คนเป็นพ่อมีสีหน้ากระอักกระอ่วนเล็กน้อยเมื่อภรรยาสาวบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่คิดฝันว่าชีวิตหนึ่งของสุภาษิต ลีละเดชา เจ้าของไร่ส้มที่กว้างใหญ่จะได้สัมผัสกับเหตุการณ์อย่างที่เป็นอยู่
เขากำลังจะเป็นพ่อที่ขายลูกกินในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า จะเป็นพ่อแม่รังแกฉันเหมือนในตำราของไทย คุณสุภาษิตนั่งเหม่อมองท้องฟ้า หวนนึกถึงคำพูดของคุณเนย์ญราที่เคยฝากฝัง
“พี่ษิตคะ ถึงแม้พี่จะไม่รักเนย์แล้ว แต่... เนย์ขอร้อง ได้โปรดดูแลลูกเนย... อย่าให้ใครรังแกลูกของเรานะคะ”
คำสั่งเสียของภรรยาเก่าเหรอ เขาไม่เคยทำได้แม้แต่วันเดียวตั้งแต่เธอจากไป ลืมเลือนไปแล้วด้วยซ้ำ คำสัญญานี้เพิ่งจะผุดมาตอกย้ำก็เวลานี้แหละ เวลาที่เขากำลังจะผลักไสลูกในไส้ให้พ้นจากอก วันข้างหน้าลูกสาวอาจจะชอกช้ำระกำใจหรือมีความสุขเขาก็ไม่อาจจะรู้ได้
“ลูกเนย... พ่อขอโทษ”
เขาคงจะเป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่อง ปล่อยให้ชีวิตลูกสาวคนเดียวตกระกำลำบาก แล้วครั้งนี้ยังทำในสิ่งที่ไม่ควรจะทำ ประเคนลูกสาวที่มีเพียงคนเดียวให้กับคนอื่นเพื่อแลกหนี้ ล้างหนี้สินจำนวนเงินเพียงสามแสนบาท หากเป็นเมื่อก่อนเงินก้อนนี้ช่างน้อยนิดยิ่งนัก คุณสุภาษิตประสานมือทั้งสองข้างหันไปมองภรรยาสาวที่นั่งข้างๆ ราวกับจะสื่อว่าเขาไม่อยากทำอย่างนี้เลย
“คุณนินทร์ ผมว่า...”
“คุณจะเปลี่ยนใจเหรือคะ? อยากตายรึไง! ถ้าไม่ทำอย่างนี้เราจะมีปัญญาที่ไหนหาเงินใช้หนี้ พรุ่งนี้นินทร์จะพาหนูเนยไปพบพวกเขา ขัดสีฉวีวรรณนิดหน่อย ขี้คร้านฝ่ายนั้นจะต้อนรับอย่างดี”
“แต่... ลูกเนยอาจจะลำบาก...”
“คุณคะ แกอยู่ที่นี่แกก็ลำบาก ให้แกไปอยู่ที่โน่นเผลอๆ อาจจะได้เป็นคุณนาย เราก็จะพลอยสบายไปด้วย อย่าคิดมากเลยค่ะ เรื่องนี้นินทร์จะคุยกับลูกเอง คุณอยู่เฉยๆ นะคะ”
ภรรยาสาวยังมุ่งมั่นไม่เปลี่ยนแปลง คนเป็นสามีที่ทั้งรักทั้งหลงได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก ตั้งแต่ผู้หญิงคนนี้ก้าวเข้ามา ก็ทำให้ชีวิตเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ แต่คุณสุภาษิตก็ไม่เคยมองย้อนกลับ รู้แต่เพียงว่าเรือนกายของลินินทร์ทำให้เขาลืมเลือนทุกอย่าง และจากนี้อาจจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเขาเป็นพ่อคน มีลูกสาวน่าสงสารที่รักและเทิดทูนเขาเหนือสิ่งอื่นใด และลูกสาวคนนี้ก็กตัญญูมาโดยตลอด
“เนยกลับมาแล้วค่ะ... วันนี้มีส้มมาให้คุณพ่อและคุณน้ากินด้วยนะคะ”
เสียงลูกสาวดังขึ้นไม่ไกล คนเป็นพ่อถึงกลับเงียบสนิทแต่ว่ามือหนาๆ นั้นเย็นเฉียบ เนย์ญรินทร์วางถุงส้มใบใหญ่ไว้ใกล้ๆ ผู้เป็นพ่อ ยกมือไหว้ทั้งสองคนด้วยความนอบน้อม แม้จะทำงานหนักเหน็ดเหนื่อยเพียงใด แต่ลูกคนนี้ไม่เคยเลยที่จะลืมเลือนเรื่องอาหารการกิน มีมากแค่ไหนมีเท่าไร เนย์ญรินทร์ก็หยิบยื่นให้ผู้เป็นพ่อ แม้แต่แม่เลี้ยงยังสาวเธอก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะบ่ายเบี่ยง
แต่หญิงสาวกลับหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นแม่เลี้ยงก้มหน้าก้มตาร้องไห้กระซิกๆ เธอรีบเดินไปนั่งคุกเข่าลงใกล้ๆ ยิ่งเห็นผู้เป็นพ่อเบือนหน้าหนี ความร้อนใจก็พุ่งถึงขีดสุด
“คุณพ่อคะ คุณน้าคะ มีอะไรรึเปล่าคะ?” หญิงสาวเอ่ยถาม ยิ่งเห็นทั้งคู่มีสีหน้าหนักใจเธอยิ่งร้อนรน
“เนย... เนยต้องช่วยพ่อนะ พ่อของเนยกำลังเดือดร้อน”
แม้เลี้ยงสาวเป็นคนเอื้อนเอ่ย แค่ได้ยินคำว่าพ่อเดือดร้อนเนย์ญรินทร์ก็ขวัญเสียไปกว่าครึ่ง หัวใจของลูกเต้นกระหน่ำด้วยความกลัว
“พ่อคะ... ใครทำอะไรพ่อคะ? พ่อบอกเนยสิคะ...”
เนย์ญรินทร์เอ่ยถามผู้เป็นพ่อ แต่คุณสุภาษิตกลับอึกอักที่จะตอบ ภรรยาสาวเห็นดังนั้นเลยคว้ามือบางของลูกเลี้ยงมากอบกุมก่อนจะเอื้อนเอ่ยสิ่งที่ทำลายชีวิตวัยสาวของเนย์ญรินทร์อย่างย่อยยับ
“เนย... ฟังน้านะ พวกเราติดหนี้นายทุนหน้าเลือดอยู่สามแสนบาท ถ้าหากไม่นำเงินไปใช้หนี้ในวันพรุ่งนี้ พ่อของเนยจะถูกฆ่าตาย... พ่อของเนยกำลังจะตายนะลูก...”
ลินินทร์พรั่งพรูออกไป น้ำเสียงของเธอเจือสะอื้นน้อยๆ บีบน้ำตาอย่างน่าสงสาร ยิ่งเห็นหน้าซีดเซียวของลูกเลี้ยงน้ำตาที่สั่งได้ไม่ต่างจากเขื่อนทำนบแตกก็ไหลทะลักออกมาไม่หยุด แขนเรียวอีกข้างหันไปกอดผู้เป็นสามี ก้มหน้าซบไหล่หนาอย่างต้องการที่พึ่ง ร้องไห้หลั่งน้ำตาอย่างน่าสงสาร
สามแสนเหรอ ทำไมบ้านเธอถึงเป็นหนี้มากมายขนาดนี้ น้ำตาหยดโตไหลลงอาบแก้ม พ่อสุภาษิตสร้างหนี้มากมาย ถ้าหากไม่มีเงินใช้หนี้พ่อของเธอต้องตาย แค่คิดว่าพ่อต้องตายหัวใจของลูกก็แตกสลาย
เนย์ญรินทร์มองหน้าผู้เป็นพ่อ คุณสุภาษิตพยักหน้าอย่างยอมรับ ร่างบางถึงกลับสั่นสะท้านไปทั่วร่าง คราวนี้จะทำอย่างไร ปล่อยให้พ่อตายไปเหรอ ลูกคนนี้ทำไม่ได้อย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะทำวิธีไหน ไม่ว่าจะทำอย่างไรขอเพียงให้พ่อปลอดภัย เธอก็จะทำทุกอย่างไม่บ่ายเบี่ยงเลยแม้แต่น้อย
“พรุ่งนี้เหรือคะ เราจะหาเงินจากที่ไหน?”
หญิงสาวหน้าซีดเผือด หนทางหาเงินแทบไม่มีเลย ถ้าหากเป็นหลักหมื่นเธอก็พอจะมีติดตัว เอาไปใช้หนี้ได้บ้าง แต่เท่าที่มีช่างห่างไกลจากยอดหนี้ยิ่งนัก
“คุณพ่อคะ เราผ่อนผันได้ไหม ยืดเวลาไปอีกสักระยะ” เนย์ญรินทร์หันไปถามผู้เป็นพ่อ คุณสุภาษิตส่ายหน้า
“ไม่ได้ลูก พ่อผ่อนผันเขามาเกือบครึ่งปีแล้ว เขาไม่ยอมเราอีกแล้ว” สีหน้าผู้เป็นพ่อเคร่งเครียดอย่างหนัก เนย์ญรินทร์ถึงกลับร้องไห้โฮอย่างน่าเวทนา
“แล้วเราจะทำอย่างไรคะ ทำอย่างไรดี?”
ร่างบางอ่อนแรงลงนั่งกับพื้นหญ้าหมดสิ้นแล้วชีวิตนี้ มองไปทางไหนก็มืดมิด ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนเงินสามแสนหาง่ายมากสำหรับตระกูลลีละเดชาที่เฟื่องฟู แต่ตอนนี้ นาทีนี้ แม้แค่เศษพันยังยากลำบากที่จะหามาจุนเจือครอบครัว ค่ายาที่รักษาพ่ออาทิตย์หนึ่งก็หลายพัน เงินที่พอติดบัญชีก็ร่อยหรอลงเรื่อยๆ
“พ่อคะ ทำไมพ่อถึงไปกู้หนี้ยืมสินมามากมายขนาดนี้” เนย์ญรินทร์อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
“หยุดนะนังเนย! พ่อแกเขาก็เอามาจุนเจือครอบครัว ตอนนี้ควรจะหาทางแก้ไม่ใช่ไปถามหาอดีต จะขุดคุ้ยให้ได้อะไรขึ้นมา” ลินินทร์เอ่ยขึ้น ดวงตาทั้งคู่วาวโรจน์จ้องมองลูกเลี้ยงไม่วางตา
“แต่ว่า...”
หญิงสาวทำท่าจะคัดค้าน กลับถูกผู้เป็นพ่อยกมือขึ้นห้ามปราม
“พ่อผิดเอง ปล่อยให้คนพวกนั้นมาเอาชีวิตไปเถอะ พ่อไม่อยากให้ลูกเดือดร้อน” มือทั้งสองข้างประสานกันแน่น มองหน้าลูกสาวคนเดียวอย่างขอโทษอยู่ในที ถ้อยคำที่เอื้อนเอ่ย กรีดหัวใจของเนย์ญรินทร์ยิ่งนัก
“หมายความว่าอะไรคะพ่อ?” หญิงสาวเอ่ยถาม ไม่อยากให้ลูกเดือดร้อน เกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ก็หมายความว่า... เจ้าหนี้คนนั้นต้องการตัวเนยเป็นการแลกเปลี่ยนกับหนี้สามแสน ถ้าไม่ยอมพรุ่งนี้หัวใจพ่อสิตของลูกเนยคงจะหยุดเต้น” ลินินทร์เป็นคนเอ่ยปากบอกเล่า เนย์ญรินทร์แทบหัวใจหยุดเต้น เจ้าหนี้หน้าเลือดต้องการตัวเธอเพื่อล้างหนี้อย่างนั้นหรือ