“ริว กินข้าวลูก”
คิริวเดินผิวปากอารมณ์ดีเข้ามาในห้องอาหาร เขาตรงเข้าหอมแก้มแม่ของตัวเองทั้งซ้ายและขวาอย่างประจบประแจง
“ไม่กินแล้วครับแม่ ผมมีนัด คืนนี้ไม่กลับมานอนบ้านนะครับ”
เขายกมือไหว้ผู้ใหญ่ทุกคนในห้องอาหารแล้วเดินออกจากบ้านไปพร้อมกับผิวปากอารมณ์ดีอีกครั้ง ในขณะที่คนเป็นป้ายิ้มกริ่มพึงพอใจเพราะคิดว่าหลานชายตัวเองมีนัดกับพิมพ์พลอย
“เห็นไหม พี่บอกแล้ว ว่าตาริวยังไงก็ต้องชอบคนสวยแบบหนูพลอย เป็นไงล่ะ เจอกันแค่วันเดียวก็นัดกันออกไปเดตซะแล้ว”
ช้องนางหันมองหน้ากับสามีตัวเองด้วยความแปลกใจ ท่าทางคิริวเมื่อคืนนี้ไม่เห็นจะเหมือนคนตกหลุมรักสาวสวยคนนั้นเลยแม้แต่น้อย แต่วันนี้ทำไมอารมณ์ดีที่ได้ออกไปเดตเสียได้ วัยรุ่นนี่เข้าใจยากเสียจริง
“ปล่อยให้เป็นเรื่องของเด็ก ๆ เถอะค่ะพี่ช่อ”
“จ้ะ ๆ แค่นี้พี่ก็สบายใจแล้ว ท่าทางคู่นี้จะเป็นไปได้สวย เฮ้อ ได้กลับบ้านเสียที ได้ข่าวว่าลูกยัยผกาเลิกกับแฟนอีกแล้ว เห็นไหม ถ้าเชื่อป้าของมันตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องรัก ๆ เลิก ๆ กับคนที่ไม่เหมาะสมแบบนี้หรอก เดี๋ยวจะหาผู้หญิงใหม่ให้เสียหน่อย”
“พี่ช่อคะ”
“เงียบไปเลยนะเรา ไม่ต้องมาห้ามพี่ ที่ทำทั้งหมดก็เพราะรักและเป็นห่วงหลาน ๆ ทั้งนั้น ถ้าแต่งงานกับคนที่ไม่เหมาะสม ชีวิตครอบครัวไม่มีความสุข จะมีใครเสียใจไปกับพวกมันล่ะ ถ้าไม่ใช่แม่ ไม่ใช่ป้า ไม่ใช่น้าของพวกมันน่ะ”
เธอและช่อผกาผู้เป็นพี่สาวอีกคนหนึ่ง รู้ว่าพี่สาวคนนี้รักน้องและหลาน ๆ มากแค่ไหน ที่วุ่นวายกับชีวิตของทุกคนมาตั้งแต่เด็กจนผมสองสีก็เพราะรักและหวังดีทั้งนั้น จึงไม่อยากพูดจาอะไรที่เป็นการทำร้ายจิตใจของพี่สาว แต่หลาน ๆ ทั้งสี่คนไม่ใช่คนว่าง่ายแบบเธอกับช่อผกา ทุกคนต่อต้านและไม่มีใครเชื่อฟังในเรื่องนี้สักคน
“นางรู้ค่ะ แต่พี่ต้องเข้าใจหน่อย ว่าเด็กสมัยนี้มันไม่ได้เหมือนคนรุ่นเรานะคะ ทั้งดื้อ ทั้งมีความคิดเป็นของตัวเองแบบสุดโต่งด้วย นางว่าพี่ทำใจไว้หน่อยก็ดีนะคะ จะได้ไม่ต้องเสียใจทีหลัง”
“พี่รู้หรอกน่า ว่าหลานแต่ละคนนิสัยใจคอยังไง พี่ก็ทำเท่าที่พี่จะทำได้จนสุดความสามารถนั่นแหละ จะโกรธจะเกลียดป้าคนนี้ก็ไม่ว่ากัน”
ช้องนางถอนหายใจกับคนดื้ออีกครั้ง สิ่งเดียวที่จะทำให้คนอย่างช่อม่วงเลิกวุ่นวายกับหลาน ๆ ได้ คือทุกคนต้องแต่งงาน มีครอบครัวที่อบอุ่นเท่านั้นแหละ ซึ่งแต่ละคนก็ยังทำตัวลอยไปลอยมา ยังไม่มีใครลงหลักปักฐานจริง ๆ สักคนเดียว
อลิษากวาดตามองความอลังการของคอนโดมิเนียมที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงบ่งบอกรสนิยมและฐานะทางการเงินของเจ้าของห้อง เธอหยุดยืนอยู่ที่หน้าโซฟาตัวโตในห้องนั่งเล่น ในขณะที่เขาเข้าห้องนอนไปเปิดแอร์และเดินออกมาหาเธออีกครั้ง
“เข้าห้องสิ เปิดแอร์แล้ว”
“เอ่อ นายจะทำเลยเหรอ นี่มันเพิ่งแปดโมงเช้าเองนะ”
เธอกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เวลานี้ที่ทุกคนกำลังใช้ชีวิตวันพักผ่อนด้วยการนอนดูซีรีส์อยู่ในห้องหรือบางส่วนยังต้องออกไปทำงานต่อสู้กับความลำบาก แต่เขากลับกำลังจะพาเธอเข้าไปทำเรื่องอย่างว่า
“อ้อ เช้าไปเหรอ เธอกินข้าวเช้ามาหรือยัง ฉันยังไม่ได้กินเลย รีบออกไปรับเธอ”
“ฉันกินแล้ว”
“งั้นต้มมาม่าให้ฉันกินหน่อยสิ ครัวอยู่ตรงนั้น เอาของในตู้เย็นได้เลยนะ ถ้าเธอจะกินก็ต้มมาเผื่อตัวเองด้วยเลยแล้วกัน กินเยอะ ๆ เพราะวันนี้เราต้องใช้พลังงานกันอีกยาว”
เธอเดินหายเข้าไปในโซนครัวเพื่อทำอาหารเช้าแบบง่าย ๆ ให้เขา ก่อนจะออกมาพร้อมกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชามโตที่มีหมูสับ ไข่ลวกและผักตกแต่งอยู่ด้านบนราวกับมันออกมาจากรูปภาพหน้าซองก็ไม่ปาน
“โห ดูน่ากินนะเนี่ย แล้วของเธอล่ะ”
“ฉันอิ่มแล้ว”
“อืม เตือนแล้วนะ ถ้าเป็นลมไปอย่ามาโทษฉันล่ะ”
“รีบ ๆ กินไปเถอะน่า พูดมากจริง”
เธอเดินหนีเขาไปนั่งอยู่บนโซฟา ดูทีวีที่เขาเปิดทิ้งเอาไว้แทนนั่งมองหน้าตาหล่อร้ายและสายตาแพรวพราวของเขา
“ถ้าไม่กินก็ไปอาบน้ำสิ เอาเสื้อผ้าไปแขวนไว้ในตู้ก็ได้ จะได้ไม่ยับ อาบเสร็จก็ใส่ชุดคลุมอาบน้ำที่อยู่ในห้องน้ำ ไม่ต้องใส่เสื้อผ้าหรอก”
“อืม”
เธอยอมเข้าไปอาบน้ำตามที่เขาบอกแต่โดยดี แม้เมื่อเช้าจะอาบน้ำขัดตัวมาอย่างดีแล้วก็ตาม ไม่นาน เสียงน้ำจากฝักบัวก็หยุดลง เธอยืนมองเรือนร่างเปลือยเปล่าของตัวเองผ่านกระจกเงาบานโตหน้าเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า ถอนหายใจยาวแล้วเปิดกระเป๋าเครื่องสำอาง หยิบเอาสเปรย์ระงับกลิ่นกายมาฉีดและทาโลชันกลิ่นดอกไม้หอมอ่อน ๆ กลิ่นประจำที่เธอชอบใช้
เมื่อเปิดประตูห้องน้ำออกมาก็เจอกับผู้ชายตัวโตนั่งรออยู่ที่ปลายเตียง เขาเดินสวนเข้าไปอาบน้ำต่อจากเธอ ไม่นานก็เดินออกมาในสภาพผ้าเช็ดตัวมัดปมอย่างหมิ่นเหม่บนลำตัวมีหยดน้ำเกาะพราว
สาวน้อยเบิกตากว้างขึ้นเมื่อมองเรือนร่างสูงใหญ่ที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อขึ้นลอนชัดเจนทุกลูก ผิวพรรณขาวสะอาด บนหน้าอกหนั่นแน่นมีปลายยอดสีชมพูอ่อน
ดวงตากลมโตซุกซนมองไล่ลงไปตามลอนกล้ามเนื้อ เอวสอบที่มีปมผ้าเช็ดตัวพันเอาไว้ต่ำแสนต่ำจนเห็นกล้ามเนื้อวีไลน์วิ่งลงลึกไปน่าหวาดเสียว
เธอเด้งตัวลุกขึ้นยืนด้วยความประหม่า ใบหน้าสวยหวานแดงก่ำจนถึงใบหู เรียกรอยยิ้มมุมปากของคนที่ตั้งใจแต่งตัวยั่วยวนเธอ
เขาหัวเราะชอบใจในลำคอ ก่อนจะเดินไปฉีดน้ำหอมเล็กน้อย แล้วปิดผ้าม่านประตูระเบียงจนห้องทั้งห้องมืดสนิทแม้เป็นเวลากลางวัน
แต่แล้วคนตัวบางกลับต้องสะดุ้งโหยง เมื่อไม่รู้ว่าเขาเดินเข้ามาหาเธอตั้งแต่เมื่อไร และตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ตรงหน้าในระยะประชิด มือใหญ่ร้อนผ่าวสอดเข้าข้างแก้มและลูบไล้แก้มนวลนั้น
เบา ๆ
“ตกใจเหรอ”
“อืม”
“เพราะเธอมองไม่เห็น ฉันไปเปิดไฟก่อนนะ”
“มะ ไม่ต้อง ปิดไฟแบบนี้แหละ”
“แต่ฉันชอบเปิดไฟ อย่างน้อยก็ครั้งแรกที่เราทำกัน ครั้งต่อไปแค่โคมไฟหัวเตียงก็ได้”
เพียงชั่วอึดใจ ไฟดวงใหญ่กลางห้องก็สว่างขึ้น เขาเดินกลับเข้ามาหาเธอช้า ๆ ดวงตาสีน้ำตาลวาบลึกมองสบตากับเธอนิ่ง ๆ จนหัวใจเธอกระตุกรัว
เขากลับมายืนประจันหน้าและสอดมือเข้าที่ข้างแก้มของเธออีกครั้ง ดวงตาคมกริบแสนมีเสน่ห์คู่นั้นกวาดไล่มองจนทั่วใบหน้างดงาม โดยเฉพาะดวงตากลมโตสั่นระริกราวกับลูกกวางหลงป่าและริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูสดแสนน่ารัก
“จูบนะ”
ไม่รอให้เธออนุญาตอีก เพราะเธอเคยบอกแล้วว่าเขาอยากทำอะไรกับเธอก็ได้ทั้งนั้น จึงประทับริมฝีปากอุ่นร้อนลงไปบนความนุ่มนิ่มสีชมพูสดคู่นั้น ซึ่งความจริงแล้ว มันให้ความรู้สึกดีกว่าในจินตนาการอีกเป็นร้อยเท่า
เสียงทุ้มครางฮือในลำคอด้วยความชอบใจ จึงบดเบียดเคล้าคลึงความนุ่มนิ่มนั้นอย่างเชื่องช้า ซึ่งคนตัวบางก็พยายามขยับปากตามการชักนำของเขาคืนกลับไปเช่นกัน แม่จะแลดูเงอะงะจนเขาอดแปลกใจไม่ได้ก็ตาม
“ตื่นเต้นเหรอ”
เขาละริมฝีปากออกมาจ้องมองดวงตากลมโตตื่นตระหนก จะบอกว่าเธอเหมือนคนไม่เคยก็ไม่น่าจะใช่ จึงคิดว่าการกระทำที่แสนเงอะงะนั้นคือความตื่นเต้นที่ได้นอนกับเขา...ผู้ชายร้อนแรงจนเป็นที่เลื่องลือ
“อืม...นิดหน่อย”
“ไม่ต้องตื่นเต้นนะ ไม่ต้องเกร็งด้วย ฉันไม่อยากทำเธอเจ็บ”
“ไม่ต้องห่วงฉันหรอก นายจะทำอะไรก็รีบ ๆ ทำเถอะ”
“อืม ถ้าเจ็บก็บอกแล้วกัน”
พูดจบก็โน้มลงมาประกบปากละเลียดจูบเธออย่างเนิบนาบฉ่ำหวานอีกครั้งจนเธอลดอาการประหม่า ขยับปากจูบคืนเขากลับไปอย่างน่ารัก ก่อนที่เขาจะเร่งจังหวะการบดเบียดให้เร่าร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ตามอุณหภูมิร่างกายที่กำลังพุ่งสูงขึ้น
คนตัวบางหลุดเสียงครางในลำคอ ทั้งตกใจกับสัมผัสเร่าร้อนและไม่รู้จะจัดการกับความอัดแน่นในร่างกายอย่างไร แต่นั่นกลับทำให้คนตัวโตอมยิ้มชอบใจ ก่อนจะวาดลวดลายบดจูบราวกับกระชากวิญญาณอีกเนิ่นนาน
“แลบลิ้นออกมาสิ”
ลิ้นเล็ก ๆ สีชมพูหวานราวกับสีของลิ้นกระต่ายค่อย ๆ แลบออกมาช้า ๆ เขามองดวงตาปรือปรอยคู่นั้นแล้วมองเรียวลิ้นเล็ก ๆ เพียงแค่นั้นกลับทำให้หัวใจดวงโตเต้นกระหน่ำราวกลองศึก
จึงปาดไล้เลียลิ้นเล็กอย่างหิวกระหาย ก่อนจะตวัดลิ้นสากหยอกเย้าดูดดึงลิ้นนุ่มนิ่มนั้นจนเธอร้องครางประท้วงด้วยความเจ็บแปลบ แต่เขากลับยิ่งทั้งดูดทั้งดึงลิ้นเธอให้แรงขึ้นราวกับคนเดินหลงป่าแล้วพบเจอแหล่งน้ำที่ทำให้รอดตาย