บทที่ 8

1284 Words
“ปุ้น! น้องบลูไปไหน” หญิงสาวเอื้อมมือไปจับแขนขาวเนียนของน้องสาวแล้วบีบแน่นด้วยความลืมตัว “น้องบลูหายไปค่ะ...” ข้าวปุ้นตอบเสียงเครือ ดวงตาคู่สวยมีน้ำตารื้นขอบตา รู้สึกเจ็บแขนข้างที่ถูกพี่สาวบีบไว้แน่น แต่ก็ไม่กล้าร้องอุทธรณ์ออกมา “น้องบลูหายไป? หายไปนานหรือยังปุ้น” ปรีชยาพรเอ่ยถามน้ำเสียงร้อนรน “สักสิบนาทีได้แล้วค่ะ ปุ้นมัวแต่จ่ายค่าไอศรีม พอหันมาอีกทีก็ไม่เจอน้องบลูแล้ว ปุ้นขอโทษที่ดูแลหลานไม่ดี” ณิชาดายกมือไหว้ขอโทษพี่สาว พร้อมกับร้องไห้ออกมาเสียงดัง จนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาต้องหันมามองด้วยความสนใจ “ปุ้น! หันมามองหน้าพี่ก่อน อย่าเพิ่งร้องไห้ ปุ้นต้องมีสตินะจ้ะ ปุ้นอยู่กับน้องบลูครั้งสุดท้ายที่ไหน” “ในร้านไอศรีม ปุ้นกำลังจ่ายเงินอยู่ น้องบลูยืนกินไอศรีมอยู่ข้างๆ วันนี้คนกินไอศรีมเยอะ เลยต้องเข้าคิวจ่ายเงิน พอปุ้นหันมาอีกทีก็ไม่เจอน้องบลูแล้วค่ะ” “พี่ว่าน้องบลูไม่ไปไหนหรอก น้องบลูเป็นเด็กฉลาด ถ้าเขาหาเราไม่เจอน้องบลูจะเดินไปหารปภ. เหมือนคราวที่แล้ว” ปรีชยาพรปลอบใจน้องสาวและตัวเองไปพร้อมๆ กัน ทั้งๆ ในใจก็รู้สึกหวาดกลัวไม่แพ้กัน หญิงสาวนึกถึงตอนน้องบลูเคยหายในห้างฯ เล็กๆ ที่หัวหิน ตอนนั้นน้องบลูอายุประมาณสี่ขวบ เธอกับข้าวปุ้นเดินหาจนทั่วห้างฯ แต่ก็ไม่พบน้องบลู พอเดินมาถึงประชาสัมพันธ์ของห้างฯ เพื่อให้ช่วยประกาศหา ปรากฎว่าน้องบลูนั่งรออยู่กับรปภ. พอเห็นหน้าแม่กับน้าสาวก็ยิ้มแป้นให้ เธอถามรปภ. ว่าเจอน้องบลูที่ไหน เขาบอกว่าน้องบลูเดินมาหาเขาเองและบอกว่าหาคุณแม่กับน้า ไม่เจอให้คุณลุงรปภ. พาไปหาแม่หน่อย “แต่...พี่หมูคะ ห้างนี้ไม่ได้เล็กเหมือนห้างในหัวหินนะคะ ที่นั้นมีชั้นเดียวเอง แต่ที่นี่มีตั้งหลายชั้น เราจะหาน้องบลูเจอได้ยังไงคะ” ณิชาดาเอ่ยถามเสียงเครือ น้ำตาเริ่มไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย “เอาแบบนี้นะปุ้น เราแยกกันหา ปุ้นหาให้ทั่วชั้นสี่อีกรอบ เดี๋ยวพี่ลงไปที่ชั้นล่างให้ประชาสัมพันธ์ช่วยประกาศตามหาน้องบลูด้วย ถ้าปุ้นเจอน้องบลูก่อนก็โทรหาพี่ หรือถ้าพี่เจอน้องบลูก่อนพี่ก็จะโทรมาบอกปุ้น” “ตกลงค่ะพี่หมู” “น้องบลูเป็นเด็กดีนะปุ้น คุณพระคุณเจ้าจะคุ้มครองน้องบลูจ้ะ” ปรีชยาพรจับมือของน้องสาวทั้งสองข้างไว้ ซึ่งตอนนี้เย็นเฉียบไม่แพ้มือของเธอ “ปุ้นก็ขอให้เป็นแบบนั้น ขอให้คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองหลานของปุ้นด้วยเถอะ” ณิชาดายกมือขึ้นพนมไหว้เหนือศีรษะ ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยคุ้มครองหลานรักของเธอด้วย ปรีชยาพรตบหลังมือน้องสาวเบาๆ ก่อนจะปล่อยมือน้องสาว แล้วแยกย้ายกันตามหาน้องบลู “สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ช่วยไหมคะ” ประชาสัมพันธ์สาวประจำห้างฯ กล่าวทักทายปรีชยาพร “สวัสดีค่ะ คุณช่วยประกาศตามหาลูกชายให้ดิฉันด้วยนะคะ แกพลัดหลงกับเราค่ะ” ปรีชยาพรบอกประชาสัมพันธ์ด้วยน้ำเสียงรัวเร็ว “ได้ค่ะ คุณแม่ช่วยเขียนรูปพรรณของน้องให้ด้วยค่ะ อาจจะเป็นสีเสื้อ สีกางเกงที่น้องใส่อยู่ หรือจุดเด่นของน้องก็ได้ค่ะ จะได้ช่วยตามหาได้ง่ายขึ้น” ประชาสัมพันธ์สาวบอกพลางส่งกระดาษกับปากกาให้ ปรีชยาพรยื่นมือที่สั่นเทา ไปรับกระดาษกับปากกา แล้วก็เขียนรายละเอียดตามที่ประชาสัมพันธ์บอก เสร็จแล้วก็ยืนกระดาษให้ประชาสัมพันธ์คืน ประชาสัมพันธ์สาวรับกระดาษจากปรีชยาพรมาอ่านสักครู่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นบอก “เดี๋ยวดิฉันจะประกาศเลยนะคะ และจะให้รปภ. ช่วยตามหาด้วยค่ะ เชิญคุณแม่นั่งรอที่เก้าอี้ก่อน เผื่อว่ามีใครเจอน้องแล้วจะได้พามาพบคุณแม่ที่นี่เลย” ปรีชยาพรเดินลากขาอย่างไร้เรี่ยวแรงไปนั่งตรงเก้าอี้ที่ประชาสัมพันธ์ชี้บอก ภาวนาในใจขอให้พวกเธอเจอน้องบลูเร็วๆ ด้วยเถอะ โดมินิทยืนนิ่งอยู่หน้าลิฟท์ฟังประกาศเด็กหาย ตอนได้ยินเสียงประกาศครั้งแรก เขาไม่ได้สนใจมากนัก แต่มาสะดุดใจเอาประโยคสุดท้าย “สวัสดีค่ะ ท่านผู้มีอุปการะคุณทุกท่าน ขณะนี้มีเด็กชายได้พลัดหลงกับผู้ปกครอง เด็กชื่อภูมินิท ชื่อเล่นน้องบลูค่ะ น้องบลูอยู่กับคุณแม่ครั้งสุดท้ายที่ชั้นสี่แผนกเด็ก ถ้าท่านใดพบเห็นน้องบลู อายุประมาณห้าขวบกว่า ใส่เสื้อโปโลสีแดง ใส่กางเกงสี่ส่วนสีขาว สวมรองเท้าสีขาว ผมสีน้ำตาลอ่อน ดวงตาสีน้ำเงินเข้ม รบกวนพามาพบคุณแม่ที่ประชาสัมพันธ์ด้วยค่ะ ขอบพระคุณมากค่ะ” โดมินิทยืนฟังประกาศด้วยความสนใจ จนกระทั่งลิฟท์มาถึงแล้วก็ไม่ยอมก้าวเข้าไปในลิฟท์สักที “เจ้านายครับ ลิฟท์มาแล้วครับ” คาเมลเอ่ยเรียกเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่งไม่ไหวติง “คาเมล นายได้ยินประกาศเมื่อสักครู่หรือเปล่า” “ได้ยินครับ แต่ไม่ทันฟังว่าเขาพูดว่าอะไรบ้าง” คาเมลตอบเจ้านายและก้าวออกมาจากลิฟท์ เมื่อสักครู่เขาได้ยินเสียงประกาศเด็กหาย แต่ไม่รู้จริงๆ ว่าพูดว่าอะไรบ้าง เพราะมัวแต่สนใจดูข้อมูลบนโทรศัพท์มือถือ “เขาประกาศเด็กหาย” “ครับเจ้านาย” คาเมลรับคำ แต่สายตาก็ยังคงสนใจข้อมูลบนมือถือเหมือนเดิม ไม่ได้สนใจว่าเจ้านายกำลังมีอาการหงุดหงิดกับท่าทีของเขา “คาเมล!” โดมินิทเริ่มโกรธเลขาตัวแสบขึ้นมานิดๆ น้ำเสียงที่เรียกชื่อเลขาจึงดังขึ้นกว่าเดิม “ถ้านายยังสนใจแต่ไอ้โทรศัพท์บ้าๆ นั้น เราจะเอามันไปทิ้ง” “ผมเก็บก็ได้ครับ แล้วเขาประกาศว่าอะไรบ้างครับ” คาเมลรีบเก็บโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว ไม่ยังงั้นโทรศัพท์เขาได้ไปนอนแอ้งแม้งอยู่ในถังขยะแน่ จากนั้นเขาก็ต้องเสียเวลาหาข้อมูลหรือทำตารางนัดหมายให้เจ้านายใหม่ “เขาบอกว่าเด็กชื่อภูมินิท ชื่อเล่นชื่อน้องบลู มีดวงตาสีน้ำเงินเข้ม” “เจ้านายจะไปช่วยตามหาใช่ไหมครับ” คาเมลเอ่ยถามเจ้านาย ใบหน้าคล้ำแดดแสดงสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย เพราะเขารู้ดีว่าถ้าไม่ใช่คนในครอบครัวและคนในปกครองแล้ว โดมินิทไม่เคยสนใจเรื่องของใคร แต่ถ้าหากลูกน้องหรือพนักงานในบริษัทมีเรื่องเดือดร้อน โดมินิทจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ และเผื่อแผ่ไปถึงครอบครัวของพนักงานด้วย แต่ในขณะเดียวกันถ้าหากคนในปกครองทำผิด โดมินิทก็จะว่าตามผิดไม่มีผ่อนปรน เพราะเหตุนี้ทำให้โดมินิทเป็นเจ้านายที่ลูกน้องรักให้ความเคารพนับถือ และก็เกรงกลัวในเวลาเดียวกัน เพราะฉะนั้นการที่โดมินิทให้ความสนใจเรื่องที่มีเด็กหายในห้างฯ และกำลังจะไปช่วยตามหาทำให้เขาแปลกใจอยู่มาก “ไม่รู้สิคาเมล เรารู้สึกสะดุดใจตรงคำว่าดวงตาสีน้ำเงินเข้ม เราอยากเห็นหน้าเด็กว่าจะมีหน้าตายังไง อยากเห็นสีดวงตาว่าจะมีสีน้ำเงินเหมือนกับเราหรือเปล่า เราไปช่วยเขาหาเด็กอีกแรงเถอะคาเมล” โดมินิทพูดเสร็จก็เดินหันหลังออกมาจากลิฟท์กลับไปที่แผนกเด็กทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD