ในขณะที่สองสาวกำลังนั่งจิตใจห่อเหี่ยวอยู่ที่โต๊ะม้าหินข้างตึกคณะ รถยนต์คันหรูสีดำมันปลาบก็แล่นเข้ามาจอดอย่างรวดเร็วจนเสียงห้ามล้อดังสนั่น ดึงดูดทุกสายตาที่นั่งอยู่ในบริเวณนั้นให้หันไปมอง
เรือนร่างอวบอิ่มในชุดนักศึกษารัดรูปกระโปรงสั้นจู๋ลงมาจากรถยนต์คันนั้นพร้อมเดินนวยนาดเข้ามาในบริเวณลานนั่งเล่นที่มีโต๊ะม้าหินตั้งเรียงรายอย่างมั่นใจ
“แหม นึกว่าจะมาไม่ทันเรียนซะแล้ว เป็นไง คิริว เขาเด็ดสมคำร่ำลือไหม”
ชื่อของชายหนุ่มที่ดังมาจากโต๊ะของรุ่นน้องในคณะหลังจากสาวสวยคนนั้นเดินเข้าไปนั่งรวมกลุ่ม ทำให้สองสาวที่กำลังคิดไม่ตกกับปัญหาชีวิตหันไปมองยังโต๊ะด้านข้างพร้อมกัน
สาวสวยเหยียดยิ้ม ยกกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพงใบใหม่ขึ้นมาวางบนโต๊ะ เรียกเสียงฮือฮาของสาว ๆ กลุ่มนั้นให้ดังระงม
“โห นี่เขาเปย์กระเป๋าแกเลยเหรอ นังนิต้า”
นิต้าพยักหน้าอย่างภาคภูมิใจที่สามารถทำให้หนุ่มหล่อร้ายสุดฮอตของคณะวิศวะติดใจเธอได้ถึงเพียงนี้
“หูย อิจฉา หายไปคืนเดียวได้กระเป๋ากลับมา แล้วเรื่องบนเตียงล่ะ สมคำร่ำลือไหม”
“ที่สุด”
“ว้ายยยยยย อิจฉา”
สาวสวยในกลุ่มกรีดร้องออกมาพร้อมกัน นึกอิจฉาวาสนาของเพื่อนที่เมื่อคืนส่งสายตายั่วยวนจนคิริวลากออกมาจากผับเพื่อไปต่อยังคอนโดมิเนียมสุดหรู ทั้งที่ในโต๊ะของเขามีสาวสวยนั่งคลอเคลียอยู่หลายคน
“แปลว่าเขาติดใจแกแล้วล่ะสิ คืนนี้ว่าไง เขาให้แกไปหาอีกไหม”
เพราะชื่อเสียงของหนุ่มวิศวะสุดฮอตกลุ่มนี้เป็นไปในแนวทางเดียวกันคือ หล่อ รวย เลว ใช้ผู้หญิงเปลือง แม้จะสายเปย์แต่ก็ไม่ค่อยชอบใช้ผู้หญิงคนเดิมซ้ำหลายครั้ง โดยเฉพาะคิริว ที่ไม่เคยคบกับใครเป็นแฟน และไม่เคยให้ค่าผู้หญิงคนไหนนอกเตียงทั้งนั้น ถ้านิต้าสาวสวยถูกเรียกใช้อีกครั้งก็แปลว่ามีโอกาสสูงที่เขาจะให้เป็นคนสำคัญ แม้จะไม่เคยมีผู้หญิงซึ่งโชคดีคนนั้นเลยก็ตาม
“ก็ยังไม่เห็นว่ายังไงนะ แต่นั่นคิริวเลยนะ เคยใช้ผู้หญิงซ้ำที่ไหน เขาขี้เบื่อจะตาย ได้นอนกับเขาแค่คืนนึง ได้กระเป๋าราคาตั้งหลายหมื่น ต่อให้เขาไม่เรียกหาฉันอีก ก็คุ้มเกินคุ้มแล้ว”
“จริง แค่นี้ก็บุญกีบารมีแต๊สแล้วจ้าเพื่อนสาว คืนเดียว ร่างกายไม่ช้ำด้วย หาเหยื่อแซ่บ ๆ รายต่อไปดีกว่า แต่ถ้าฉันได้แซ่บกับคิริวสักคืนก็คงฟินเหมือนได้ขึ้นสวรรค์”
“ฟินจริง แต่ผอม ๆ เอวบาง ๆ อย่างแก รับความรุนแรงของเขาไม่ไหวหรอก ได้หักครึ่งแน่ ๆ”
สาวสวยทั้งกลุ่มหัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างไม่มีเคอะเขินราวกับสิ่งที่พูดนั้นมันเป็นเรื่องราวปกติที่ใช้สนทนากันเป็นประจำ
“ลิซ ลิซ อลิซ แกเป็นอะไรวะ นั่งเหม่อตั้งแต่เที่ยงแล้วนะ ฉันถามอะไรแกก็ไม่ตอบ นี่เรียกตั้งสามครั้งแล้วเนี่ย”
อลิษาสะดุ้งโหยงเมื่อมัสยาเรียกชื่อของเธอเสียงดังเป็นครั้งที่สาม หลังจากที่เธอนั่งเหม่อลอยทั้งคาบเรียนจนสิ่งที่อาจารย์สอนไม่ได้สะท้อนเข้าไปในหัวสมองของเธอแม้แต่น้อย
“อะไร เสียงดังไปได้ ยัยเมี่ยง”
“โห คุณนาย ฉันเรียกเธอสามครั้ง”
“แล้วเรียกทำไมล่ะ”
เธอเพิ่งสังเกตว่าอาจารย์สอนเสร็จแล้ว และเพื่อนร่วมคลาสก็กำลังทยอยออกจากห้องจนเหลือเพียงเธอและเพื่อนรักเท่านั้น จึงรีบเก็บของลงกระเป๋าผ้าทรงสวยใบโต
“ฉันถามแกว่า เราจะเอายังไงกันดี นี่ก็เย็นแล้ว แกต้องไปทำงานร้านพี่แก้ว ถ้าแกจะไปหางานที่ไหนฉันจะได้เตรียมตัว เลิกงานจะได้ไปด้วย”
“เอ่อ คือ”
มัสยาเลิกคิ้วสูง รอคอยคำตอบ แต่จนแล้วจนรอด คนที่กำลังสับสนกลับยังไม่สามารถให้คำตอบกับเธอได้
“แกไม่ต้องไปหรอก ฉันรู้แล้วว่าจะไปหาเงินค่าเทอมมาจากที่ไหน”
“ที่ไหน แกจะไปยืมใคร แกไม่มีญาติพี่น้องเหลือแล้วนะ หรือว่า...”
เธอเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ขออย่าให้สิ่งที่เธอคิดเป็นเรื่องจริงเลย แต่ทว่าไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนช่วยเด็กกำพร้าจนตรอกอย่างพวกเธอได้ นอกเสียจาก...เขา
คนที่สนิทสนมกันจนแค่มองตาก็รู้ใจ พยักหน้ารับช้า ๆ เวลาที่เหลืออีกเพียงวันเดียวเธอจะไม่มีสิทธิ์เรียนต่อกับเพื่อน ๆ ในเทอมนี้ และเธอไม่สามารถเสียเวลาไปอีกหนึ่งปีได้จริง ๆ
“อืม คิริว”
“อลิซ แกจะบ้าเหรอ แกรู้ตัวไหมว่าสิ่งที่แกกำลังคิดจะทำ มันคืออะไร”
“รู้สิ ขายตัวแลกเงิน”
ปลายเสียงเจือสะอื้น ดวงตากลมโตสีน้ำตาลมีน้ำตามาเอ่อคลอ
“อลิซ เราไม่มีวิธีอื่นแล้วเหรอวะ ฉันไม่อยากให้แกทำอย่างนี้เลย”
“ฉันกับแก เรามีเงินติดตัวรวมกันยังไม่ถึงหมื่นเลย พรุ่งนี้ฉันมีเวลาถึงสี่โมงเย็นที่จะเอาเงินไปจ่ายค่าเทอม แกคิดว่าเราจะไปเอาเงินมาจากไหนมากมายขนาดนั้น”
“แต่ฉันไม่อยากให้แกทำอะไรไร้ศักดิ์ศรีแบบนั้น”
“ฉันก็ไม่ได้อยากทำ แต่ถ้าแม่รู้ว่าฉันเอาเงินค่าเทอมมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้แม่หมด จนฉันเรียนไม่จบเหมือนเพื่อน ต้อง
ดร็อปเรียนออกมาหางานทำก่อน แกว่าแม่ฉันจะรู้สึกยังไง”
“แต่ถ้าแม่แกรู้ว่าแกขายตัวล่ะ”
“ถ้าแกไม่พูด ฉันไม่พูด แม่จะรู้ได้ยังไง ฉันจะทำแค่ครั้งเดียว แค่เอาเงินมาจ่ายค่าเทอม แล้วฉันจะไม่ทำอะไรทุเรศ ๆ แบบนี้อีก”
“ที่แกเลือกคิริว เพราะได้ยินเด็กกลุ่มนั้นคุยกันเหรอ”
“ใช่ อีกอย่างวันที่เราไปทำงาน เขาเคยให้เบอร์โทรฉันมา แกจำได้ไหม”
“อืม จำได้ หมอนั่นคงจะชอบแก”
“ไม่ได้ชอบหรอก ผู้ชายอย่างเขาจะมาชอบผู้หญิงอย่างฉันได้ยังไง ก็แค่อยากได้เท่านั้นแหละ อีกอย่างที่ฉันเลือกเขา เพราะแกก็เคยได้ยินนี่ว่าเขาไม่ใช้ผู้หญิงซ้ำ แค่คืนเดียว ได้เงินค่าเทอม ได้กลับมาเรียนต่อ ทุกอย่างก็จบแล้ว ต่างคนต่างไป ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“แกจะไม่เสียดายใช่ไหม”
ด้วยรู้ดีว่าอลิษาไม่คิดที่จะสนใจผู้ชายเจ้าชู้หลายใจที่เข้ามาจีบ เพราะต้องการรักษาทั้งตัวและหัวใจไว้ให้ผู้ชายแสนดีที่คู่ควร ถ้าไม่มีผู้ชายคนนั้น เธอก็ไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องหาเรื่องใส่ตัวให้เสียใจเล่น ๆ
“ไม่ แค่เยื่อบาง ๆ แลกกับอนาคตของฉันและความสบายของแม่ ฉันว่ามันคุ้ม”
ภาพแม่ของเธอที่นอนรักษาตัวในห้องพักแบบรวมของโรงพยาบาลที่แออัดราวกับปลากระป๋อง เสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดของเตียงข้าง ๆ ยังสะท้อนก้องอยู่ในหู เธออยากให้แม่พ้นจากความลำบากให้เร็วที่สุด และในเมื่อจนตรอก เธอก็พร้อมแลก
“ถ้าแกคิดดีแล้ว ฉันก็จะไม่ห้าม แต่เราจะติดต่อหมอนั่นได้ยังไง แกทิ้งเบอร์เขาไปแล้วนี่ หรือจะให้ฉันไปถามเบอร์โทรจากเด็กเก่าของเขาไหม ฉันรู้จักอยู่หลายคน”
“ไม่ต้องหรอก เรื่องนี้ฉันจัดการเอง”