เขยของข้า
เจ้าจะทำเช่นนี้กับข้าไม่ได้
ผู้เขียน เฉ่าฟ่าน (กาสะลอง)
ไม่อนุญาตให้สแกนหนังสือ
หรือคัดลอกเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือหรือนำไปทำนิยายเสียง เว้นแต่ได้รับอนุญาต
จากเจ้าของหนังสือเท่านั้น
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่สมมติขึ้น
ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องจริงแต่อย่างใด ชื่อบุคคล
และสถานที่ที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง ไม่มีเจตนา
อ้างอิงหรือก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ
……….
นิยายเรื่องนี้… ไม่มีแก่นสารสารัตถะอะไรนักหนา
ทั้งเรื่องขับเคลื่อนด้วยอารมณ์อันมืดดำของมนุษย์
ดำเนินเรื่องด้วยตัณหาราคะสุดร้อนแรง
ท่านใดที่ไม่ชอบโปรดหลีกเลี่ยง
*เราเตือนท่านแล้ว*
เจ้าจะทำเช่นนี้กับข้าไม่ได้
เมืองเสิ่นหยาง
ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่โอบล้อมไว้ด้วยขุนเขาและแมกไม้ท่ามกลางธรรมชาติอันบริสุทธิ์งดงาม ผู้คนทำมาหากินด้วยการปลูกพัก เก็บของป่าและล่าสัตว์
ที่บ้านหลังหนึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางป่าไผ่…
สายตาคมกริบของ ‘เฟยหลง’ ชายชายหนุ่มวัยสี่สิบห้าปีจับจ้องอยู่ที่เรือนร่างระหงของ ‘ลี่หลิน’ สตรีวัยสามสิบห้าปี กำลังยืนอยู่ที่ริมระเบียงหลังบ้าน
ดวงตาสีน้ำดำขลับหวานปานน้ำผึ้งของนางจ้องมองออกไปยังลำธาร ทอดยาวผ่านมาทางหน้าบ้าน
แลเห็นสายฝนที่กำลังโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย เม็ดฝนกระทบผืนน้ำแตกกระจายเป็นระลอกริ้วพลิ้วกระเพื่อมเมื่อเรือประมงของคนหาปลาลอยลำผ่านมาพอดี
“เวลาฝนตก… ที่นี่บรรยากาศดีจัง”
ลี่หลินกล่าวกับเฟยหลงผู้เป็นลูกเขย…
เสียงหวานไพเราะที่ดังขึ้นทำเอาคนที่กำลังแอบจ้องมองสะโพกกลมกลึงตึงแน่นจนเห็นกลีบก้นเป็นรูปเป็นร่างรัดรึงอยู่ภายใต้ผ้าถุงลายดอกเนื้อบาง ถึงกับสะดุ้ง
“เอ่อ… ใช่… เอ่อ… นี่บรรยากาศดีมากท่านแม่”
เฟยหลงกล่าวตะกุกตะกัก…
รีบพาตัวเองออกมาจากภวังค์ฝันอันแสนหวานและวาบหวามเมื่อครู่
ทั้งที่ตระหนักดีว่า ‘ลี่หลิน’ มีฐานะเป็นแม่ยายของตน แต่ก็ไม่รู้ว่าผีห่าซาตานตนใดจึงดลจิตดลใจให้เฟยหลงไม่อาจหักห้ามจิตพิศวาสและอารมณ์ชู้สาวที่มีต่อแม่ยายคนงาม
“ถ้าชอบที่นี่ท่านแม่ก็ควรจะอยู่ต่อ… เดี๋ยวตอนกลับข้าจะจ้างรถม้าไปส่งท่านแม่ถึงบ้าน… ”
ความรู้สึกบางอย่างที่เป็นแรงผลักดันอยู่ภายใน ทำให้เฟยหลงตัดสินใจเอ่ยชวน
ก่อนที่อีกเสียงจะดังขึ้นสนับสนุนความคิดของเฟยหลงที่พยายามชักชวนแม่ยายให้อยู่ต่อ
“จริงอย่างที่ท่านพี่ว่า… อยู่ต่อนะท่านแม่อย่าเพิ่งกลับ เพราะว่าพรุ่งนี้ข้าก็จะต้องไปขายผ้าที่ต่างเมืองตลอดทั้งสัปดาห์ ถ้าท่านแม่อยู่บ้านจะได้มีคนทำกับข้าวให้สามีของข้า… ”
เป็นเสียงของ ‘ลี่เซียน’ หญิงสาวอายุเพียงยี่สิบปีผู้มีเอวบางร่างเล็ก ใบหน้าสะสวย นางผู้เป็นลูกเลี้ยงของลี่หลินและเป็นภรรยาของเฟยหลง
เมื่อครู่ลี่เซียนเดินเข้ามาพอดี หลังจากออกไปเก็บผ้าที่ตากไว้หลังบ้าน นางกลับมาทันได้ยินประโยคที่เฟยหลงเอ่ยชักชวนแม่ยายให้อยู่ต่อ
“จะดีหรือ… ”
ลี่หลินมีอาการสองจิตสองใจ นางกล่าวพลางเหลียวกลับมามองเจ้าของเสียงแหลมที่กำลังเดินเข้ามาทางด้านหลัง
“ดีสิท่านแม่… ท่านอยู่ต่อเถอะนะ… ”
ลี่เซียนช่วยเฟยหลงคะยั้นคะยออีกแรงเพราะว่าอยากให้มารดาอยู่ต่อ
ด้วยรู้ดีว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่ลี่หลินจะยอมออกจากบ้านมาเปิดหูเปิดตาสู่โลกภายนอก
เพราะว่าก่อนหน้านี้หลังจาก ‘ลี่เหรินเจี๋ย’ ผู้เป็นบิดาของลี่เซียนเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุจากการออกล่าสัตว์เมื่อสามปีก่อน
ลี่หลินผู้เป็นแม่เลี้ยงก็เอาแต่เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในบ้าน ไม่ค่อยพูดจากับใคร วันๆ นางเอาแต่นั่งถักไหมพรมขังตัวอยู่ในบ้าน
ลี่เซียนเห็นว่าถ้าทิ้งแม่เลี้ยงไว้คนเดียวนานกว่านี้ลี่หลินอาจจะกลายเป็นโรคซึมเศร้าเข้าสักวัน ถ้าขืนยังปล่อยอารมณ์ให้ดำดิ่งลงไปในห้วงเหวแห่งอดีตจากการสูญเสียสามีอันเป็นที่รัก
“ได้โปรดอยู่ต่อนะท่านแม่… ”
เฟยหลงพยายามอ้อนวอนอย่างออกนอกหน้า
“ที่ไม่อยากอยู่ต่อก็เพราะว่าข้าไม่อยากจะเป็นภาระให้เจ้าต้องดูแล… ”
ลี่หลินเป็นคนมีนิสัยขี้เกรงใจมาแต่ไหนแต่ไร นางกล่าวพลางมองสบตาเฟยหลง
ไม่น่าเชื่อว่าดวงตาที่มองสบกันไปมาเพียงครู่สั้นๆ จะทำให้ลี่หลินรู้สึกได้ถึงประกายความเร่าร้อนบางอย่างที่วูบไหว ซ่อนเร้น อ้อนวอนอยู่ในแววตาของลูกเขยผู้มีใบหน้าหล่อเหลาจะทำให้นางตัดสินใจตอบรับในที่สุด
“งั้นก็ได้… ข้าจะอยู่ต่อ… ”
วันรุ่งขึ้น
ตอนเช้าตรู่ เสียงลมพัดลู่ป่าไผ่ แสงสีทองของรุ่งอรุณสาดทอขึ้นทางเบื้องทิศตะวันออก
ขณะที่ร่างสูงใหญ่ของเฟยหลงกำลังยืนรออยู่ใกล้ๆ กับขบวนรถม้าที่แต่ละตู้บรรจุไว้ด้วยข้าวของและสินค้าที่ผู้คนในหมู่บ้านเตรียมไปขาย เป็นการเดินทางร่วมขบวนคาราวานเร่ขายไปด้วยกัน
“ท่านพี่… ข้าฝากแม่ด้วยนะ… ”
หญิงสาวกล่าวกับสามีของนาง หลังจากเดินเข้าไปมองที่รถม้าเพื่อตรวจดูว่าเฟยหลงไม่ลืมหีบที่ภายในอัดแน่นเอาได้ด้วยเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นสำหรับการค้างแรมหนึ่งสัปดาห์
“เจ้าไม่ต้องห่วง… ข้าสัญญาว่าจะดูแลท่านแม่เป็นอย่างดี… ”
เฟยหลงกล่าวให้ภรรยาสบายใจ คำพูดที่ได้ยินทำให้ลี่เซียนรีบแซวขึ้นว่า
“อันที่จริงข้าควรละพูดว่าฝากลูกเขยด้วยนะท่านแม่ เพราะว่าถ้าท่านแม่ไม่อยู่ข้าก็เดาได้เลยว่าสามีของข้าคงต้มบะหมี่กินทุกมื้อแน่ๆ… ”
คำพูดของลี่เซียนช่วยเรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มผุดพราวขึ้นบนดวงหน้าของทุกคน ก่อนที่นางจะเดินไปขึ้นรถม้าที่จอดรออยู่ไม่ไกล
เฟยหลงกับลี่หลินยืนมองส่งจนขบวนคาราวานเคลื่อนออกไปลับตา
ในเวลาต่อมา