บทที่ ๑ เคราะห์ซ้ำกรรมซัด(๑)

1204 Words
ไม่น่าเชื่อว่าเมืองงดงามท่ามกลางธรรมชาติอย่างจังหวัดเชียงรายจะมีบ้านไม้ทรุดโทรมขอพื้นที่จากคนใจบุญปลูกเป็นที่อยู่อาศัย แต่ก่อนสมัยที่ตระกูลลีละเดชาเฟื่องฟูประกอบธุรกิจทำสวนผลไม้ส่งออกต่างประเทศ มีรายได้เข้าบ้านปีปีหนึ่งไม่ต่ำกว่าหลักล้านบาท แต่เพียงไม่นานที่ผู้หญิงนามว่า ลินินทร์ ก้าวเข้ามาทุกอย่างก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ นายหญิงของไร่ส้มลีละเดชา คุณเนย์ญราต้องตรอมใจตายเพราะว่าสามีอย่างคุณสุภาษิตลักลอบมีสัมพันธ์ชู้สาวกับผู้หญิงที่มีนามว่าลินินทร์ จนกระทั่งหย่าขาดจากนางแล้วตบแต่งกันหนำซ้ำยังยกยอปอปั้นจนออกนอกหน้านอกตา การกระทำของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีนั้นสร้างรอยร้าวในอกจนนางเนย์ญราต้องตรอมใจตาย น้องเนยผู้เป็นบุตรสาว เป็นโซ่ทองคล้องใจอายุวัยยี่สิบเอ็ดปีต้องตกจากตำแหน่งคุณหนูมาเป็นเพียงลูกเลี้ยงหลังจากที่ผู้เป็นแม่จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือนไร่ส้มนับสองร้อยไร่ยังเป็นของผู้เป็นพ่อ แต่ว่าเพราะการยุยงส่งเสริมของเมียใหม่ทำให้ทุกอย่างหมดสิ้น ครอบครัวลีละเดชาต้องสิ้นเนื้อประดาตัว คุณหนูเนย์ญรินทร์ ต้องฟันฝ่าหาเงินส่งเสียตัวเองเรียนให้จบในเทอมสุดท้าย โชคดีของเธอที่พอมีเงินเก็บบ้าง ไม่อย่างนั้นอนาคตการศึกษาต้องจบอย่างแน่นอน         “ฮือๆๆ อย่าทำเนยเลยค่ะ คุณน้า เนยเจ็บ...”         เสียงหญิงสาวกรีดร้องดังลั่น ปากเล็กๆ นั้นโอดครวญอย่างน่าสงสาร หลังจากแม่เลี้ยงใจยักษ์ตบตีหยิกข่วนจนผิวเนียนๆ มีรอยเขียวคล้ำ น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง ถ้าหากว่าไม่ต้องกลับมาดูแลพ่อที่ป่วยออดๆ แอดๆ ด้วยพิษสุราเรื้อรัง ป่านนี้ก็คงเป็นสาวเมืองกรุงไม่ต้องมาลำบากลำบนกัดก้อนเกลือกินอย่างที่เป็นอยู่ เงินร้อยล้านหายไปเหมือนจุดไฟเผาภายในไม่กี่เดือนเพราะผู้หญิงที่ยืนจังก้าอยู่ตรงหน้า         “เจ็บเหรอ ไม่ต้องมาบีบน้ำตา ข้าวปลาวันๆ ไม่มีจะกินกันอยู่แล้ว แกไปเลยนะนังเนย ไปหาเงินซื้อข้าวซื้อน้ำมาให้พ่อแกกิน ดูสิเมามายไร้สติขนาดนั้น”         เสียงแม่เลี้ยงนามลินินทร์ตวาดใส่ไม่ยั้ง ผลักร่างของเนย์ญรินทร์จนซวนเซล้มฟุบลงกับพื้นหญ้า เพราะใครล่ะที่ทำให้ครอบครัวที่ร่ำรวยของเธอต้องตกระกำลำบากถึงเพียงนี้ แต่หญิงสาวกลับไม่คิดจะโทษใครเลยสักคนเดียว คิดซะว่ามันเป็นกรรมลิขิต ชาติที่แล้วเธอคงทำเวรทำกรรมให้กับผู้หญิงคนนี้ต้องเจ็บช้ำ ชาตินี้ถึงต้องมาทนใช้กรรมอย่างที่เป็นอยู่         “ยังจะยืนเซ่ออยู่ทำไม? รีบๆ ไปสิ อีกสิบนาทีทุกอย่างต้องเรียบร้อย อาหารต้องพร้อมเพราะฉันหิว ได้ยินไหมนังเนย เร็วๆ สิ!”         แม่เลี้ยงตวาดใส่อีกครั้งก่อนจะเดินปั้นปึ่งหนีไป ปล่อยให้หญิงสาวประคองตัวเองลุกขึ้นอย่างช้าๆ เธอต้องรีบหุงหาอาหารให้ผู้เป็นพ่อที่ยังเมามาย ให้แม่เลี้ยงที่วันๆ ไม่ทำอะไรสักอย่างนอกจากแต่งหน้าแต่งตาทาปากแดงๆ แล้วไปนั่งล้อมวงส่องกระจกกันที่บ้านใกล้ๆ หรือไม่ก็แถบชายแดนที่อยู่ไม่ไกลมากนัก การพนันผลาญทรัพย์สินเงินทองไปจากครอบครัวของเธอจนหมดสิ้น หญิงสาวผู้อาภัพค่อยๆ เดินเข้าไปในห้องครัวมองสภาพห้องเล็กๆ ที่เหมือนรังหนู มีหลังคาสังกะสี มีเต่าถ่านให้ใช้ ไม่มีหรอกเครื่องครัวหรูหรา จานชามก็มีแต่ใบที่แตกร้าว ช้อนก็คันเก่าๆ นับได้ทุกอย่างรวมกันก็แค่สิบกว่าชิ้น มือบางที่ดำเป็นปื้นเนื่องจากทำงานหนักหลายอย่างทั้งขุดแปลงปลูกผักสวนครัว เลี้ยงไข่ไก่ เลี้ยงปลาประทังชีวิตไปวันๆ จะออกไปทำงานข้างนอกก็ห่วงผู้เป็นพ่อ เพราะฉะนั้นตอนนี้เธอต้องช่วยเหลือตัวเองไปก่อน สักวันคงจะดีขึ้นกว่านี้ หลังจากนั้นหญิงสาวก็หันมาจุดไฟในเต่าถ่านเพื่อผัดผักที่เก็บมาตั้งแต่เช้า เจียวไข่อีกสักสองใบ ดีเหลือเกินที่ยังมีหม้อหุงข้าว และไฟฟ้าให้ได้ใช้สอย จากน้ำใจของผู้ใจบุญ ส่วนน้ำที่ต้องใช้อุปโภคบริโภคก็ต้องไปตักจากสระน้ำหลังบ้าน มาเติมให้เต็มตุ่มทุกใบ มือที่ควรเนียนนุ่มเหมือนสาวแรกรุ่นคนอื่นๆ ก็แตกกร้านกระด่างกระดำอย่างน่าเกลียด แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เจ้าของที่ดินจะไล่ครอบครัวของเธอออกไปอยู่ที่อื่น ถ้าหากวันนั้นมาถึงชีวิตเธอคงมืดแปดด้าน ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งพิงใคร         “ได้รึยังนังเนย? พ่อแกบ่นหิวจะแย่อยู่แล้ว ได้ยินไหมเร็วๆ หน่อยสิ!”         เสียงเรียกจากแม่เลี้ยงดังก้องมาถึงในครัว บ่นให้ได้ยินไม่น้อยกว่าสิบประโยค ตั้งแต่ตัดสินใจกลับมาอยู่ที่นี่ ชีวิตก็เปลี่ยนไปแทบตั้งตัวไม่ทัน คุณหนูเนยผู้สูงศักดิ์เป็นได้เพียงนังเนยที่โดนเรียกใช้ไม่ต่างจากทาสในเรือนเบี้ย         “ได้แล้วค่ะ คุณน้า”         เนยรีบยกกับข้าวที่ทำได้สองอย่าง เตรียมถ้วยเตรียมช้อนไปให้ทันใจของคนรออย่างทุลักทุเล วางข้าวปลาอาหารเสร็จก็หันไปตักน้ำดื่มมาไว้คอยบริการ         “แล้วคุณพ่อล่ะคะ คุณน้านินทร์”         หญิงสาวต้องเรียกแม่เลี้ยงว่าคุณน้านินทร์ทุกคำ ไม่เช่นนั้นเธอจะโดนคนเป็นพ่อตบตีให้เจ็บช้ำไปทั้งตัว คุณพ่อทั้งรักทั้งหลงแม่เลี้ยงสาวคนนี้ หลงอย่างหัวปักหัวปำ จากที่เคยรักเธอมากกว่าคนอื่นตอนนี้พ่อเกลียดเธอยิ่งกว่ากิ้งกือไส้เดือนอีก         “พ่อแกก็นอนเมาเป็นผีตายซากอยู่ที่แคร่โน่น ไปล้างหน้าล้างตาให้พ่อแกด้วย ไปเดี๋ยวนี้เลยฉันจะกินข้าว เห็นหน้าแกทีไรกินไม่ลงทุกที”         ลินินทร์เอ่ยปากไล่ทันทีที่ทุกอย่างเตรียมพร้อม เธอกินอาหารที่มีอย่างเอร็ดอร่อยแม้จะเป็นเพียงอาหารพื้นๆ แต่ฝีมือของคนทำกลับสรรค์สร้างรสชาติที่ดีจนคนกินพึงพอใจ หญิงสาวผู้อาภัพยังไม่มีอาหารตกถึงท้องเลยสักนิด เธอจะได้กินก็ต่อเมื่อแม่เลี้ยงสาวและผู้เป็นพ่อกินเรียบร้อยแล้วเท่านั้น บางมื้อแทบไม่ได้กินสักคำเดียว หลังจากถูกไล่ให้ลงมาดูผู้เป็นพ่อ เนย์ญรินทร์ก็หิ้วถังน้ำใบเล็กพร้อมผ้าผืนที่คิดว่าสะอาดมากที่สุด เดินมาหาผู้เป็นพ่อที่นอนอยู่บนแคร่ไม้ ลูกสาวค่อยๆ เช็ดผ้าที่ชุบน้ำหมาดๆ ไปตามใบหน้าของผู้เป็นพ่อเบาๆ แววตาคู่งามนั้นทอดมองอย่างห่วงใยเสมอ         “นังเนย ออกไปไกลๆ ข้าเบื่อขี้หน้าเอ็งเต็มทน!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD