถอะ คนลงมือคิดอย่างเคียดแค้นในใจ มองคนที่โยนหล่อนไว้ที่โซฟาแล้วไปดูแลคนสเตฟานี่ด้วยดวงตาไม่พอใจยิ่งยวด
“เป็นไงบ้างสเตฟานี่ เจ็บไหม” ท่าทีประคับประคอง ทะนุถนอมเอาใจ ทำให้คนที่นั่งอยู่ที่โซฟาแทบกระอัก...
“พี่รามิลเลือกมันใช่ไหม”
“ใช่” รามิลประคับประคองสเตฟานี่ไว้ในอ้อมกอดและหันหน้าไปเผชิญหน้ากับวชิตารีย์
“ถ้าอย่างนั้น... เราก็ไม่มีอะไรให้ยุ่งเกี่ยวกันอีกต่อไป ตลอดชีวิตนี้” หญิงสาวลุกขึ้นยืนประกาศลั่น
หวังเพียงแต่จะได้รับคำขอโทษ หรือได้รับการง้อจากเขา จากการยื่นคำขาดเช่นนี้ของหล่อน เหมือนเช่นที่ได้รับทุกครั้ง...
แต่ มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่หวังเลย...
“จำคำพูดของตัวเองให้ดีด้วย จะได้ไม่ต้องคอยกลับคำ” รามิลบอกเสียงเรียบ...
เขาไม่แคร์หล่อนเลยสักนิด พี่รามิลที่แสนดีของหล่อนเปลี่ยนไป นิ้วเรียวเล็กสีขาวจิกมือตนเองจนได้เลือดด้วยความที่เจ้าของมันกำแน่น แขนหล่อนเกร็งสั่นสะท้าน ดวงตามีม่านน้ำตาคลอเอ่อสั่นไหวระริกจวนเจียนจะหยดรอมร่อ แต่หล่อนก็แหงนหน้าขึ้นฟ้า ไม่ยอมร้องไห้ออกมาให้อายใคร...
“ลูกตาลจำได้ไม่ลืมแน่” หญิงสาวพูดเน้นคำหากแผ่วเบาราวกระซิบ... น้ำเสียงรอดไรฟันเยือกเย็นหากแสบสะท้านไปถึงทรวงราวกับเป็นน้ำกรดสาดซัดมารุนแรง
จะเอาให้มันจบอย่างนี้ใช่ไหม ได้เลย
ร่างบอบบางหุนหันออกไป ไม่เหลียวกลับมามองย้อนหลัง เพราะไม่อาจให้คนที่ตะกองกอดกันไม่ห่างได้เห็นน้ำตาแห่งความพ่ายแพ้ผิดหวังของหล่อนแม้เพียงเสี้ยวหยดเดียว...