“ได้เงินแล้ว งั้นก็ขึ้นรถสิ ฉันจะไปส่ง”
มือใหญ่ร้อนผ่าวคว้ามือเล็กบอบบาง แม้จะไม่นุ่มนิ่มเท่าผู้หญิงทุกคนที่เขาเจอมา แต่เมื่อสัมผัสโดนเพียงนิดกลับทำให้หัวใจแกร่งกระตุกวูบราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นจากร่างกายของเธอพุ่งตรงเข้ามาสู่หัวใจของเขา
“เอ่อ นายไม่ต้องไปส่งฉันหรอก ฉันจะไปทำงาน”
“ก็ไปส่งที่ทำงานไง จะได้รู้ว่าเธอไม่โกหก”
คนเอาแต่ใจถือวิสาสะดันเธอเข้าไปนั่งในรถ ก่อนจะเดินอ้อมมาฝั่งคนขับแล้วรีบออกตัวอย่างแรงจนฝุ่นตลบทั่วบริเวณ
ไม่นานเกินรอ รถยนต์คันหรูสีดำมันปลาบก็เข้ามาจอดที่ลานกว้างหน้าร้านอาหารกึ่งคาเฟ่ที่ตกแต่งอย่างน่ารักแสนหวาน ด้านในมีลูกค้านั่งอยู่หลายโต๊ะ ซึ่งส่วนมากเป็นกลุ่มผู้หญิงและคู่รัก มีเขาเท่านั้นที่มานั่งคนเดียว จึงเลือกมุมด้านในสุดแก้เขิน
ก็บรรยากาศแสนหวานชวนเลี่ยนแบบนี้เขาเคยมาใช้บริการที่ไหน แค่เห็นก็ขนลุกแล้ว เกิดไอ้พวกปากมอมมันรู้เข้าว่าเขามาส่งและนั่งเฝ้าสาวไซด์ไลน์ที่ร้านแบบนี้ พวกมันคงหัวเราะเยาะเย้ยเขาจนลูกบวช
“พี่แก้ว พรุ่งนี้ลิซขออนุญาตลางานหนึ่งวันนะคะ มีธุระนิดหน่อยค่ะ”
“ได้สิ แล้วแม่เป็นยังไงบ้างลิซ”
“ดีขึ้นเยอะแล้วค่ะ แต่ก็ยังเจ็บแผลผ่าตัดอยู่ ยังไปทำงานไม่ได้”
“ดีแล้วที่ท่านไม่เป็นอะไรมาก เหนื่อยหน่อยนะลิซ ช่วงนี้”
“ค่ะพี่แก้ว ลิซไหวค่ะ ขอแค่ได้เรียนต่อจนจบพร้อมเพื่อน”
“อืม มีอะไรให้ช่วยก็บอกพี่ อย่าเกรงใจล่ะ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
เจ้าของร้านแห่งนี้ใจดีกับเธอเสมอ เป็นแหล่งพักพิงของหงส์ปีกหักอย่างเธอมาสามปีเต็มจนย่างเข้าปีที่สี่แล้ว แม้ว่าเจ้าของร้านเองจะมีภาระหนี้สินมากมาย แต่ก็ยังใจดีพร้อมยื่นมือเข้าช่วยเหลือเธอเสมอ แต่เธอไม่เคยนำปัญหาของตัวเองไปรบกวนใครเลย ด้วยรู้ดีว่าเมื่อถึงคราวลำบาก ก็มีเพียงตัวเองเท่านั้นที่จะช่วยเหลือตัวเองได้
“จ้ะ งั้นไปรับออเดอร์ผู้ชายหล่อๆ ที่เดินตามลิซเข้ามาเมื่อกี้เถอะ ไม่รู้ว่ามารอแฟนหรือเปล่า ปกติร้านเราไม่ค่อยมีผู้ชายมานั่งคนเดียวนะ”
“เอ่อ ค่ะ”
เธอไม่บอกว่าเขามาพร้อมกับเธอ เพราะไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ และคิดว่าอีกไม่นานเขาคงเบื่อและล่าถอยกลับไปเองเมื่อรู้ว่าเธอไม่ได้ไปนอนกับผู้ชายคนอื่นอย่างที่เขากังวล
“นายจะเอาอะไรไหม หรือจะกลับเลย”
“นี่พนักงานร้านนี้ต้อนรับลูกค้าแบบนี้เหรอ บอกเจ้าของร้านดีไหม”
“ไม่ใช่แบบนั้นนะ คือฉันแค่คิดว่านายตามมาดูว่าฉันทำงานอะไร พอรู้แล้วก็อาจจะอยากกลับ ไม่คิดว่าจะมานั่งเสียเวลาดูฉันทำงาน เพราะร้านแบบนี้คงไม่มีผู้ชายคนไหนมาซื้อบริการฉันหรอก”
“หึ ก็ฉันนี่ไง อีกอย่างนี่ก็เย็นแล้ว ฉันยังไม่ได้กินข้าว เธอก็จะไล่ฉันกลับ พอได้เงินแล้วก็ไม่ต้องแคร์ลูกค้าอย่างฉันแล้วงั้นเหรอ”
“ไม่ใช่แบบนั้น ฉันขอโทษแล้วกันที่ลืมคิดเรื่องนี้ไป งั้นนายจะกินอะไรดีล่ะ”
“ที่นี่มีอะไรอร่อยล่ะ”
“ก็พวกข้าว สเต๊ก ขนมหวาน”
“งั้นเอาสเต๊กมาสองที่ แล้วเธอก็มานั่งกินกับฉัน”
“ไม่ได้หรอก ฉันทำงานอยู่นะ แล้วลูกค้าก็กำลังเข้าร้านด้วย”
“เธอก็ยังไม่ได้กินข้าวไม่ใช่เหรอ”
“ฉันกินข้าวหลังร้านปิดนู่นแหละ เอาแค่สเต๊กนะ เดี๋ยวฉันจัดการให้”
คิริวมองตามร่างบางที่เดินหายเข้าไปในร้านแล้วอดที่จะแปลกใจไม่ได้ ในเมื่อเธอทั้งสาวทั้งสวย ขายตัวได้ครั้งละครึ่งแสนแบบนี้ ทำไมต้องมาเป็นเด็กเสิร์ฟให้เหนื่อยเปล่าๆ ในเมื่อแค่นอนเฉยๆ ร้องครางเสียงหวานๆ ก็ได้เงินมากมายขนาดนั้นแล้ว จะว่าเธอติดหรู ใช้จ่ายเงินสิ้นเปลืองก็ไม่น่าใช่ ก็ดูตั้งแต่หัวจรดเท้าเธอไม่มีของแบรนด์เนมสักชิ้น กระเป๋าที่ใช้ยังเป็นผ้ากระสอบแสนเชยอยู่เลย
แก้วทรงสวยที่เหลือเพียงน้ำแข็งถูกวางลงข้างๆ กับแก้วว่างเปล่าอีกหลายใบ ดวงตาคมกริบมองไปยังแผ่นหลังเล็กที่กำลังเก็บจานเมื่อลูกค้าโต๊ะสุดท้ายเพิ่งออกจากร้านไป ตอนนี้ทั้งร้านจึงเหลือเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่เป็นลูกค้า
“เอ่อ คิริว ร้านปิดแล้ว นายจะเช็กบิลเลยไหม”
“อืม เอาสิ”
คนหล่อยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา ไม่รู้ว่านั่งอยู่ที่นี่นานแค่ไหนแล้ว แต่ดูจากจำนวนแก้วน้ำบนโต๊ะก็คงจะนานอยู่พอดู
“สี่ทุ่มแล้วเหรอวะ แล้วกูมานั่งทำห่าอะไรที่นี่วะเนี่ย”
คนตัวโตส่ายหน้าระอาตัวเอง ไม่เข้าใจหรอก ว่ามานั่งทำอะไร แต่ก็ให้เหตุผลไปว่ามานั่งเฝ้าสินค้าที่เขาซื้อมาในราคาแพง ไม่ให้ไปเสนอขายให้ใครตัดหน้าเขาอีก แล้วหลังจากคืนพรุ่งนี้ เธอจะไปเร่ขายให้ใครมันก็เป็นเรื่องของเธอ เพราะคนอย่างคิริว ไม่เคยใช้ผู้หญิงคนเดิมๆ ซ้ำซาก ยิ่งท่าทางนิ่งๆ หน้าตาไร้รอยยิ้ม ดวงตาเศร้าๆ อย่างเธอ แค่คืนเดียวก็คงจะเต็มกลืนแล้ว
“ฉันไปรอเธอที่รถนะ เสร็จแล้วก็ตามไปแล้วกัน”
เมื่อจ่ายเงินพร้อมทิปให้เธอหนักๆ ก็นัดแนะสถานที่กับเธออีกครั้ง
“จะรอทำไม เลิกงานแล้วฉันก็ขึ้นรถเมล์กลับห้อง ไม่ได้ไปไหนต่อแล้ว นายกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ”
“ใครจะเชื่อล่ะ ไหนๆ ก็นั่งรอมาตั้งห้าชั่วโมงแล้ว ไปส่งเธออีกนิดก็คงไม่เป็นไร”
“แต่ฉันไม่สะดวก”
“ทำไม กลัวว่าถ้าฉันรู้ที่อยู่ของเธอแล้วจะตามไปวอแวเธอหลังจากนี้เหรอ อลิซ นี่เธอไม่รู้จักฉันหรือไง ถึงคิดว่าฉันจะตามตื๊อผู้หญิงที่เคยนอนด้วย”
มันก็จริงของเขา เพราะชื่อเสียงของเขาออกจะโด่งดัง สาวๆ คณะเธอที่สวยๆ ล้วนแต่โดนเขากวาดมาเกือบหมดแล้ว แถมทุกคนยังพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาไม่เคยเรียกใครไปนอนด้วยซ้ำสอง
“ฉันก็แค่เกรงใจนาย”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก มาถึงขนาดนี้ละ เลิกงานแล้วรีบตามไปล่ะ จะรอที่รถ”
“ก็ได้”
อีกครึ่งชั่วโมงถัดมา เขาก็มาจอดรถส่งเธอที่หน้าหอพักขนาดกลางที่ค่อนข้างซอมซ่อ ทั้งยังอยู่ในซอยที่ค่อนข้างเปลี่ยว มองลึกเข้าไปในซอยนั้นมืดสนิทแทบไม่มีแสงไฟ ดีที่หอพักของเธอไม่ได้อยู่ลึกอะไร แค่เข้าซอยมาไม่ถึงห้าสิบเมตรเท่านั้น
เขากวาดตามองบริเวณโดยรอบผ่านกระจกด้านหน้าของรถยนต์ นอกจากตึกซอมซ่อและซอยเปลี่ยวๆ แล้ว ด้านหน้าของตึกยังมีพวกขี้เหล้านั่งตั้งวงดื่มกินกันเสียงดัง ดูท่าทางไม่น่าไว้วางใจสักนิด ไม่เข้าใจว่าเธอทนอยู่ในสถานที่แบบนี้ไปได้อย่างไร
“นี่ห้องของเธอเหรอ”
“ใช่”
"เธออยู่กับใคร แฟนเหรอ”
“ฉันไม่มีแฟน อยู่กับแม่แค่สองคน”
“เธอหาเงินได้ไม่น้อยเลยนะ ทำไมมาอยู่ในที่แบบนี้ ไม่กลัวหรือไง”
อยากจะบอกออกไปเหลือเกินว่าที่เขาหาว่าเธอหาเงินได้เยอะจากการนอนทอดร่างให้ชายหนุ่มเชยชมนั้น เธอเพิ่งทำมันเป็นครั้งแรก และเขาเป็นลูกค้าคนแรกและคนเดียวในชีวิตของเธอเพราะจะไม่มีทางทำแบบนี้อีกเด็ดขาด แต่เรื่องอะไรจะให้เขารู้เรื่องนี้ล่ะ
“ฉันสะดวกแบบนี้ ที่นี่ก็ราคาถูก ไม่ไกลมหาลัยมากด้วย”
“เธองกขนาดนี้เลยเหรอ ถ้าวันหนึ่งโดนไอ้พวกขี้เมาลากไปข่มขืนแล้วจะรู้สึก”
เขาไม่รู้หรอก ว่าตลอดเวลาที่เธออยู่นี่มาสามปีกว่า พวกขี้เมาพวกนี้นี่แหละเป็นเพื่อนบ้านที่มีน้ำใจ ครอบครัวของพวกเขาแม้จะหาเช้ากินค่ำ แต่ก็ไม่เคยสร้างเรื่องเดือดร้อนให้ใคร หาเงินได้เท่าไรก็ใช้เท่านั้น
ถือได้ว่า พวกคนจนๆ เท่านั้น ที่จะเข้าใจและเห็นใจกัน ต่างจากพวกผู้ดีที่แสนร่ำรวย ปากหวานก้นเปรี้ยว ต่อหน้าทำอีกอย่าง ลับหลังทำอีกอย่าง ไม่เคยมีความจริงใจให้ใคร หักหลังได้แม้กระทั่งเพื่อนที่รักและเชื่อใจ จนเธอและครอบครัวต้องสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างแบบนี้ ไม่เหลือแม้กระทั่งชีวิตพ่อของเธอ