แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธแม่ได้ จึงต้องโทรไปรบกวนคนตัวบางที่กำลังจะเข้านอนหลังจากเพิ่งบอกแม่ว่าพรุ่งนี้เธอต้องไปรับงานพิเศษและต้องค้างคืนกับมัสยา
“สวัสดีค่ะ”
“ฉันเอง”
เสียงทุ้มที่เริ่มจะคุ้นหูทำให้เธอแปลกใจ เขากลัวเธอจะเบี้ยวจนถึงขั้นโทรมาเช็กกันเลยหรือ
“เอ่อ มีอะไรหรือเปล่า”
เธอไม่กล้าเรียกชื่อเขา เพราะไม่อยากให้แม่ที่นอนหลับอยู่ด้านข้างรู้ว่าเธอคุยกับผู้ชาย ก่อนจะแอบเดินเลี่ยงออกมาคุยที่ระเบียงแทน
“พรุ่งนี้ฉันขอยกเลิกนัดเราก่อนนะ ฉันมีธุระด่วน”
“อ๋อ ได้สิ แล้วนายจะเอายังไงต่อ”
“วันเสาร์เธอว่างไหม ฉันจะไปรับเธอที่หอแต่เช้า”
“นายจะทำอย่างนั้นตั้งแต่เช้าเลยเหรอ”
คนตัวบางเบิกตากว้าง เผลอโพล่งออกไปด้วยความตกใจ คนหื่นๆ อย่างเขาไม่รู้จักอายเลยหรือไง
“ทำไมล่ะ ทำไม่ได้หรือไง”
“เอ่อ คือ ไม่รู้สิ งั้นถ้านายมารับฉันแต่เช้า คงไม่ต้องค้างคืนใช่ไหม ฉันมีงานพิเศษตอนเย็นทุกวัน”
“ร้านเดิมเหรอ”
“ใช่”
“เธอก็เปลี่ยนวันลาสิ จากวันศุกร์เป็นวันเสาร์”
“แต่นายมารับฉันตั้งแต่เช้าแล้ว ยังต้องค้างคืนอีกเหรอ นายจะไม่พักบ้างหรือไง”
“หึหึ พักไม่พักเดี๋ยวเธอก็รู้เอง ทำตามที่ฉันสั่งเถอะน่า ฉันเป็นลูกค้าวีไอพีนะ ค่าตัวเธอตั้งห้าหมื่น ฉันก็ต้องนอนกับเธอให้คุ้มหน่อยสิ”
“นายออกจะรวย ทำไมงกแบบนี้”
“ถ้าไม่งกแล้วจะรวยเหรอ เธอรับเงินฉันไปแล้ว ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ วันเสาร์เช้าเตรียมตัวให้พร้อม อย่าลืมเอาเสื้อผ้ามาด้วยล่ะ”
“ก็ได้”
“ดีมาก งั้นแค่นี้นะ ฉันนอนก่อน”
เขาวางสายไปแล้ว แต่คนตัวบางยังคงยืนมองไปบนท้องถนนที่มีรถวิ่งกันให้ขวักไขว่ เธอมีเวลาหายใจให้โล่งปอดอีกหนึ่งวัน ก่อนที่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปตลอดกาล
“ว่าไงบ้าง อลิซ เรื่องคิริว”
เจอหน้ากันในตอนเช้า สิ่งแรกที่มัสยาป้องปากกระซิบประซาบถามอลิษาคือเรื่องของคิริว ที่เมื่อวานเพื่อนรักได้ตัดสินใจทำในสิ่งที่ไร้ซึ่งศักดิ์ศรีที่สุดในชีวิต
“อืม เขาตกลงแล้ว ให้เงินฉันมาจ่ายค่าเทอมก่อนสามหมื่น นัดกันวันเสาร์นี้”
“หา ขนาดเขายังไม่ทันได้นอนกับแก ยังให้เงินแกมาก่อนตั้งสามหมื่น ไม่กลัวแกจะเบี้ยวหรือไง หรือว่าแกจะเบี้ยวหมอนั่นดี ไหนๆ ก็ได้เงินมาจ่ายค่าเทอมแล้วนี่ บล็อกเบอร์เลยดีไหม หมอนั่นตามหาแกไม่เจอหรอก”
คนเจ้าเล่ห์เสนอทางรอดให้เพื่อนรัก อีกไม่นานผู้ชายพวกนั้นก็น่าจะเรียนจบแล้วแยกย้ายกันออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อไปทำงาน คงไม่มีทางได้กลับมาเจอกันง่ายๆ ถ้าหลบๆ ซ่อนๆ เอาหน่อยในช่วงนี้ อาจจะรอด
“ได้ที่ไหนล่ะ เขารู้ที่อยู่ ที่ทำงานพิเศษของฉันแล้วด้วยนี่สิ เขาได้ตามแหกอกฉันถึงที่แน่ๆ ท่าทางหื่นออกขนาดนั้น คงไม่ปล่อยฉันไปง่ายๆ หรอก”
“อะไรนะ ทำไมหมอนั่นถึงรู้ว่าแกทำงานที่ไหนล่ะ”
“ก็เมื่อวานเขาจะไปส่งฉันให้ได้น่ะสิ อ้างว่าฉันรับเงินมาแล้ว กลัวว่าฉันจะไปนอนกับคนอื่นก่อนหน้าเขา เลยไปนั่งเฝ้าที่ร้านพี่แก้วจนเลิกงานเลย แถมยังบังคับพาฉันไปส่งที่หออีก”
“ซวยละ ถ้าแกหนี หมอนั่นตามเล่นงานแกแน่ๆ”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันมีเวลาทำใจอีกตั้งหนึ่งวัน เมื่อกี้ฉันก็ไปจ่ายค่าเทอมมาแล้วด้วย โล่งใจอย่างบอกไม่ถูกเลย”
รอยยิ้มของอลิษาพลอยทำให้มัสยาเองรู้สึกโล่งใจไปด้วย
“อืม ดีใจด้วยนะที่แกได้เรียนต่อแล้ว งั้นก็อดทนหน่อยนะ แค่คืนเดียว ครั้งสองครั้งหมอนั่นก็หมอบแล้ว ค่อยมาเริ่มต้นชีวิตใหม่กันนะอลิซ”
“ขอบใจแกมากนะเมี่ยง ไม่ต้องห่วง ฉันทำใจได้แล้วจริงๆ”
หลังจากทำโปรเจคตัวจบกับเพื่อนในกลุ่มเสร็จ คิริวก็ขับรถกลับบ้านด้วยความเบื่อหน่าย วันนี้หน้าตาหล่อๆ ของเขาไม่รับแขกตั้งแต่เช้าจนเพื่อนสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เขาเองก็ไม่ได้บอกไปว่าโดนคนที่บ้านบังคับให้กลับมาดูตัวกรายๆ
แต่แล้วก็ต้องส่งยิ้มทางการค้าและทำความเคารพผู้ใหญ่ที่มานั่งรอเขาอยู่ในห้องรับแขก ก่อนสายตาคมกริบจะเหลือบไปเห็นสาวสวยในชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังที่มองมาทางเขาอย่างตกตะลึง
คนนี้นี่เองหรือ พิมพ์พลอย ผู้หญิงที่ป้าของเขาอยากได้มาเป็นหลานสะใภ้หนักหนา ก็สวยดีหรอกนะ ท่าทางเย้ายวน รูปร่างสมส่วน ผิวพรรณขาวสะอาด แถมดวงตาคู่นั้นยังบอกออกมาชัดเจนว่าเจ้าหล่อนตกหลุมรักเขาเข้าให้แล้ว
“นี่ไงจ๊ะ ริว คนที่ป้าอยากแนะนำให้รู้จัก ชื่อน้องพลอยนะ เอ๊ะ อายุเท่ากันนี่ ใช่ไหม”
“ใช่ค่ะคุณป้า สวัสดีค่ะ คิริว”
“ครับ”
เขาตอบออกมาแค่สั้นๆ แม้จะรู้ว่ามันเสียมารยาท แต่ใครใช้ให้ป้าของเขาและเจ้าหล่อนมาแทรกนัดของเขากับสาวไซด์ไลน์คนสวยกันล่ะ คนมันไม่ได้ปลดปล่อย ก็อารมณ์เสียแบบนี้แหละ ถึงแม้สายตาเจ้าหล่อนจะอ่อยเขาแค่ไหน แต่ผู้หญิงที่ครอบครัวแนะนำให้ จะคือคนสุดท้ายที่เขานอนด้วย เพราะไม่อย่างนั้น ขบวนขันหมากจากบ้านเขาของจะไปถึงหน้าบ้านของเจ้าหล่อนทันทีที่เขาก้าวขาลงจากเตียง
“เด็กๆ พากันออกไปเดินเล่นก่อนเถอะจ้ะ เดี๋ยวจัดโต๊ะเสร็จแล้วป้าจะให้คนออกไปตาม ตอนนี้ขอผู้ใหญ่คุยกันก่อนนะ”
ช่อม่วงจัดแจงทุกอย่างราวกับบ้านหลังนี้เป็นบ้านของตนเอง ในขณะที่ช้องนางทำได้แค่ส่งสายตาไปหาลูกชายว่าให้ช่วยรักษามารยาทยอมทำตามที่คนเป็นป้าบอกจนกว่าจะกินข้าวกับแขกเสร็จ และคนอย่างคิริวที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาดีก็รู้ว่าตัวเองควรทำอะไร จึงผายมือพาพิมพ์พลอยออกไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้ของแม่
“เอาล่ะค่ะ เด็กๆ ออกไปแล้ว ทีนี้ผู้ใหญ่อย่างพวกเราก็มาคุยกันเรื่องเด็กๆ ดีไหมคะ”
ช่อม่วง สาวทึนทึกที่ไม่ได้มีลูกและสามีเป็นของตัวเอง สถาปนาตัวเป็นผู้ใหญ่ ทำเหมือนว่าวันนี้เป็นพิธีสู่ขอลูกสาวชาวบ้านก็ไม่ปาน
“ดีค่ะ”
กมลชนก คุณแม่ยังสวยของพิมพ์พลอยจีบปากจีบคอตอบกลับไป รู้สึกดีใจจนเนื้อเต้นที่จะได้มีโอกาสเป็นทองแผ่นเดียวกันเขาครอบครัวนักธุรกิจซึ่งร่ำรวยจนไม่รู้จะเอาเงินไปเก็บไว้ที่ไหนหมด
กว่าเธอและสามีจะถีบตัวเองขึ้นมาจนมีธุรกิจใหญ่โตและได้รู้จักกับครอบครัวนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างไรเสียก็ต้องผลักดันให้ลูกสาวจับคิริวให้อยู่หมัด เพื่อความมั่นคงของลูกสาวต่อไปในอนาคต
“วันนี้ที่ชวนคุณมลกับคุณพิทักษ์มาทานข้าวที่บ้านน้องสาวกับน้องเขย บอกตรงๆ ว่าอยากให้เด็กๆ ทั้งสองคนได้ทำความรู้จักกันค่ะ ในสายตาของพี่ พี่ว่าเด็กสองคนนี้เหมาะสมกันมากที่สุด”
ช่อม่วงพูดเป็นภาษาอังกฤษให้อัลเบิร์ต สามีของน้องสาวฟังเข้าใจด้วย และการสนทนาหลังจากนั้นก็ใช้เป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ
“ยินดีมากเลยค่ะ มลเองก็อยากให้ลูกได้รู้จักกับผู้ชายดีๆ มีอนาคต และหวังว่าเด็กสองคนนั้นจะเข้ากันได้นะคะ บอกตามตรงมาว่าหนุ่มๆ มาขายขนมจีบยัยพลอยเยอะมากเลยค่ะ แต่ยัยพลอยไม่เคยสนใจใครเลย จนมาเจอคิริวนี่แหละค่ะ บางทีเด็กสองคนนี้อาจจะเป็นเนื้อคู่กันก็ได้”
ว่าไปนั่น เนื้อคู่เหรอ ถ้าทั้งสองครอบครัวบอกว่าใช่ เด็กสองคนนั้นก็ต้องว่าตาม สมัยนี้การแต่งงานด้วยความเหมาะสม เงินต่อเงิน คือสิ่งที่ลูกหลานของนักธุรกิจและชนชั้นสูงต้องทำใจ
แต่ดีหน่อยที่ลูกสาวของเธอ แม้จะคบกับผู้ชายมากหน้าหลายตา แต่ก็ไม่เคยจะแยแสผู้ชายคนไหน เบื่อก็เขี่ยทิ้งอย่างง่ายดายราวกับคนไม่เคยมีความรู้สึกรักใคร่ใยดีใคร จนวันนี้ สายตาของลูกสาวที่มองชายหนุ่มคนนั้น คนเป็นแม่อย่างเธอรู้ได้ในทันทีว่าลูกสาวของตัวเอง ตกหลุมรักผู้ชายคนนั้นเข้าอย่างจังแล้ว
“ผมว่า เรื่องนี้ให้เด็กทั้งสองคนเขาตัดสินใจกันเองดีกว่านะครับ ผมเองไม่เคยบังคับลูก คิริวมีอิสระที่จะเลือกทุกอย่างในชีวิต แม้ว่าสิ่งนั้นคนเป็นพ่อแม่จะไม่เห็นด้วยก็ตาม”
อัลเบิร์ตออกตัวแทนลูกชาย เพราะเขารู้ใจลูกของตัวเองดีที่สุด มองตาก็รู้ว่าคิริวอึดอัดแค่ไหน และแน่นอนว่าอย่างไรก็ไม่มีทางสานต่อกับเด็กสาวคนนั้นแน่นอน
คำพูดที่ออกจากปากคนเป็นพ่อของฝ่ายชายทำเอาพ่อแม่ฝ่ายหญิงยิ้มเก้อ ท่าทางหมูในอวยที่คิดว่าจะง่าย มันคงไม่ได้เป็นแบบนั้น อาจต้องมีการออกแรงกันนิดหน่อย แต่สิ่งที่จะได้มา ย่อมคุ้มค่ากับความเหน็ดเหนื่อยแน่นอน..เหมือนตอนนั้น ที่ทำให้ครอบครัวของเธอมีธุรกิจ มีเงินทองและมีหน้ามีตาในสังคมจนถึงตอนนี้
“ขอทาที่ต้องเอ่ยขัดนะครับคุณอัลเบิร์ต การเลี้ยงลูกแบบฝรั่ง บางทีอาจใช้ไม่ได้ในสังคมไทย คุณไม่รู้หรอก ว่าผู้หญิงที่ไม่คู้ควรกับลูกของเรามันมีมากมายแค่ไหน และผู้หญิงพวกนี้หวังรวยทางลัด บางคนใช้แค่เรื่องบนเตียงมัดใจชายหนุ่มเอาไว้ ไม่สามารถเชิดหน้าชูตาได้ในสังคมด้วยซ้ำ ยิ่งครอบครัวนักธุรกิจอย่างเรา การจะหาคู่ครองที่สมน้ำสมเนื้อ มันก็ยิ่งส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ผู้บริหารนะครับ โดยเฉพาะเด็กหนุ่มอย่างคิริว บางทีถ้าเขาก้าวพลาดไปแล้ว อาจไม่สามารถเรียกความน่าเชื่อถือกลับคืนมาอีกเลยก็ได้”
สิ่งที่พิทักษ์ พ่อของพิมพ์พลอยพูดออกมาก็ถูก ไม่มีใครสามารถเถียงได้เลย แม้แต่คนที่ให้อิสระลูกอย่างเต็มที่ก็ตาม แต่ในเมื่อลูกชายของเขาเติบโตมาอย่างนี้ จะมากะเกณฑ์หรือบังคับอะไรกันในตอนนี้ก็คงจะมีแต่เสียกับเสีย สู้คอยดูอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ถ้ามีอะไรไม่ดีไม่งามหรือจะนำมาซึ่งความเสียหายเกิดขึ้น ค่อยออกโรงมาช่วยจัดการน่าจะดีกว่า
“ครับ ผมไม่เถียงเลยในเรื่องนี้ เห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่คงยังใช้ไม่ได้กับคิริว ยังไงเรื่องของเด็กๆ เราก็ปล่อยให้เป็นเรื่องที่เด็กๆ เขาจะตัดสินใจเองดีกว่านะครับ”
ช้องนางอมยิ้มภูมิใจที่สามีตัวเองออกโรงปกป้องลูกชาย ด้วยตัวเธอเองไม่กล้าที่จะขัดใจคนเป็นพี่สาว จึงทำได้เพียงนั่งอยู่เงียบๆ แม้จะรู้ว่าพี่สาวตั้งใจจะทำอะไร และเธอไม่เห็นด้วยเลยตั้งแต่แรกก็ตาม
ผิดกับคนต้นคิดอย่างช่อม่วง พิทักษ์ และกมลชนก ที่มองหน้ากันด้วยความรู้สึกไม่ค่อยจะพอใจนัก แต่ก็ต้องพยายามเก็บเอาไว้อย่างมิดเม้น ทั้งยังแสร้งยิ้มแล้วชวนกันพูดคุยในเรื่องอื่นๆ ราวกับเรื่องก่อนหน้านี้เป็นเพียงการเกริ่นเปิดบทสนทนา ไม่ได้มีความหมายใดๆ เลยแม้แต่น้อย