ชิงหรูผ่อนลมหายใจยาวเมื่อบรรเลงเพลงพิณจบแล้ว นางกวาดตามองผู้ที่นั่งฟังเพลงพิณของนาง นางรออยู่ครู่หนึ่ง หญิงรับใช้ในอาภรณ์บางเบาเย้ายวนเข้ามาประคองให้นางลุกขึ้นยืน นางเดินออกไปท่ามกลางเสียงพูดคุยสวนทางกับผู้ดูแลนาม ‘อันฉี’
อันฉีหลุบตาลงเล็กน้อยไม่สบตากับชิงหรู อันฉีรู้ดีว่าชิงหรูมีฐานะใด ไม่มีผู้ใดกล้าทำให้ร่างทรงของปีศาจราคะขุ่นเคืองใจ ชิงหรูรู้ว่าหอนางโลมใหญ่ๆ ในหลายเมืองเป็นสาขาของลัทธิลิขิตจันทรา เหล่าสาวกล้วนต้องการพลังหยินและหยาง บุรุษต้องการพลังหยิน สตรีต้องการพลังหยาง พวกเขาบำเพ็ญตบะด้วยการเสพสมปรนเปรอสวาท ด้วยนางเป็นร่างทรงของท่านประมุข จึงต้องเดินทางไปทั่ว ผู้อื่นที่ไม่ใช่คนระดับสูงในสำนักเข้าใจไปว่านางคือ ‘อี้จี้’ สตรีที่ขายศิลปะในหอนางโลมแต่มิได้ขายเรือนร่าง ส่วน ‘เซ่อจี้’ นั้นขายร่างกาย
หญิงรับใช้ประคองนางเดินกลับมาที่เรือนรับรองพิเศษที่เตรียมไว้สำหรับท่านประมุข นางกวาดตามองหากวงหมิน นับตั้งแต่คืนนั้น เขาซึ่งเป็นคนพูดน้อยอยู่แล้วกลับแทบไม่พูดอะไรกับนางเลย นางรู้ฐานะตนเองดีว่าไม่ควรเซ้าซี้ถามอะไร และเมื่อเห็นเขากลับมาข้างกายนาง นางก็เบาใจ
‘กวงหมินล่ะ’ ชิงหรูถามหญิงรับใช้ที่มาส่งนาง แต่หญิงรับใช้ไม่ได้ยินเสียงและไม่มีความสามารถในการอ่านปากจึงไม่เข้าใจ กลับเดินไปรินน้ำชาส่งให้ ชิงหรูลอบถอนหายใจเบาๆ รับถ้วยน้ำชามาแล้วจึงโบกมือไล่ให้ออกไป นางดื่มน้ำชาแล้วผ่อนคลายมากขึ้น รสชานี้มีแต่กวงหมินเท่านั้นที่รู้ว่านางชอบชาดอกมะลิมากเพียงใด นางหลับตาลงครู่หนึ่งเรียกชื่อ ‘กวงหมิน’ในใจซ้ำหลายครั้ง นางรู้ว่า ไม่ว่าเขาอยู่ที่ใด หากนางเรียกหา เขาต้องมาปรากฏกาย
ชิงหรูรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวด้านหลังจึงรีบหันกลับไปมอง ใบหน้าหญิงสาวระบายยิ้มกว้างรีบก้าวเข้าไปหา แต่บุรุษในอาภรณ์สีดำงะชักเล็กน้อย สองมือประคองถาดอาหารเข้ามา
‘ข้ากำลังหิวเลย’
“นายหญิงเชิญนั่งก่อน”
‘อืม’
ชิงหรูทำตามอย่างเชื่อฟัง นางนั่งลงให้กวงหมินปรนนิบัติ แต่ไหนแต่ไร เขาเป็นคนดูแลเรื่องอาหารทั้งสามมื้อรวมทั้งของว่าง คอยปรนนิบัติรับใช้ เช็ดมือให้นาง กวงหมินหยิบตะเกียบคีบเนื้อปลานึ่งส่งเข้าปากที่อ้าขึ้นรอคอยเขาป้อนอาหารให้ ราวกับลูกนกตัวน้อย ใบหน้าของเขาเรียบเฉยแต่แววตามีรอยขบขัน นางเองก็กินอย่างตั้งใจ นางรู้ว่าที่เขาดีกับนางเพราะนางเป็นร่างทรง หากวันหนึ่งร่างนี้หมดประโยชน์แล้ว กวงหมินก็หมดหน้าที่ดูแลนาง และคงดูแลคนที่จะมาเป็นร่างทรง เลี้ยงดูฝึกฝนเพื่อให้ถูกคัดเลือกเป็นร่างทรงร่างใหม่ คิดได้ดังนั้นนางจึงคิดว่าช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาที่นางต้องกอบโกย เขาป้อนอาหารให้นาง นางก็ทำตัวเป็นลูกนกอ้าปากรอ เขาแปรงผมให้นาง ชโลมน้ำมันบำรุงผิวพรรณ จัดการดูแลแม้กระทั้งเสื้อผ้าเครื่องประดับ นางไม่สนใจว่าผู้อื่นจะมองว่านางใช้ กวงหมินเยี่ยงทาส สำหรับนางแล้วนี่คือช่วงเวลาแห่งการเก็บเกี่ยวความสุข เมื่อนางจากไปแล้ว จะได้มีความทรงจำเกี่ยวกับเขาหล่อเลี้ยงชีวิตที่เหลืออยู่
หลังจากกินอาหารเที่ยงเสร็จ ชิงหรูมองร่างกวนหมินที่ยกถาดอาหารออกไปให้บ่าวรับใช้รออยู่ด้านนอก นางอ้าปากหาว จู่ๆ รู้สึกง่วงงุนขึ้นมา
กวงหมินกลับเข้ามาในห้อง เขาเห็นนางอ้าปากหาวเหมือนเด็กน้อยก็เผลอยิ้มออกมา อย่างไรนางก็อายุสิบเจ็ด เป็นหญิงสาวที่เพิ่งเติบโตจากเด็กสาว นางเห็นเขาเดินเข้ามาก็กวักมือเรียก เขาเก็บรอยยิ้มและเดินเข้าไปหาด้วยท่าทีอ่อนน้อม ปลายนิ้วของนางชี้ไปที่พื้น เขาก้มมองเห็นรองเท้าของนางหลุดออกจากเท้าข้างหนึ่งจึงคุกเข่าลงเพื่อสวมรองเท้าให้นาง แต่นางกลับยกปลายเท้าขึ้นจิ้มที่หน้าอกของเขา
“สบายตัวแล้วสินะกวงหมิน”
“นายหญิง” กวงหมินสะดุ้งไม่คิดว่าจู่ๆ ท่านประมุขจะเข้าร่างชิงหรู
ปลายเท้าของหญิงสาววาดบนแผ่นอกของเขาเล่น “เจ้าไม่ได้ระบายออกนานนับเดือน เหตุใดจึงปลดปล่อยพลังหยางกับหญิงชั้นต่ำเช่นนั้น เจ้าทำข้าเสียดายนัก”
กวงหมินไม่ตอบได้แต่กัดฟันไม่โต้เถียง แต่นางกลับหัวเราะเสียงใส
“เอาเถิด เห็นแก่เจ้ามีเมตตาช่วยให้หญิงสาวผู้นั้นได้สามีกลับมา แต่ครั้งหน้าเจ้าควรบอกให้นางเข้าลัทธิของเรา แล้วนางจะยิ่งเสพสุขมากกว่านี้”
“ข้าทราบแล้วนายหญิง”
นางเบ้ปากเล็กน้อย ใช้ปลายเท้าผลักแผ่นอกของกวงหมินแรงๆ
“ออกไปรับคนที่อยู่ข้างนอกเข้ามา”
กวงหมินเงยหน้าขึ้นมอง หญิงสาวกรอกตาทำท่าเบื่อหน่าย
“มีบัณฑิตซื่อบื้อเดินวนไปวนมาอยู่หน้าหอจันทร์กระจ่าง เจ้าออกไปดูจะเห็นเอง ข้าต้องการใช้งานเขา”
“ขอรับนายหญิง”
กวงหมินรับคำสั่งแล้วลุกขึ้นยืนเดินออกไปทันที หญิงสาวเตะปลายเท้าให้รองเท้าหลุดออกจากเท้าแล้วตะโกนสั่ง
“ไปอุ่นสุรามาให้ข้า!”
บ่าวรับใช้ที่รอรับคำสั่งด้านนอกตกใจ พวกเขาเข้าใจไปว่าชิงหรูพูดไม่ได้ แต่ก็ประหลาดใจที่บางครั้งก็ได้ยินเสียงของนาง แต่คำสั่งของอันฉี ทุกคนต้องรับคำสั่งของชิงหรูไม่ว่านางจะสั่งอะไรก็ตาม
..................
บุรุษผู้หนึ่งสวมอาภรณ์สีเขียวใบไผ่ ท่าทางกลัดกลุ้ม เขาเดินวนไปเวียนมาหน้าหอนางโลมอันดับหนึ่งของเมืองหลวง หลายวันก่อนเขาบังเอิญช่วยหญิงสาวผู้หนึ่งที่ถูกคนกลุ่มหนึ่งลวนลาม เขาไม่มีวรยุทธ แต่ไม่อาจทนฟังชายกลุ่มนั้นใช้วาจาแทะโลมหญิงสาวกลางถนนกลางวันแสกๆ จึงเขาไปตำหนิ คนเหล่านั้นกลับหัวเราะเยาะและผลักจนเขาล้มก้นกระแทกพื้น หญิงสาวหวีดร้องตกใจเข้ามาประคองเขา ชายกลุ่มนั้นทำท่าจะเข้ามารุมทำร้าย แต่โชคดีที่คนของแม่นางผู้นั้นเข้ามาช่วยสกัดไว้ก่อน
“ขอบคุณคุณชายที่ช่วยเหลือเจ้าค่ะ” หญิงสาวเอ่ยท่าทางยังขวัญเสีย
“ข้าช่วยอะไรไม่ได้เลย” เขาพูดไปตามจริง
“ข้าเป็นเพียงหญิงจากหอนางโลม ผู้อื่นล้วนดูแคลนแต่ท่านให้เกียรติยื่นมือเข้าช่วยเหลือนับว่ามีน้ำใจยิ่งนัก”
“แม่นางกล่าวเกินไปแล้ว”
“เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณที่ท่านมีน้ำใจช่วยเหลือ หากมีสิ่งใดที่ท่านปรารถนา สามารถเข้าพบประมุขของเราได้เจ้าค่ะ” นางเอ่ยแล้วยื่นแผ่นหยกชิ้นหนึ่งส่งให้เขา
“ข้าไม่เข้าใจ” เขาไม่เข้าใจที่นางพูด แรกทีเดียวเขาไม่รับไว้แต่นางกลับยัดใส่มือของเขา แล้วกล่าวลาจากไป เขายืนงุนงงกับป้ายหยกที่ได้มา จนกระทั้งได้ยินผู้คนพูดขึ้น
“ช่างโชคดีเสียจริงที่ได้เข้าไปที่หอนางโลมแห่งนั้น”
“ท่านลุงพูดกับข้าหรือ?” ชายหนุ่มถาม
“เจ้าเคยได้ยินหรือไม่ หากปรนเปรอให้ประมุขลัทธิลิขิตจันทราพึงพอใจ จะได้ในสิ่งที่สมปรารถนา”
“มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?” เขาส่ายหน้าไปมา เขาเป็นบัณฑิต แม้ยากจนแต่ก็ไม่ทำผิดศีลธรรมในใจ
“สุดแท้แต่เจ้าจะเชื่อ บางคนใช้ทั้งชีวิตยังไม่ได้เข้าพบท่านประมุข”
เขาได้แต่เก็บป้ายหยกชิ้นนั้นไว้ในอก และไม่คิดว่าจะต้องใช้สิ่งนี้จนกระทั้งมีบางเรื่องเข้ามาทำให้เขาต้องมายืนวนไปเวียนมาหน้าหอนางโลมแห่งนี้
กวงหมินเดินออกมาเห็นบุรุษลักษณะที่นายหญิงพูดไว้จริง เขาเพ่งมองครู่หนึ่งแล้วเดินเข้าไปหา ประสานมือคารวะและเชื้อเชิญ
“เชิญคุณชายด้านในเถิด”
“ข้า...ข้า...”
“ท่านประมุขรู้ว่าท่านจะมาพบ ให้ข้าออกมารอต้อนรับ”
ชายหนุ่มเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจและยอมเดินตามเข้าไปอย่างว่าง่ายราวกับต้องมนตร์ เขาเดินผ่านเหล่าบรรดาหญิงสาวและบุรุษที่เข้ามาหาความสำราญ เดินลัดเลาะเส้นทางที่ชายในชุดดำเดินนำหน้า จนกระทั่งมาถึงเรือนหลังหนึ่งที่อยู่โดดเดี่ยวห่างไกลจากเรือนหลังอื่น
“เชิญคุณชาย”
กวงหมินผลักบานประตูให้และไม่มีท่าทีจะเข้าไปด้านใน ชายหนุ่มจึงตัดสินใจก้าวไปด้วยตนเอง เขาสะดุ้งเล็กน้อยที่ประตูปิดทันทีที่เข้ามาด้านในแล้ว