บทที่ ๒ องค์ชายไร้ความสามารถ(๒)

1143 Words
ไม่ว่า เฉินหว่านอิง จะได้เป็นสตรีของฮ่องเต้หรือองค์ชายพระองค์ใด แต่ในเมื่อหญิงผู้นี้ขึ้นชื่อว่าเป็นคนของราชวงศ์แคว้น เหลียงย่อมต้องส่งผลดีให้กับผู้ที่ส่งตัวนางมาเป็นบรรณาการ ครั้งนี้ผลประโยชน์ทั้งหมดย่อมต้องตกเป็นของอ๋องห้าผู้นั้น แน่นอนในเมื่อผู้อื่นได้รับประโยชน์แล้วองค์ชายไร้ความสามารถอย่างเขาจะปล่อยไปได้อย่างไร “หญิงผู้นั้น เป็นอย่างไรบ้าง” องครักษ์มู่ หรือมู่ห้าวชงผู้ติดตามองค์ชายห้ามาตั้งแต่อายุเพียงสามขวบถึงกับลอบสูดหายใจ ไม่รู้ว่าควรรายงานข่าวที่ตนได้รับมาดีหรือไม่ เห็นสีหน้าคนของตนแล้ว มุมปากของอู่ซีเจิ้งถึงกับกดลง “เหตุใดไม่พูดเล่า หรือหญิงผู้นั้นตายไปแล้ว” หากไม่ใช่เพราะหนึ่งเดือนมานี้มีข่าวเกี่ยวกับพระชายาส่งมาถึงมือของตนไม่ขาด มู่ห้าวชงคงอดคิดไม่ได้ว่าพระชายาขององค์ชายห้าจากแคว้นหานผู้นั้นคงสิ้นชีวิตไปแล้ว เพราะตั้งแต่ถูกส่งไปยังตำหนักห่างไกลองค์ชายก็ไม่เคยสนพระทัยสตรีผู้นี้เลยสักครั้ง “หนึ่งปีมานี้ นางเป็นอย่างไรบ้าง” ได้ยินน้ำเสียงเคร่งขรึม มู่ห้าวชงรีบค้อมกายรายงานทันที “หนึ่งปีมานี้ พระชายาลำบากไม่น้อย” “ลำบาก?” เมื่อครั้งได้รับสมรสพระราชทาน เขาได้ยินมาว่านางเพิ่งอายุสิบหก หญิงผู้นั้นเพิ่งผ่านพ้นวัยปักปิ่นเขาจึงไม่สนใจพิธีแต่งงานของวังหลวง พอนางขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวก็ตัดสินใจส่งนางไปยังตำหนักลืมเลือน นางอายุเพียงแค่นั้นไม่ควรต้องมาเผชิญความโหดร้ายของผู้คนในเมืองหลวง อีกอย่างสตรีจากต่างแคว้นจะรั้งอยู่ข้างกายของเขาได้อย่างไร หากนางอยู่ตรงนี้มิใช่เรียกปลายหอกคมดาบให้พุ่งตรงมาหาหรอกหรือ ส่งนางไปอยู่ที่อื่น เขากลายเป็นองค์ชายไร้ความสามารถอย่างชอบธรรม นั่นต่างหากคือสิ่งที่ควรกระทำ ทว่า...นับตั้งแต่อ๋องห้าขึ้นครองบัลลังก์แคว้นหาน สตรีอย่างเฉินหว่านอิงย่อมไม่ต้องใช้ชีวิตอยู่ยากลำบากเพียงนั้นอีก เพราะเบื้องหลังของนางหาใช่อัครเสนาบดีผู้หนึ่ง แต่เป็นแคว้นแคว้นหนึ่งเลยต่างหาก สตรีที่มีอำนาจหนุนหลังเช่นนี้ ควรใช้งานได้แล้วกระมัง เพียงเหลือบเห็นมุมปากที่กดลึกขององค์ชาย มู่ห้าวชงรีบเอ่ยปากทันที “คงเป็นเพราะได้รับเบี้ยเลี้ยงรายเดือนเพียงครั้งเดียว รวมถึงมีสินเดิมติดตัวมาไม่มากนัก พระชายาจึงใช้ชีวิตอย่างขัดสน โดยเฉพาะครึ่งปีหลังมานี้ เรียกได้ว่าต้องปลูกผักเลี้ยงปลา เสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวมใส่ก็เก่าขาด หากไม่มีรายได้จากการค้าเล็กๆ น้อยๆ คงไม่อาจหยัดยืนมาจนถึงวันนี้” “นางเป็นคุณหนูผู้หนึ่ง สามารถใช้ชีวิตยากลำบากได้เพียงนั้น” “ในหมู่บ้านไม่มีผู้ใดรู้เลยว่าพระชายาเป็นพระชายาขององค์ชาย ยายสี่ที่พระชายาไหว้วานให้ช่วยขายผักปลานั้น คิดว่าเป็นเพียงหญิงชาวบ้านผู้หนึ่ง ด้วยเหตุเพราะพระชายาน่าสงสาร พูดจาไพเราะจึงทำให้ยายสี่ทุ่มกำลังเอ็นดูไม่น้อย ครึ่งปีมานี้สนิทสนมกันมิต่างจากยายหลานแท้ๆ” สีหน้าของอู่ซีเจิ้งราบเรียบนัก ไม่รู้ว่ากำลังโกรธ ไม่พอใจ หรือรู้สึกอันใดกันแน่ “ยามซวีที่ผ่านมาพระชายากับแม่นางเป่าหลิงเพิ่งขนปลากับผักออกจากตำหนักไป” คนรายงานเรื่องราวของพระชายาผู้มาจากต่างแคว้น ลอบมองทีหนึ่งถึงกล้าเอ่ยปาก “ไม่ทราบว่า องค์ชายจะให้จัดการอย่างไรดี” “จัดการนาง?” “พระชายาลอบปลอมตัวเป็นหญิงชาวบ้าน เปลี่ยนศาลาเหยียบเมฆเป็นเล้าไก่ เปลี่ยนบ่อปลาสวยงามมาเลี้ยงปลากิน รอบๆ บ่อปลายังขุดแปลงปลูกผัก หนำซ้ำยังลอบออกจากตำหนักอีก โทษร้ายแรงเช่นนี้องค์ชายไม่คิดลงทัณฑ์หรือ” ที่ผ่านมาเขาปล่อยปละละเลยสตรีผู้นี้ไม่น้อย แม้กระทั่งเบี้ยเลี้ยงรายเดือนก็ยังไม่ได้ใส่ใจ แต่ว่านึกถึงเรื่องนี้แล้วอดขบกรามไม่ได้ “เซี่ยมามาผู้นั้นจัดการเรียบร้อยแล้วกระมัง” ถูกองค์ชายถามถึงคนผู้นี้ มู่ห้าวชงรีบมอบบันทึกเล่มหนึ่ง “นี่คือบัญชีเบี้ยเลี้ยงรายเดือนของพระชายา คนของเราส่งข่าวมาว่านอกจากหนึ่งเดือนแรกแล้วพระชายาก็ไม่เคยได้รับเงินแม้แต่ตำลึงเดียว กระทั่งสาวใช้ก็ไม่มี แต่น่าประหลาดที่ทุกเดือนกลับมีการจดบันทึกค่ากินอยู่ เครื่องใช้ ค่าเบี้ยเลี้ยงของนางกำนัลรับใช้ทั้งหลาย และยังมีการเบิกเงินจากคลังเพื่อใช้ซื้อเครื่องประดับอีกมากมาย ผู้มีส่วนกระทำผิดทั้งหมด...ถูกโบยตายแล้วพ่ะย่ะค่ะ” อู่ซีเจิ้งเปิดดูบัญชีตรงหน้า ยิ่งมองแววตาก็ยิ่งล้ำลึกขึ้น หญิงผู้นี้ถูกริบเบี้ยแต่กลับไม่ยอมปริปากแจ้งคนของเขาแม้แต่คำเดียว นางคิดว่าทหารองครักษ์ที่อยู่รอบตำหนักลืมเลือนนั้นเป็นหินเพียงสิบก้อนหรืออย่างไร หารู้ไม่ว่าคนพวกนั้นฝีมือแต่ละคนล้วนเยี่ยมยุทธ์ทั้งนั้น ขอเพียงนางออกคำสั่งต่อให้ต้องขุดบ่อปลาเพิ่มอีกสิบแห่งมีหรือที่คนพวกนั้นจะไม่ทำ แต่สตรีผู้นี้กลับใช้ชีวิตอยู่เงียบๆ ไม่ใช้งานคนของเขา ไม่ไถ่ถามถึงเบี้ยเลี้ยง นอกจากที่พักถูกปรับเปลี่ยนเป็นสถานที่เลี้ยงไก่เลี้ยงปลาแล้วก็ไม่มีเรื่องใดที่นางยอมข้องเกี่ยวกับผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีอย่างเขาแม้แต่น้อย “น่าสนใจยิ่งนัก” เห็นองค์ชายเปิดหน้าบันทึกบัญชีทิ้งไว้ แต่สายตากลับเหม่อมองไปยังทิศทางหนึ่ง มู่ห้าวชงก็รู้แล้วว่าอนาคตในภายภาคหน้าของสตรีผู้อยู่ในตำหนักร้างคงไม่เป็นเช่นเดิมอีก เพราะบัดนี้นางได้รับความสนใจจากองค์ชายของเขาแล้ว หนำซ้ำเบื้องหลังยังมีแคว้นหานหนุนหลังอีก ในเมื่อเป็นเช่นนี้องค์ชายจะปล่อยให้ พระชายาผู้มีนามว่าเฉินหว่านอิงผู้นั้นใช้ชีวิตเรียบง่ายดั่ง หญิงชาวบ้านอีกได้อย่างไร นางคือสตรีสูงศักดิ์...ย่อมต้องหวนคืนสู่ฐานะสูงศักดิ์มิใช่หรือ แต่น่าเสียดาย สตรีที่มู่ห้าวชงนึกถึงหามีความปรารถนาเช่นนั้นไม่ การเป็นสตรีปลูกผักเลี้ยงปลาอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงแสนวุ่นวายอาจเป็นชีวิตที่ใฝ่ฝันก็เป็นได้ มิเช่นนั้นจะเก็บตัวอยู่ที่นั่นโดยไม่ปริปากหรืออย่างไร ในเมื่อตัวนางเองก็หาใช่ หญิงชาวบ้านที่ไร้กำลังและความสามารถเสียหน่อย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD