บทที่ ๕ ปรนนิบัติครั้งแรก

2002 Words
ถึงจะรู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง แต่ชั่วลมหายใจเดียวก็หวนคืนสู่ท่าทางปกติ นางไม่ยอมเปิดเผยความอ่อนแอให้เขาเห็นแม้แต่น้อย หลังเก็บข้าวของตรงหน้าเรียบร้อยจึงนึกได้ว่าด้วยฐานะแล้วต้องปรนนิบัติรับใช้องค์ชายสูงศักดิ์ผู้นี้อย่างดี ผู้อื่นเร่งรีบเดินทางจากเมืองหลวงไม่ได้หยุดพักต่อให้ร่างกายแข็งแรงมากเพียงใดย่อมต้องเหน็ดเหนื่อยอยู่บ้าง “องค์ชายเดินทางมาเหนื่อยๆ อาบน้ำล้างตัวเสียหน่อยดีหรือไม่ ระหว่างนี้หม่อมฉันจะให้เสี่ยวหลิงเตรียมสำรับไว้ อาบน้ำกินอะไรอุ่นท้องเสียหน่อยคงช่วยให้พระองค์บรรทมได้ง่ายขึ้น” อู่ซีเจิ้งมองหญิงงามที่ยอบกายตรงหน้า ท่าทางเรียบร้อยสมกับเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่แต่อย่างไรเขาก็รับรู้ได้ถึงความไม่เต็มใจรับใช้ที่แผ่ออกจากกายบางอยู่ดี แต่ในเมื่อนางอุตส่าห์หวังดีเขาย่อมไม่ปฏิเสธ อีกอย่างการเดินทางไม่หยุดพักนับได้ว่าเปลืองแรงมากจริงๆ “เตรียมน้ำเถิด” เฉินหว่านอิงรับคำเสียงค่อยหลังจากนั้นก็เร่งฝีเท้าไปห้องข้าง เสี่ยวหลิงคล้ายจะรู้ว่าควรทำสิ่งใด ตอนนี้บนถังไม้ถึงได้มีน้ำอุ่นร้อนเตรียมไว้ ตรงราวไม้นั้นยังมีอาภรณ์ผลัดเปลี่ยนของ องค์ชายอีก สิ่งของเหล่านี้คงเป็นการจัดเตรียมจากองครักษ์ผู้นั้นกระมัง เมื่อทุกอย่างพรั่งพร้อมจึงเร่งฝีเท้าเข้าไปในห้องโถงอีกครั้ง “น้ำอาบเตรียมพร้อมแล้วเพคะ” กล่าวเพียงเท่านั้นก็หมุนกายกลับเข้าไป ทุกย่างก้าวยังรับรู้ว่ามีบุรุษตัวโตผู้หนึ่งตามเข้ามาอย่างเงียบเชียบ จะว่าไปนี่เป็นครั้งแรกที่นางอยู่ร่วมห้องกับบุรุษผู้หนึ่ง หากคนผู้นี้ไม่ใช่สวามีละก็คงวิ่งหนีไปแล้ว แต่ด้วยฐานะของเขาและหน้าที่ของตนต่อให้ต้องกัดฟันก็ยังต้องรับใช้เขาด้วยท่าทางนอบน้อม ถึงแม้เฉินหว่านอิงจะตั้งใจปรนนิบัติองค์ชายห้า แต่ด้วยไม่เคยเรียนรู้มาก่อนจึงทำให้มือไม้ติดขัดไปบ้าง นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรถอดอาภรณ์ชิ้นใดออกก่อน ดังนั้นกว่าจะเหลือเสื้อตัวในสีขาวหน้าผากคนงามพลันมีเหงื่อผุดขึ้นมาไม่น้อย อู่ซีเจิ้งลอบมองสีหน้าผู้เป็นพระชายาของตนพลางเก็บงำความคิดเงียบๆ กระทั่งร่างกายเหลือเพียงกางเกงตัวในสีขาวถึงได้ก้าวลงถังน้ำแล้วเฝ้ามองท่าทีของเฉินหว่านอิงเงียบๆ กระทั่งแน่ใจว่านางไม่เคยปรนนิบัติผู้อื่นมุมปากถึงได้โค้งสูง “ถูหลังให้ข้า” คำสั่งนี้ทำเอามือสองข้างชื้นเหงื่อไปหมด ถึงกระนั้นก็ยังคว้าเอาผ้าผืนหนึ่งชุบน้ำในถังแล้วขัดไปตามแผ่นหลังกับเนินบ่าของเขาเบาๆ เดิมทีนางไม่กล้าจ้องมองร่างกายของคนผู้นี้ แต่เมื่อได้มองใกล้ๆ จึงรู้ว่าองค์ชายห้าหาได้ไร้กล้ามเนื้อ เนินบ่า แผ่นหลัง แม้กระทั่งแผ่นท้องล้วนเต็มไปด้วยมัดกล้าม หากเดาไม่ผิดพระองค์น่าจะฝึกวรยุทธ์ด้วยกระมัง ดูได้จากฝ่ามือกับปลายนิ้วที่มีรอยหยาบกร้าน ทว่าพอมองต่ำลงไปฝั่งซ้ายของรูสะดือกลับมีแผลเป็นทิ้งให้เห็นรอยจางๆ ปล่อยให้คนงามสำรวจร่างกายของตนอยู่อึดใจหนึ่ง เสียงทุ้มห้าวถึงได้ดังขึ้น “ชายารัก…ข้ารูปงามหรือไม่” ได้ยินคำพูดนี้เฉินหว่านอิงรีบเบือนหน้าหนี วางผ้าผืนนั้นไว้ข้างถังไม้ได้ก็เร่งฝีเท้าออกไป พ้นจากห้องข้างยังรู้สึกถึงความร้อนบนพวงแก้มอยู่เลย ดูเหมือนองค์ชายห้าไม่ได้พิถีพิถันกับการสรงน้ำเท่าใดนัก เพราะไม่ถึงหนึ่งก้านธูปพระองค์ก็สวมชุดที่ตระเตรียมไว้ก้าวออกมา บุรุษเพศหลังอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ จะอย่างไรช่างเป็นภาพที่น่ามองนัก ทันทีที่อู่ซีเจิ้งก้าวมาอยู่ตรงหน้านางยังเผลอมองจนตาค้าง รู้ตัวอีกครั้งในยามที่เสี่ยวหลิงยกสำรับเข้ามา ในนั้นเป็นข้าวต้มผัก กับปลาผัดเปรี้ยวหวานและซุปหัวปลาถ้วยหนึ่ง ถึงแม้องค์ชายผู้นี้จะไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวในการอาบน้ำ แต่ทันทีที่เห็นสำรับตรงหน้าเฉินหว่านอิงรู้ทันทีเลยว่าเขาเลือกกินยิ่งนัก แน่ล่ะจะโทษเขาก็ไม่ได้ในเมื่อชาติกำเนิดนั้นสูงศักดิ์เหลือเกิน ยามสำรับวางอยู่ตรงหน้า ผู้อยู่ตำหนักร้างมานานไม่สนใจ สีหน้าแววตาของผู้เป็นเจ้าชีวิตแม้แต่น้อย นางมองข้ามความไม่พอใจตักข้าวต้มเปล่าแล้วคีบปลาผัดอีกชิ้นหนึ่งให้ “อาหารของหม่อมฉันมีเพียงเท่านี้ พระองค์ฝืนกินหน่อยเถิด เอาไว้วันพรุ่งค่อยสั่งองครักษ์ข้างกายออกไปซื้อหา” เมื่อในมือไม่มีเงินย่อมไม่มีทางเสนอตัวไปหาอาหารรสเลิศมาประเคนใส่ท้องของผู้อื่นเป็นแน่ หากอยากให้นางใจกว้างเขาย่อมต้องใจกว้างมากกว่านางสิบเท่า อู่ซีเจิ้งเองคล้ายจะรู้ทันความคิดของผู้เป็นพระชายา ถึงได้วางทองก้อนหนึ่งให้ “เท่านี้ ช่วยให้ชายารักหาอาหารดีๆ ได้หรือไม่” ก้นบึ้งนัยน์ตาของเฉินหว่านอิงลุกวาว ในหัวมีความคิดหนึ่งหวนกลับมา ทองก้อนนี้อาจซื้อที่ดินปลูกผักได้ผืนใหญ่ หนำซ้ำยังขุดบ่อเลี้ยงปลาได้อีกมาก ไหนจะเป็ดไก่อีก ทว่าพอเหลือบเห็นสีหน้าเรียบเฉยของผู้นั่งอยู่ข้างกายนางพลันรู้ตัวทันทีว่าตนคงไม่สามารถทำอย่างที่วาดฝัน แต่ถึงกระนั้นก็ยังรีบเก็บทองอย่างรีบร้อนอยู่ดี “หม่อมฉันจะออกไปตลาดแต่เช้า” “เจ้าจะออกไปเอง?” “เพคะ” ดูท่าหนึ่งปีมานี้คุณหนูสามตระกูลเฉินจะใช้ชีวิตไร้กฎธรรมเนียมเกินไป นางถึงได้ลืมไปว่าตนเป็นพระชายาเอกผู้สูงศักดิ์ หาใช่หญิงชาวบ้านที่จะออกไปซื้อหาอาหารข้างนอกด้วยตัวเอง แต่พอกวาดตามองทั่วทั้งตำหนัก แววตาของอู่ซีเจิ้งพลันเคร่งขรึม เรื่องนี้เขาคงไม่อาจกล่าวโทษ ในเมื่อนางไม่มีเบี้ยเลี้ยงและนางกำนัลรับใช้ คนข้างกายที่พอใช้งานได้คงมีเพียงเป่าหลิงผู้นั้น “ช่างเถิด ทองก้อนนั้นเจ้าเก็บไว้ เรื่องอาหารกับสาวใช้ข้าจะให้ห้าวชงจัดการ” “สาวใช้หรือเพคะ” “เจ้าเป็นพระชายาเอกของข้า ด้วยฐานะนี้ย่อมต้องมีมามาอาวุโสกับนางกำนัลรับใช้อีกจำนวนหนึ่ง” “หม่อมฉันอยู่ตำหนักนอก หาต้องมีสาวใช้มากเพียงนั้น เรื่องนี้...” “จะอย่างไรก็ต้องมีมามาอาวุโสคนหนึ่ง ส่วนนางกำนัลรับใช้หากเจ้าไม่ต้องการก็เปลี่ยนเป็นหญิงชาวบ้าน พรุ่งนี้ข้าจะให้ห้าวชงเรียกนายหน้ามา เจ้าเลือกไว้สักเจ็ดแปดคนเถิด แม้จะอยู่ตำหนักนอกก็ยังต้องมีคนไว้ใช้งาน” เฉินหว่านอิงรับคำเสียงค่อย อย่างรู้ดีว่าองค์ชายห้าตัดสินใจเช่นนี้นับว่าใจกว้างกับนางมากแล้ว หากเป็นบุรุษอื่นต่อให้เป็นเพียงคุณชายตระกูลหนึ่งก็คงไม่ใจดีกับผู้หญิงของตน เมื่อตกลงได้ ข้าวต้มเปล่ากับปลาผัดย่อมกลืนลงคอได้ไม่ยากนัก ดูเหมือนรสชาตินี้จะแปลกใหม่และอร่อยไม่น้อยเพราะพริบตาเดียวอู่ซีเจิ้งก็กินจนหมด สิ้นสุดมื้ออุ่นท้อง เฉินหว่านอิงชงชาให้องค์ชายล้างปาก หลังจากนั้นถึงได้ไปจัดการกับเตียงบรรทม “คืนนี้พระองค์อดทนนอนฟูกแข็งๆ ไปก่อน ไว้พรุ่งนี้หม่อมฉันจะเรียกคนมาเปลี่ยนให้” กล่าวเพียงเท่านั้นก็เดินไปหยิบตำราที่ซื้อมาใหม่แล้วนั่งอ่านบนตั่งตัวยาวข้างหน้าต่างเงียบๆ โดยรู้ดีว่าด้วยฐานะนั้นนางไม่อาจก้าวออกจากห้องนี้ หนำซ้ำถ้าหากองค์ชายห้าต้องการให้ปรนนิบัติรับใช้บนเตียงก็หาหลีกเลี่ยงได้ไม่ ทว่าแทนที่ต้องไปนอนรอเขาบนเตียงมิสู้ทำให้ตนจดจ่ออยู่กับตำราไม่ดีกว่าหรือ อย่างน้อยการทำเช่นนี้อาจทำให้แคล้วคลาดจากสัญชาตญาณดิบเถื่อนของเขาก็เป็นได้ อู่ซีเจิ้งเป็นองค์ชายผู้หนึ่ง คงไม่ใจคอโหดเหี้ยมจนถึงขั้นย่ำยีสตรีที่ไม่เต็มใจปรนนิบัติบนเตียงอย่างนางกระมัง ดูเหมือนเขาจะเข้าใจ หลังจิบชาล้างปากแล้วถึงได้ก้าวออกจากห้องหลักไปเงียบๆ ทิ้งไว้เพียงถ้วยชาที่ทิ้งไออุ่นร้อนไว้ถ้วยหนึ่ง เฉินหว่านอิงมองแผ่นหลังสูงใหญ่ที่หายไปตรงทางเดิน เม้มปากเพียงเล็กน้อยก่อนจะหันมาสนใจตำราในมือ เพิ่งพลิกหน้ากระดาษก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนคุ้นเคย “คุณหนู” เป่าหลิงเรียกเสียงค่อย เมื่อคุณหนูของตนละสายตาจากตำราถึงได้เอ่ยปาก “องค์ชายกับองครักษ์มู่ไปเรือนนอก พระองค์มีรับสั่งให้บ่าวเข้ามาคอยรับใช้คุณหนู” “องค์ชาย...ไปนอนที่อื่นแล้ว?” เป่าหลิงพยักหน้าหงึกหงัก ในหัวคล้ายจะรู้ต้นสายปลายเหตุของการที่องค์ชายไม่บรรทมในห้องนี้ “คุณหนูรู้สึกอึดอัดกับองค์ชายหรือเจ้าคะ” เฉินหว่างอิงวางตำราในมือ “แม้ข้าจะเป็นพระชายาเอกของเขา...แต่ว่านอกจากพิธีแต่งงานแล้วข้าก็ไม่เคยพบหน้าพระองค์ วันนี้นับว่าเป็นการพบกันครั้งแรก ข้า...ลำบากใจยิ่งนัก” “บ่าวดูแล้ว องค์ชายห้าคงไม่เลวร้ายมากนัก มิเช่นนั้นคงสั่งลงโทษเรื่องเล้าไก่กับแปลงผัก ไหนจะเรื่องที่คุณหนูแต่งกายเป็นหญิงชาวบ้านลอบออกจากตำหนักพำนักอีก” “พระองค์ไม่ลงโทษข้าคงเพราะไม่ต้องการให้เรื่องนี้รู้ถึงหูของผู้อื่นกระมัง” “แต่ถึงอย่างไร คุณหนูของบ่าวก็มีฐานะเป็นพระชายา เรื่องรับใช้...” เสี่ยวหลิงปรายตามองเตียงเตาแล้วถอนหายใจ “จะอย่างไรก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ บางทีการที่องค์ชายรีบร้อนออกจากเมืองหลวงมา อาจเป็นเพราะ...มีความปรารถนาเฉกเช่นบุรุษทั่วไปก็เป็นได้” “เสี่ยวหลิง” “พระองค์เลือกพระชายานับว่าถูกต้อง หากคว้าสตรีอื่นมิใช่ต้องเกิดเรื่องใหญ่หรอกหรือ” “หากข้า...ตกลงปลงใจกับองค์ชาย เจ้าว่า...พระองค์จะดีต่อข้าบ้างหรือไม่” “จิตใจขององค์ชายห้าเป็นเช่นใดนั้น บ่าวไม่อาจคาดเดา ถ้าอย่างไรคุณหนูลองเปิดใจสักหน่อย บางทีพระองค์อาจไม่เลวร้ายนักก็เป็นได้” เฉินหว่านอิงไม่ตอบคำ ทำเพียงทอดสายตามองออกไปด้านนอก หากเป็นวันอื่นสิ่งที่ปรากฏต่อสายตาย่อมมีแต่ความมืดมิด ทว่าวันนี้ในเรือนนอกที่ตั้งอยู่ไม่ไกลกลับมีแสงสว่างจากห้องห้องหนึ่ง จึงอดมองให้มากหน่อยไม่ได้ นึกๆ ดูแล้วนับตั้งแต่ถูกส่งมาพำนักที่นี่นางไม่เคยนึกภาพการปรากฏตัวของผู้ได้ชื่อว่าเป็นสามีของตนเลยสักครั้ง พอเห็นเขาอยู่ในตำหนักเดียวกันมันไม่ต่างจากภาพฝันแม้แต่น้อย ถึงกระนั้นในใจลึกๆ ยังรู้ดีว่าความสัมพันธ์ของนางกับองค์ชายห้าหาเป็นเฉกเช่นคู่สามีภรรยาชาวบ้าน ไม่รู้ว่าสิ่งที่รอคอยอยู่จะเป็นความทุกข์หรือความสุขกันแน่ ถอนสายตากลับก็ในเวลาที่ได้ยินเสียงของเสี่ยวหลิง “คุณหนู เวลาไม่เช้าแล้วพักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ” เฉินหว่านอิงครางรับ หมุนกายขึ้นเตียงพริ้มตาหลับอย่างว่าง่าย ค่ำคืนนี้นางต้องพักเอาแรงให้มากเพราะไม่รู้ว่าสิ่งที่รออยู่ในวันพรุ่งนี้จะเป็นเช่นไร อู่ซีเจิ้งผู้นั้นคงไม่ใจดีมีเมตตาปล่อยให้สตรีต่างแคว้นอย่างนางสุขสบายนักหรอก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD