หากสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้มันมีขึ้นและดับไปเหมือนสังขารมนุษย์ได้ก็ดี มีเกิดและจบไป จบแบบไม่ต้องผุดต้องเกิดได้ยิ่งดี หากแต่มันกลับไม่ใช่ กลับกันเลยล่ะ เพราะยิ่งเวลาเดินผ่านไปทุกอย่างก็เริ่มหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่ามันคือการเริ่มต้นปั่นประสาททดสอบความอดทนของคำรามที่ประกาศไว้ตั้งแต่แรก บนโต๊ะกินข้าววันนี้เหลือเพียงแค่เรา 5 คนประกอบด้วย คุณน้า แต้ว โต คำรามแล้วก็ฉัน ไม่มีวี่แววของเด็กผู้หญิงที่น่าอิจฉาคนนั้นให้เห็นแม้แต่เงา “อ้าว ส้มจี๊ดไปไหนล่ะ ทำไมไม่ลงมากินพร้อมกัน...” ท่ามกลางความเงียบบนโต๊ะอาหาร คุณน้าซึ่งมักเป็นห่วงสมาชิกทุกคนในบ้านก็เอ่ยถามขึ้น “ส้มจี๊ดไม่สบายค่ะ หนูถามก็ไม่ยอมบอกว่าเป็นอะไร” คำตอบของแต้ว ทำฉันรีบตวัดไปจับจ้องที่ปีศาจอีกตัวซึ่งดูชะงักไปเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็แค่ครู่เดียวเหมือนว่าโตจะรู้ว่าถูกมอง ถึงได้ก้มหน้าก้มตาตักข้าวเข้าปากทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้