ตอนที่4

3031 Words
    ปัณสิตาหันมาตอบคนข้างๆด้วยรอยยิ้มก่อนจะหันไปสนใจถนนเบื้องหน้าที่เธอจะขับพาไปยังร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกล มันเป็นร้านอาหารที่ไม่ได้อยู่ติดถนนใหญ่แต่เข้าไปในซอยด้านในซึ่งเธอแอบตระเวนมาดูและไปลองชิมมาแล้วเรียบร้อยก่อนหน้านี้ "ทำงานเหนื่อยหรือเปล่าคะ?" คำถามธรรมดาแต่น้ำเสียงที่แฝงความอ่อนโยนออกมาด้วยทำให้คนที่นั่งมองอะไรข้างทางต้องหันมามองคนที่ตั้งใจขับรถอยู่ ริมฝีปากบางสีชมพูเรื่อเผยยิ้มบางออกมาก่อนจะตอบ "วันไหนที่คนไข้เยอะหรือต้องไปช่วยตรวจแผนกหมอทั่วไปก็มีเหนื่อยบ้างเป็นธรรมดาแหล่ะค่ะ" "แล้วหมอมีวันหยุดยังไงคะ ปัณหมายถึงวันหยุดประจำสัปดาห์น่ะค่ะ" คนที่ขับรถก็ยังชวนอีกคนคุยไปด้วย "ถ้าหยุดประจำก็สัปดาห์ละวันแค่นั้นละคะถ้าจะหยุดมากกว่านั้นหรือมีธุระต้องไปทำก็ต้องขอลาหยุดเหมือนงานประจำทั่วไป หรือขอแลกเวรสลับวันหยุดกับหมอท่านอื่น"     ปัณสิตาหันมามองคนที่ตอบคำถามเธอพลางยิ้มอ่อนให้ ก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไปในซอยไม่นานก็มาถึงร้านอาหารที่เหมือนจะเป็นท้ายซอยพอดีมีต้นไม้ใหญ่หลายต้นขึ้นทั่วทั้งบริเวณให้แลดูร่มรื่นซึ่งมีบริการทั้งโต๊ะนั่งภายในร้านที่มุงหลังคาสูง และที่ทำเป็นซุ้มคล้ายเพิงพักเล็กๆตั้งรายล้อมรอบบริเวณร้าน กวิสราเปิดประตูลงมายืนมองไปรอบๆบริเวณ เธอทำงานอยู่แถวนี้มาเป็นสิบปีแต่ไม่ยักรู้ว่ามีร้านอาหารที่มีบรรยากาศร่มรื่นน่านั่งอยู่ใกล้ๆแถวนี้ด้วย "หมอจะนั่งในร้านหรือนั่งที่ซุ้มคะ? ปัณสิตาเดินมายืนข้างคนที่กำลังมองสำรวจไปทั่วบริเวณร้าน "ขอนั่งตรงซุ้มนั่นแล้วกันค่ะ ท่าทางน่าจะเย็นร่มรื่นดี" กวิสราชี้มือไปยังซุ้มที่อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ให้คนที่มองตามยิ้มให้ "งั้นก็ไปค่ะ ดีนะที่เรามาเวลานี้ถ้ามาช่วงเที่ยงพอดีอาจจะไม่มีที่นั่งก็ได้ นี่ขนาดบ่ายโมงแล้วลูกค้ายังเยอะอยู่เลย" "คุณปัณรู้จักร้านนี้ได้ยังไงคะ หมออยู่แถวนี้มาเป็นสิบปียังไม่รู้เลย" " ก็เพราะหมอนั่นล่ะคะปัณถึงรู้จักร้านนี้" คำตอบที่ได้รับทำให้คุณหมอขมวดคิ้วหันไปมองคนที่เดินข้างกันมาก็เห็นเจ้าตัวอมยิ้มมองมาอยู่เช่นกัน "ยังไงคะหมองงนะนี่?" เมื่อเดินมาถึงซุ้มที่เลือกนั่งกวิสราจึงเอ่ยถามอีกครั้ง "ก็ปัณจะพาคุณหมอมาทานข้าวปัณก็เลยต้องตระเวนหาร้านอาหารใกล้ๆที่จะทำให้คุณหมอสะดวกกับการเดินทางที่มีเวลาจำกัดน่ะสิคะ ปัณก็เลยสอบถามพี่วินมอร์ไซค์แถวปากทางเขาเลยแนะนำมาน่ะค่ะ" ปัณสิตาเอ่ยเล่าให้อีกคนฟังขณะที่รอเด็กในร้านมารับออเดอร์ กวิสราที่ได้ฟังข้อมูลจากอีกคนก็เผลอยิ้มออกมาบางๆไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะลงทุนขนาดตระเวนหาร้านเพื่อความสะดวกของเธอ ก็นึกว่าเป็นร้านที่อีกคนเคยมาทานประจำซะอีก "ค่ะบรรยากาศร่มรื่นดี หมอก็นึกว่าเป็นร้านประจำคุณปัณซะอีกเห็นขับรถเหมือนชำนาญทางมากนะคะ หมอยังไม่เคยขับมาด้วยซ้ำซอยนี้" "ปัณก็เพิ่งมาครั้งที่สองนี่แหล่ะค่ะ" ปัณสิตาบอกอีกคนยิ้มๆ หลังจากที่สั่งอาหารไปห้าอย่างรอประมาณสิบนาทีอาหารที่สั่งก็เริ่มทยอยมาเสิร์ฟกลิ่นหอมๆเรียกน้ำย่อยของกระเพาะได้ดีทีเดียว "ดูน่าทานดีนะคะ" กวิสราพูดขึ้นมาเมื่ออาหารที่สั่งไปวางอยู่ตรงหน้าครบแล้ว "ค่ะมาปัณตักข้าวให้ค่ะ" กวิสรากล่าวขอบคุณคนที่คอยดูแลเทคแคร์เธอด้วยรอยยิ้ม จะว่าไปนี่เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่เธอถูกดูแลเอาใจใส่จากคนที่ไม่ได้สนิทชิดเชื้อหรือเป็นคนในครอบครัวแถมอีกฝ่ายก็ยังเป็นผู้หญิงอีกด้วย มันก็รู้สึกดีไปอีกอย่างเหมือนกันแฮะ "เป็นยังไงบ้างคะ รสชาติอาหารอร่อยหรือเปล่า?" ปัณสิตาเอ่ยถามเมื่อเห็นอีกคนชิมอาหารครบทุกเมนูแล้ว กวิสราส่งยิ้มบางให้พร้อมพยักหน้า "อร่อยดีค่ะ ขอบคุณนะคะที่พามารู้จักแหล่งของกินอีกที่ คราวหน้าคงต้องชวนหมอวิมาทานร้านนี้บ้างแล้วละคะ อาหารอร่อยบรรยากาศเย็นสบายดีด้วย" "อ้าว แล้วไม่คิดจะชวนปัณมาทานด้วยเหรอคะ" คนที่พามาก็ร้องทักขึ้นมาหน้ามุ่ยให้คุณหมอหลุดยิ้มขำก่อนจะแกล้งถาม "แล้วคุณปัณจะว่างมาเหรอคะ" "ถ้าหมอชวนยุ่งแค่ไหนปัณก็จะมาค่ะ" คำตอบที่มาพร้อมรอยยิ้มหวานที่ส่งให้ก็เล่นเอาคนที่ได้ฟังใบหน้าขึ้นสีซะอย่างนั้น เมื่อหาคำโต้ตอบไม่ได้คุณหมอหน้าหวานเลยต้องทำทีก้มหน้าก้มตาทานอาหารต่อไป ให้คนที่นั่งจ้องอยู่อมยิ้มชอบใจที่ได้เห็นท่าทางเขินไปไม่เป็นของคนตรงหน้า ปัณสิตาขับรถกลับมาส่งคุณหมอที่โรงพยาบาลอีกครั้งหลังจากผ่านมื้ออาหารที่เธอแสนรื่นรมณ์ด้วยรอยยิ้มเพราะตลอดเวลาเธอก็แอบหยอดเล็กหยอดน้อยคุณหมอคนสวยจนจบมื้ออาหารนั่นแหล่ะ "ขอบคุณอีกครั้งนะคะสำหรับอาหารมื้อนี้" กวิสราหันมากล่าวขอบคุณสารถีที่ส่งยิ้มแป้นมาให้เธออยู่ "ยินดีค่ะคุณหมอ ไว้ปัณจะมาหาใหม่นะคะ" คำบอกของอีกคนทำให้คุณหมอได้แต่ส่งยิ้มบางกลับไปให้ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถคันหรูยังดีที่ตอนนี้มีเวลาพักเหลือเกือบยี่สิบนาทีเธอจึงไม่ต้องรีบร้อนเท่าไหร่ แต่พอเดินมาได้ไม่ไกลก็ได้ยินเสียงร้องเรียกตามหลังให้ได้หันกลับไปมองก็เห็นคนที่คิดว่าขับรถออกไปแล้วเดินเร็วมาหาเธอ "มีอะไรหรือเปล่าคะคุณปัณ?" กวิสรารีบถามคนที่ทำสีหน้าตาตื่นเหมือนหาอะไรไม่เจอ "หมอคะปัณรบกวนหมอโทรเข้ามือถือปัณหน่อยสงสัยลืมหยิบโทรศัพท์มาจากร้านด้วย ไม่รู้เขาจะเก็บไว้ให้หรือเปล่า" "อ้าว แย่เลย แล้วมีข้อมูลอะไรสำคัญในนั้นหรือเปล่าคะ" กวิสราก็รีบหยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมาเพื่อจะโทรเข้าเครื่องอีกคนทันที "ก็มีโน๊ตสำคัญอยู่เหมือนกันค่ะแต่ถ้าหายจริงก็คงต้องทำใจแหล่ะ" "คุณปัณบอกเบอร์มาเลยค่ะ" กวิสรารีบกดเบอร์ตามที่อีกคนบอกก่อนกดโทรออกไม่นานก็มีคนรับสายให้เธอได้ใจชื้นขึ้นมา "ฮัลโหลค่ะ คือพอดีเจ้าของโทรศัพท์เครื่องนี้ลืมโทรศัพท์ไว้ที่ร้านน่ะค่ะ เอ่อไม่ทราบว่าคนรับสายเป็นพนักงานของร้านหรือเปล่าคะ? อ่อ คะๆขอบคุณมากนะคะที่ช่วยเก็บไว้ให้เดี๋ยวเจ้าของจะกลับไปเอานะคะ ขอบคุณมากค่ะ" กวิสราวางสายพร้อมกับบอกคนที่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก "โชคดีที่เด็กในร้านช่วยเก็บไว้ให้ คราวหน้าก็ระวังอย่าไปเผลอลืมไว้ไหนอีกล่ะ อาจจะไม่โชคดีเหมือนคราวนี้ก็ได้นะคะ" คนหน้าหวานที่เผลอบ่นออกไปเพราะห่วงว่าเจ้าของเครื่องอาจจะลำบากหากมีข้อมูลสำคัญในโทรศัพท์หายไปแต่คนที่ถูกบ่นกลับยิ้มแก้มปริจนน่าหมั่นไส้ "ค่า ต่อไปปัณจะพยายามไม่ลืมค่ะ งั้นปัณกลับไปเอาโทรศัพท์ก่อนนะคะไว้ปัณจะมาหาใหม่นะคะคุณหมอ" กวิสราพยักหน้าให้ "ค่ะขับรถดีๆนะคะ" "รับทราบครับผ้ม"  คำตอบรับแสนทะเล้นของคนที่ยิ้มหวานส่งให้ก็ทำให้คนที่เผลอตัวพูดอะไรในทำนองห่วงกันได้แต่ส่ายหน้ายิ้มตามหลังคนที่เดินกลับไปขึ้นรถอีกครั้ง สรุปแล้วมันอะไรยังไงกันละเนี่ยเธอเปิดโอกาสให้อีกคนจีบยังงั้นเหรอ คิดแล้วก็ชักจะงงกับตัวเองเหมือนกันนะนี่กวิสราส่ายหัวให้กับตัวเองขณะเดินกลับเข้าไปทำงานต่อ ส่วนคนเจ้าแผนการที่จงใจทิ้งโทรศัพท์ราคาหลักหมื่นไว้ที่ร้านอาหารก็ยิ้มหน้าบานขับรถกลับไปที่ร้านอย่างมีความสุข ได้เบอร์คุณหมอมาก็คุ้มค่าแถมยังได้เห็นความขี้บ่นห่วงใยเล็กๆน้อยๆแถมมาด้วยจะไม่ให้ยิ้มแก้มแตกได้ยังไงกัน     เสียงข้อความในโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานในห้องตรวจดังขึ้นมาตอนได้เวลาพักทานข้าวพอดียังกับว่าอีกคนนั้นตั้งเวลาออโต้ส่งเอาไว้อย่างนั้นล่ะ กวิสราหยิบมาเปิดอ่านก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมาเมื่ออ่านเสร็จ "ได้เวลาหาอะไรเลี้ยงพยาธิแล้วค่ะคนสวย ทานข้าวให้อร่อยนะคะ...คิดถึงค่ะ" ข้อความที่ถูกส่งมาจากแอปยอดฮิตหลังข้อความยังมีสติกเกอร์รูปหัวใจสีแดง แถมด้วยตัวการ์ตูนเด็กหญิงน่ารักกอดกันด้วย "ขอบคุณค่ะ คุณปัณก็หาอะไรทานด้วยนะคะ" สุดท้ายเธอก็ต้องพิมพ์ตอบข้อความอีกคนกลับไปด้วยทุกครั้ง ตั้งแต่เมื่อสองสัปดาห์ก่อนที่ปัณสิตามารับเธอไปทานข้าวด้วยกันหลังจากที่อีกฝ่ายกลับไปเอาโทรศัพท์ที่ลืมไว้ที่ร้านแล้ว เจ้าตัวก็ส่งข้อความเป็นเมสเสสมาบอกว่าขอเก็บเบอร์ไว้โทรเฉพาะเวลาฉุกเฉินเท่านั้นล่ะ และอีกคนก็ไม่เคยโทรหาเธอจริงๆนอกจากส่งข้อความมาหาวันล่ะสองเวลาทุกวันคือตอนพักทานข้าวกับข้อความบอกฝันดีทุกคืน  ก็เป็นคนแปลกดีทั้งที่อีกคนเวลาเจอกันก็ดูเหมือนจะรุกจนเธอกลัว แต่พอเอาเข้าจริงๆก็ยังปล่อยให้เธอได้ใช้ชีวิตปกติอยู่จะมีก็เพียงข้อความที่ส่งมาบอกว่าห่วงใยคิดถึงนี่ล่ะ ที่ยังบอกให้รู้ว่าอีกคนนั้นยังคิดอะไรกับเธออยู่ ในเมื่ออีกฝ่ายก็ยังไม่ได้พูดหรือบอกอะไรกันมาตรงๆเธอเองก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร มันก็เลยกลายเป็นเหมือนมีคนรู้จักเพิ่มขึ้นมาในชีวิตก็ยังคงคุยกันได้ปกติเหมือนเพื่อนคนหนึ่ง             หลังจากเลิกงานเสร็จปัณสิตาแวะไปที่ห้างใหญ่วันนี้เธอเอารถยนต์มาทำงานเพราะต้องแวะไปซื้อของหลายอย่างเข้าห้องทั้งของใช้และพวกของแห้งของสดต่างๆสัปดาห์ที่แล้วกลับบ้านที่ระยองมาจึงไม่ได้มีเวลาซื้อ ไหนๆวันนี้ก็ไม่ได้มีธุระที่ไหนก็ไปเดินตากแอร์เล่นสักหน่อยก็ดี เมื่อเข้ามายังส่วนซุปเปอร์มาร์เกตร่างสูงก็เดินเข้าไปดึงรถเข็นเข้าไปเลือกของที่ตั้งใจมาซื้อไปเรื่อยๆ "ปัง อุ๊ย! ขอโทษค่ะ" เสียงกระแทกของรถเข็นดังขึ้นตรงมุมชั้นที่จะแยกไปแต่ละซอยทำให้สองเสียงของเจ้าของรถร้องอุทานขอโทษออกมาพร้อมกัน "หมอแก้ม!?" "อ้าว คุณปัณ" กวิสรามองไปยังคนที่ยืนยิ้มกว้างส่งให้ อะไรจะบังเอิญขนาดนี้ล่ะ "มาซื้อของเหรอคะ พรุ่งนี้ปัณว่าจะแวะไปหาอยู่พอดีเลย" ปัณสิตาเอ่ยทักด้วยรอยยิ้มเมื่อบังเอิญเจอคนที่ไม่ได้เห็นหน้ามาหลายวันเพราะเธอยุ่งทำธุระหลายอย่างเลยกลายเป็นได้แค่ส่งข้อความหาอีกคนแทน "ค่ะ พอดีวันนี้คนไข้ไม่เยอะก็เลยออกมาก่อนเวลาหน่อย แล้วนี่คุณปัณมาซื้ออะไรบ้างคะ?" กวิสรายิ้มตอบให้สาวสวยที่ยังส่งยิ้มตาหวานมาให้เธออยู่ "พวกของใช้แล้วก็พวกของกินน่ะค่ะที่ห้องหมดเกลี้ยงแล้วหมอได้ของครบหรือยังคะ รีบกลับหรือเปล่าพอจะมีเวลาไปนั่งดื่มอะไรเย็นๆกันหน่อยไหมคะ?" "ก็เหลือของใช้อีกสองสามอย่างค่ะ แล้วคุณปัณซื้อครบหรือยัง" "ก็ว่าจะไปดูพวกอาหารสดสักหน่อยน่ะค่ะซื้อไปติดตู้เย็นไว้บ้าง" "อืม ถ้างั้นเราแยกกันไปซื้อของก่อนแล้วกันค่ะ ถ้าเสร็จแล้วเดี๋ยวเจอกันที่ร้าน×××ดีไหมคะจะได้เอาของไปเก็บที่รถด้วย" กวิสราออกความเห็นให้คนสวยรีบพยักหน้ารับทันที "โอเค ตามนั้นค่ะเดี๋ยวเจอกันที่ร้านนะคะ" ปัณสิตาส่งยิ้มให้คุณหมอพยักหน้าก่อนจะแยกกันไปซื้อของๆตัวเองให้เรียบร้อย ยี่สิบนาทีต่อมาทั้งสองสาวก็มานั่งอยู่ในร้านขายพวกเครื่องดื่มยี่ห้อหนึ่ง ขณะที่นั่งรอเครื่องดื่มกับขนมเค้กทานเล่นปัณสิตาก็เอ่ยถามขึ้นมา "วันอาทิตย์นี้หมอว่างหรือเปล่าคะ" "อืม ก็ว่างนะคะคุณปัณจะชวนไปไหนคะ" "จะชวนไปทำบุญร่วมชาติค่ะ" คำตอบพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่มแฝงความหมายในเชิงหยอดจีบมาอีกแล้วเมื่อได้อยู่ต่อหน้ากัน กวิสราก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ "ที่ไหนคะ?" คำถามเปิดมาแบบนี้แสดงว่าคุณหมอคนสวยจะไปกับเธอใช่ไหม คนชวนยิ้มกว้างออกมาทันที "ก็แถวอยุธยานี่แหล่ะค่ะใกล้ดี หรือว่าคุณหมอมีวัดไหนที่อยากจะไปเป็นพิเศษหรือเปล่าละคะปัณไปได้หมดนะ" กวิสราส่ายหน้า "ไม่มีหรอกค่ะ แล้วแต่คุณปัณก็แล้วกัน" คำตอบรับง่ายๆทำให้คนชวนที่เผื่อใจว่าคุณหมอคนสวยอาจจะไม่สะดวกก็ถึงกับยิ้มกว้างอวดฟันสวยจนคนมองก็อดจะยิ้มตามไม่ได้ เออเน๊าะเธอเองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจตัวเองสักเท่าไหร่ก็รู้ทั้งรู้ว่าสาวสวยตรงหน้าเข้ามาเพราะมีจุดประสงค์อะไร แต่เธอกลับไม่ปฏิเสธแถมยังจะเออออไปกับอีกฝ่ายด้วย  "เอ่อ คุณปัณทำไมไม่ทานละคะ น้ำละลายหมดแล้วนะ" กวิสราเอ่ยบอกคนที่นั่งมองเธออมยิ้มตาหวานอยู่หลายนาทีแล้ว หลังจากที่พนักงานนำเครื่องดื่มและขนมเค้กชิ้นเล็กมาเสิร์ฟ "แค่นั่งมองหมอทานปัณก็อิ่มไปทั้งใจลามไปถึงกระเพาะแล้วละคะ" คำตอบที่ฟังแล้วออกจะเลี่ยนอยู่ไม่น้อยหากเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่สาวสวยแบบปัณสิตามาพูดน่ะนะกวิสราก็ได้แต่ส่ายหัวยิ้มออกมาบางๆกับมุขเสี่ยวของคนตรงหน้า จู่ๆอีกฝ่ายก็ถามขึ้นมาให้เธอได้ขมวดคิ้วตามไม่ทัน "ตอนนี้หมอโสดหมอไม่ได้คบใครอยู่ใช่ไหมคะ" ปัณสิตาเอ่ยถามออกไปทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอได้ข้อมูลส่วนตัวของกวิสรามาบ้างแล้ว แต่ก็อยากรู้จากปากคุณหมอเองว่าจะตอบยังไง กวิสรานิ่งไปสักพักก็ยอมพยักหน้าให้อีกฝ่าย "ก็ไม่ได้คบใครนะคะ" เธอเลือกจะพูดความจริงมากกว่าจะมานั่งตอบคำถามทีหลังหากคิดจะโกหกออกไป "ไหนๆตอนนี้หมอก็โสด หมอรักเด็ก หมอมีสัญชาตญาณของความเป็นแม่สูงมาก หมอคือคนที่ปัณต้องการหมอคะ เราแต่งงานกันไหม"? "ห๊ะ! ค คุณปัณว่าอะไรนะคะ?" กวิสราแทบจะสำลักน้ำที่กำลังดูดจากหลอดจนต้องรีบกลืนลงคอ เมื่อกี้เธอไม่ได้หูเพี้ยนใช่ไหมที่สาวสวยตรงหน้าชวนเธอแต่งงานน่ะ "ปัณชวนหมอแก้มแต่งงานค่ะ" "เอ่อ นี่ล้อหมอเล่นใช่ไหมคะ" กวิสราย้ำอีกครั้ง แต่คนตรงหน้าก็ยังส่ายหน้ายิ้มหวานหยดให้กันอีก "ปัณพูดจริงๆค่ะ ไม่ได้พูดเล่นว่าไงคะ ถ้าหมอไม่รังเกียจปัณจะไปบอกให้พ่อมาสู่ขอทันทีเลย" กวิสราที่ตอนนี้หัวสมองแทบจะประมวลผลไม่ทันกับสิ่งที่อีกฝ่ายรุกแรงขนาดนี้ "เอ่อ เดี๋ยวก่อนค่ะคุณปัณ คือ เอาตรงๆนะคะ หมอไม่ได้มีอคติอะไรกับการรักชอบเพศเดียวกันแต่หมอไม่เคยคบกับผู้หญิงมาก่อน อีกอย่างเราก็เพิ่งจะรู้จักกันเองนะคะ" "ปัณก็ไม่เคยคบผู้หญิงมาก่อนค่ะ หมอแก้มคือผู้หญิงคนแรกที่ปัณคิดจะคบด้วย" คำตอบตรงไปตรงมาก็ทำเอาคุณหมอไปต่อไม่ถูกเหมือนกัน "หมอถามจริงๆเถอะค่ะ ทำไมคุณปัณถึงเลือกที่จะ เอ่อ ชวนหมอแต่งงานแบบนี้" สุดท้ายเธอเลือกที่จะถามเหตุผลของอีกคนออกมา และนั่นก็ได้เห็นรอยยิ้มและดวงตาเป็นประกายพราวของคนตรงหน้า "หมอเป็นคนแรกที่ปัณเห็นหน้าครั้งแรกแล้วหัวใจเต้นผิดจังหวะ และหมอก็เป็นคนแรกที่ปัณเห็นหน้าแล้วคิดอยากจะทำอะไรมากกว่านั่งจ้องตากัน ถ้าปัณจะบอกว่ารักหมอมันคงจะดูเร็วไปเอาเป็นว่าหมอคือคนที่ใช่สำหรับปัณก็แล้วกัน" คำตอบที่ได้ฟังทำเอาคุณหมอคนสวยถึงกับอึ้งและใบหน้าขาวใสนั่นก็เหมือนจะมีริ้วแดงจางๆเริ่มแผ่กระจายไปทั่ว ถ้าอีกคนเป็นผู้ชายแล้วมาพูดอะไรแบบนี้มันก็คงไม่แปลกแต่นี่คนที่เพิ่งจะเอ่ยบอกความรู้สึกในใจให้เธอฟังเมื่อครู่คือสาวสวยหน้าตาดีที่กำลังนั่งส่งยิ้มหวานหยดมาให้กัน แล้วใจเธอมันทำไมถึงได้เต้นแรงขึ้นมาแบบนี้ด้วยล่ะ 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD