“แม่หมูครับ น้องบลูแต่งตัวเสร็จแล้ว แม่หมูแต่งตัวเสร็จหรือยังครับ”
ภูมินิท หรือ น้องบลู เด็กน้อยหน้าตาน่ารักน่าชัง แก้มอมสีชมพู ริมฝีปากสีสด ขนตายาวงอนล้อมรอบดวงตาสีน้ำเงินเข้มเหมือนผู้เป็นพ่อ ได้วิ่งมายังห้องรับแขก ปากก็ตะโกนเรียกแม่ไม่ได้หยุด
“แม่หมูแต่งตัวเสร็จแล้วค่ะ ทำไมวันนี้ใจร้อนจังเลยคะ”
ปรีชยาพร หรือ แม่หมู ของน้องบลู มีใบหน้ารูปไข่ คิ้วโก่งงามดุจคันศรดวงตาสีดำคมสวยภายใต้ขนตายาวงอน จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากบางรูปกระจับแดงระเรื่อ ผิวเป็นสีน้ำผึ้งนวลเนียนไปทั้งตัว เส้นผมยาวสีดำขลับเงางามยาวมาถึงกลางหลัง ซึ่งเจ้าตัวชอบผูกไว้ง่ายๆ ด้วยริบบิ้นสีดำ
แทบจะไม่มีใครรู้ว่า ปรีชยาพรเป็นคุณแม่ลูกหนึ่ง ที่มีลูกชายอายุถึงห้าขวบ เนื่องจากรูปร่างที่ยังบอบบางสมส่วน ใบหน้ายังดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริง เวลาหญิงสาวไปไหนมาไหนกับลูกชาย ใครๆ ก็นึกว่าเป็นน้าหลานกัน มีหนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่หลายคนที่เข้ามาขายขนมจีบ
แต่พอรู้ว่าปรีชยาพรมีลูกชายแล้ว บรรดาหนุ่มๆ ทั้งหลายก็พากันถอยร่นไม่เป็นขบวน ทำเอาหญิงสาวได้แต่นึกขำว่าใครจะมาจริงใจกับคนที่มีพันธะอย่างเธอ กระนั้นหญิงสาวก็ยังไม่อยากมีความรักใหม่ เพราะรักครั้งแรก รักครั้งเดียวที่เกิดขึ้นเมื่อหกปีก่อน เป็นความรักอันแสนเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจากเธอแค่ฝ่ายเดียว โดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีความรักกลับคืนให้หรือเปล่า
ทว่าหญิงสาวก็นึกดีใจกับความรักในอดีต เพราะความรักในครั้งนั้น ทำให้เธอมีเจ้าตัวเล็กๆ คือน้องบลู ซึ่งเป็นตัวแทนความรักที่เธอมีต่อบุรุษหนุ่มนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้ม...
“น้องบลู อยากไปเที่ยวแล้วครับแม่หมู”
น้องบลูยิ้มแป้นขณะเอ่ยบอกมารดา และเมื่อสังเกตเห็นว่ามารดาไม่ได้ฟังตัวเองเลย ก็ขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่ง พร้อมกับเขย่าแขนของมารดาแรงๆ เมื่อเห็นท่านนิ่งเงียบไปนาน
“แม่หมูครับ! แม่หมูครับ! แม่หมูคิดอะไรอยู่หรือครับ น้องบลูเรียกตั้งนาน แม่หมูก็ไม่ได้ยินสักที”
“น้องบลู ถามแม่หมูว่ายังไงนะคะ คุณแม่ไม่ทันได้ฟัง”
ปรีชยาพรกะพริบตาถี่ๆ สลัดเรื่องในอดีตทิ้งไป กลับมาให้ความสนใจลูกชายอีกครั้ง
“น้องบลู ถามว่าน้าปุ้นจะไปเที่ยวกับเราด้วยหรือเปล่าครับ”
เด็กน้อยนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้ม ยังไม่ได้รับคำตอบจากมารดา ก็ได้ยินเสียงกระแอมกระไอดังอยู่ข้างหลังตัวเอง
“อ๊ะแฮ่ม! ใครนินทาน้าปุ้นสุดสวยอยู่เอ๋ย น้าปุ้นได้ยินนะคะ”
ณิชาดา ถามน้องบลูด้วยใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้มกว้าง ร่างบอบบางเดินเข้ามาหอมแก้มซ้ายขวาของหลานรักฟอดใหญ่
“น้องบลูไม่ได้นินทาสักหน่อย แค่อยากรู้ว่าน้าปุ้นแต่งตัวเสร็จหรือยัง น้องบลูอยากไปกินไอศรีมแล้ว” น้องบลูรีบแก้ตัวเป็นพัลวัน กลัวว่าน้าสาวจะโกรธตนเอง
ณิชาดายิ้มบางๆ ให้หลานรัก หญิงสาวมีใบหน้าสวยคมสวยไม่เป็นรองจากพี่สาว จะต่างกันบ้างก็ตรงเส้นผม ซึ่งเธอมีเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนหยักศกเงางามประบ่า
ปรีชยาพรส่ายหน้าขำๆ กับความช่างคิดช่างพูดของลูกชาย น้องบลูเป็นเด็กที่พูดเร็ว สามารถพูดได้เป็นคำๆ ตั้งแต่สิบเอ็ดเดือน ถ้าพูดตามคนเฒ่าคนแก่สมัยก่อนเขาจะเรียกว่า เด็กปากเบา ซึ่งเป็นเด็กที่พูดได้เร็วมาก
“น้าปุ้นแต่งตัวเสร็จแล้ว ไปกันหรือยังคะ”
ณิชาดาเดินมาจูงมือหลานไว้ เธอเป็นคนเดียวที่ช่วยเลี้ยงน้องบลูตั้งแต่แบเบาะ จะเรียกว่าเลี้ยงตั้งแต่ยังอยู่ในท้องของพี่สาวเลยก็ได้ เพราะถ้าเธอไม่คอยเป็นกำลังใจ คอยประคบประหงมพี่สาวระหว่างตั้งครรภ์ เธอก็ไม่รู้ว่าจะมีน้องบลูในวันนี้หรือเปล่า เพราะระหว่างตั้งครรภ์ พี่สาวเธอได้รับความกระทบกระเทือนทั้งทางร่างกายและจิตใจ เกือบต้องเสียน้องบลูไปหลายครั้งแล้ว
“เดี๋ยวพี่ขอไปดูในร้านกาแฟก่อนว่ามีอะไรขาดเหลือบ้าง เราจะได้ซื้อมาเลย”
ปรีชยาพรบอกน้องสาว พร้อมกับเดินเข้าไปในร้านกาแฟสด ซึ่งอยู่บริเวณหน้าบ้าน ลูกค้าของเธอส่วนมากจะเป็นลูกค้าประจำ อาศัยจดจำว่าลูกค้าคนไหนชอบกินกาแฟรสชาติแบบใด ทำให้ลูกค้าถูกใจและประทับใจบวกกับราคาย่อมเยาว์ไม่แพงเกินไป เลยมีลูกค้าประจำมาก
“ผึ้ง เดี๋ยวพี่จะไปซื้อของ ผึ้งอยู่ร้านคนเดียวได้ไหมจ๊ะ”
ปรีชยาพรถามเด็กในร้าน ซึ่งเป็นคนในละแวกหมู่บ้านที่เธอรับเข้ามาทำงานด้วย
“ผึ้งอยู่ได้ค่ะ สายๆ แบบนี้ลูกค้ายังไม่เยอะหรอกค่ะพี่หมู”
เด็กสาวตอบนายจ้างสาว ขณะเดียวกันก็สาละวนอยู่กับการเช็ดโต๊ะกาแฟ ที่มีลูกค้ามานั่งกินก่อนหน้านี้
ปรีชยาพรพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกจากร้านกาแฟ ตรงไปยังรถยนต์คันเล็ก ซึ่งน้องบลูกำลังกระโดดเหย่งๆ ตะโกนเรียกอยู่
“แม่หมู เดินเร็วๆ หน่อยสิครับ น้องบลูอยากไปเที่ยวแล้วครับ”
“แม่หมูมาแล้วค่ะ วันนี้ใจร้อนผิดปกติเลยนะเรา” ปรีชยาพรแซวลูกชายไม่จริงจังนัก
“น้องบลูขึ้นรถเร็ว แม่หมูมาแล้ว เดี๋ยวเราจะได้ไปเที่ยวกัน” ณิชาดาก้าวขึ้นรถด้านคนขับขณะเอ่ยบอกหลานชาย
“ครับ น้าปุ้น” น้องบลูยิ้มแป้นรีบเปิดประตูรถด้านหลัง แล้วก้าวขึ้นไปนั่งรอผู้เป็นมารดาในทันที
“พร้อมแล้วไปกันเลยค่ะ”
ปรีชยาพรเอ่ยบอกน้องสาว เมื่อก้าวขึ้นมานั่งในรถเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวเอี้ยวตัวหันไปมองลูกชาย รู้สึกว่าวันนี้น้องบลูตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ ซึ่งเธอหารู้ไม่ว่า เพราะความใจร้อนของลูกชายในวันนี้ กำลังจะทำให้เธอได้พบกับรักแรก รักเดียวของเธออีกครั้ง...
ณิชาดาขับรถมาถึงห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองกรุง หญิงสาวพยายามสอดสายตามองหาที่จอดรถ แต่ลานจอดด้านนอกและในตัวอาคารไม่มีที่ว่างเอาซะเลย หญิงสาวขับรถวนอยู่ในลานจอดถึงสามรอบ ก็ยังหาที่จอดรถไม่ได้
“เฮ้อ...วันนี้หาที่จอดรถยากจริงๆ” ณิชาดาถอนหายใจพร้อมกับบ่นออกมาดังๆ
“ก็วันนี้วันอาทิตย์นี่จ้ะ อีกอย่างใกล้จะถึงวันคริสมาสต์แล้วคนก็เยอะเป็นธรรมดา ลองวนดูอีกสักรอบ เดี๋ยวก็มีที่ว่างให้เราจอดเองแหละ” ปรีชยาพรเอ่ยบอกน้องสาว
“เบื่อจริงๆ เลย ทำไมคนไทยต้องเห่อ! กับเทศกาลของฝรั่งด้วยก็ไม่รู้”
ณิชาดาบ่นอุบตามประสาคนพูดมากเป็นต่อยหอย