ความลับไม่มีอยู่ในโลกจริง ๆ เพราะเพียงไม่กี่วันให้หลังต่อมา บ้านแทบแตกเมื่อแม่รู้ความจริง
“งานก็ยังไม่มีทำ” แม่ว่า “แต่ท้องป่องแล้ว”
วลีวาดก้มหน้างุด หล่อนรู้สึกผิดที่ใจอ่อนยอมให้เกิดเหตุการณ์แบบนึ้ขึ้น หล่อนเข้าใจสถานภาพของแทนค่อนข้างดีเช่นกันว่า อย่าว่าแต่เงินจัดการแต่งงานเลย ลำพังแค่จะประคองชีวิตให้รอดไปเดือนชนเดือนยังเป็นเรื่องยาก
วาดวลีเห็นท่าทางของพี่สาวแล้วอดนึกสงสารไม่ได้ แม่ตำหนิจนวลีวาดร้องไห้สะอื้น
“พี่มันเลว” วลีวาดตำหนิตัวเอง ริมฝีปากขึงตึงเหมือนพยายามสะกดกลั้นไม่ให้ตัวเองอ่อนแอไปมากกว่านี้ เพราะถึงอย่างไร ปัญหาเกิดขึ้นมาแล้วต้องแก้ไขให้ได้
“บอกพี่แทนเค้าไปหรือยัง”
วาดวลีถาม
“ยัง” วลีวาดตอบ
“ต้องรีบบอกนะคะ ให้เขาหาทาง”
“พี่กลัว”
“กลัวอะไรคะ”
“กลัวไปสารพัด”
วลีวาดสารภาพตามตรง “กลัวว่าแทนอาจไม่พอใจ เขาอาจจะไปจากพี่”
“ไม่หรอกค่ะ ท่าทางพี่แทนรักพี่ยังกะอะไรดี”
“มันอาจไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้นะ พี่กลัว”
เห็นท่าทางของวลีวาดแล้ว วาดวลีอดนึกสงสารพี่สาวไม่ได้ แต่ไหนแต่ไรมา หล่อนรู้ดีว่าพี่สาวค่อนข้างด้อยกว่าตัวหล่อนเองในเรื่องของการใช้ชีวิต แต่ก็ดูเหมือนว่าพี่สาวจะไปไกลกว่าหล่อนช่วงตัวหนึ่งจนได้
“ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะพี่ ถ้าพี่แทนทิ้งพี่ หนูนี่แหละจะตามลากคอมันมาแต่งงานกับพี่ให้ได้เชียวค่ะ”
เห็นท่าทางขึงขังของวาดวลีแล้ว คนเป็นพี่สาวก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ในความรู้สึกของวลีวาด น้องสาวยังคงเป็นน้องสาวผู้กล้าหาญกว่าหล่อนเหมือนเดิม
ความหวาดหวั่นของวลีวาดดูจะเริ่มเป็นจริงขึ้นมาทันที เพราะเพียงแค่หล่อนบอกกล่าวเรื่องนี้ให้กับแทนได้รับรู้ เขาก็มีท่าทีเป็นกังวล
สีหน้าของแทนดูจะไม่ชอบใจสักนิดที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ในขณะที่เขายังอยู่ในสถานะไม่พร้อม
ไม่ใช่ว่าเขาไม่รักวลีวาด แน่นอนว่าเขารักหล่อน รักอย่างปานจะกลืนด้วย แต่สภาพเศรฐกิจของเขาต่างหากที่กำลังบีบคั้นบังคับ
ต้องหาเงินส่งค่างวดรถ ส่งให้ทางบ้าน ใช้หนี้บัตรเครดิตที่เอามาหมุนเวียนล่วงหน้า ยิ่งทำยิ่งเหมือนกับว่ากำลังถูกบีบรัด
แทบจะไม่มีเวลาผ่อนคลายเอาเสียเลย การงานในบริษัทเองก็ใช่ว่าจะมั่นคง เพราะเริ่มมีการบีบคั้นกดดันอย่างหนัก อันเป็นเรื่องปกติธรรมดาของบริษัท
ผู้ที่จะอยู่รอดได้นั้น ไม่เพียงเรื่องฝีมือ หากแต่ยังหมายถึงความสัมพันธ์ส่วนตัว ประเภทเลียแข้งเลียขาก็ยังจำเป็นต้องมี
แทน...คือผู้ที่เผชิญหน้ากับมรสุมที่กำลังถาโถมเข้ามาในชีวิต
ตอนนี้ไม่เฉพาะเรื่องการงาน แต่เรื่องของชีวิตรักด้วย
แต่ไม่ว่าจะเรื่องไหนมันมักจะมารวมตัวกันในช่วงเวลาแย่ ๆ ที่สุดในชีวิตเสมอ
“พี่แทนไม่รักฉันแล้วใช่ไหม”
วลีวาดถึงกับโอดครวญเมื่อเห็นท่าทีที่นิ่งงันของแทน ความจริงหล่อนก็พอรู้แหละว่าเขามีปัญหาอะไรบ้าง แต่เรื่องของหล่อนเองก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
“ทำไมไม่ป้องกัน”
แทนโพล่งออกมา เป็นเครื่องหมายคำถาม เป็นเหมือนการโยนความผิดทั้งหมดมาให้หล่อนเป็นผู้รับผิดชอบเพียงคนเดียว
ของแบบนี้เกิดจากการกระทำของคนสองคนไม่ใช่หรือ
“ทำไมพูดงี้ล่ะ” วลีวาดถามเสียงเครียด
“พี่...”
“พี่ไม่รักใหญ่แล้วเหรอ”
วลีวาดเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นของหล่อน คือ ‘ใหญ่’
“ไม่ใช่ไม่รัก แต่ว่า...”
“พี่แทนพูดเหมือนใหญ่ผิดคนเดียว” ผู้หญิงผู้ได้ชื่อว่าเจ้าแม่ดราม่าอย่างวลีวาดฟูมฟายต่อมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่าย ๆ
“เปล่านะครับ พี่ไม่ได้หมายความยังงั้น พี่แค่...”
แทนอยู่ในสถานะที่เหมือนกับน้ำท่วมปาก พูดอะไรมากไม่ได้ เพราะแค่อ้าปากพูดอธิบาย ก็เหมือนกับเป็นการแก้ตัวกลาย ๆ นั่นเอง
เวลานี้ มีเพียงอย่างเดียวที่สามารถทำให้สถานการณ์เย็นลงได้ นั่นก็คือ การหุบปากนิ่งเงียบเสีย
แทนขับรถออกจากบ้านไปในที่สุด
วลีวาดร้องไห้สะอึกสะอื้น ปิดประตูห้องไม่ยอมให้ใครเข้าไปปลอบโยน จนเดือดร้อนถึงวาดวลีนั่นเอง
“พี่ เปิดประตูออกมาคุยกันก่อน”
“ไม่ พี่อยากตาย”
“ก่อนตายก็คุยกันก่อนดิเฮ้ย”
วาดวลีรู้สึกกดดัน แล้วหล่อนก็พาลถึงคนที่มีส่วนทำให้พี่สาวของหล่อนต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ หล่อนให้สัญญากับตัวเองเดี๋ยวนั้นต้องเอาเรื่องเขาคนนั้นให้ถึงที่สุด นี่หรือสิ่งที่คนรักพึงกระทำต่อกัน!
วาดวลีตามไปหาแทนถึงคอนโดห้องพักของเขา
หล่อนมีกุญแจที่ได้มาจากวลีวาดนั่นเอง
ใช้กุญแจสำรองไขเข้าไป
“เฮ้ย!”
“ว้าย!”
วาดวลีร้องกรี๊ด เพราะแทนนุ่งแค่กางเกงในตัวเดียว เขาคว้าผ้าขนหนูมาพันกายเอาไว้ได้ทัน
“เข้ามาได้ไงเนี่ย”
วาดวลีใจสั่นเต้นรัว ไม่เคยพบเคยเห็นของใครแบบจะ ๆ เต็มสองสายตาแบบนี้มาก่อน เพราะนั้นใบหน้าของหล่อนจึงแดงเข้มขึ้นมาเอง
“นุ่งผ้าเรียบร้อยหรือยัง”
“ไม่ ไม่นุ่งอะไรทั้งนั้น”
“ไอ้บ้า”
“ก็คุณเล่นบุกเข้ามาในห้องผมแบบนี้ จะให้ผมทำไงได้ล่ะ”
“นุ่งเข้าซิโว้ย”
“อะไรกัน นี่มันห้องผมนะ ผมจะทำยังไงก็ได้มันเรื่องของผม”
“ไอ้บ้า ไอ้ผู้ชายเฮงซวย”
หล่อนด่าทอเกรี้ยวกราด และตัดสินใจหันขวับมาเผชิญหน้ากับเขาตรง ๆ อีกครั้ง ปรากฏว่าชายหนุ่มพันท่อนล่างเอาไว้เรียบร้อยแล้วด้วยผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่