จับรักพยัคฆา ๕

2123 Words
“จ่า!!” เมื่อเห็นเสื้อตัวโคร่งของตัวเองบนตัวร่างเล็กเขาก็พยักหน้าพึงพอใจก่อนจะตะโกนเรียกจ่าน้อยให้เขามา “ครับสารวัตร” “เอาไปขังไว้ เพื่อนเธอด้วย” เขาโบกมือไล่ให้จ่าน้อยพาตัวเธอไปขัง “เดี๋ยวนะสารวัตร ก็ฉันไม่ผิดอะไรทำไมต้องขังด้วยล่ะ จิ๊กโก๋คนนั้นก็รับสารภาพผิดไปแล้วด้วย” ใบหน้าเล็กขมวดคิ้วมุ่นไม่พอใจ ยังเที่ยวงานไม่ถึงไหนเลยโดนจับเสียแล้ว “ก่อเหตุทะเลาะวิวาทไม่ว่ายังไงก็ต้องขังไว้ก่อน” พูดจบก็เดินหันหลังกลับไปโต๊ะทำงานไม่เปิดโอกาสให้เด็กสาวตรงหน้าบ่นเขาได้อีก จ่าน้อยเห็นว่าเป็นคำสั่งเด็ดขาดจากสารวัตรจึงคุมตัวขนมไปขังตามคำสั่ง ปังงง!! แกร็ก! “อีหยังวะ สารวัตรนี่บ่มีเหตุผลเอาซะเลย” (อะไรวะ สารวัตรนี่ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย) ปลาส้มบ่นอุบ เธอโดนขังคุกรอบที่สองโดยฝีมือสารวัตรหน้านิ่งคนนี้ คนอุตส่าห์มาขับมอเตอร์ไซค์มาเที่ยวงานตั้งไกล นั่งดูหมอลำแปปเดียวได้มานอนคุกเล่น “บ่แม่นนี่บ่อุบัติเหตุที่อ้ายจอห์นเราบอกเจ้า” (ไม่ใช่อันนี้เหรอ อุบัติเหตุที่พี่จอห์นเขาบอกพี่) กล้าพึ่งนึกขึ้นได้ว่าปลาส้มโดนทักว่าห้ามออกบ้านจึงกล่าวขึ้น “คือสิแม่น จั่งแม่นมันแม่นคั้กเนาะ บ่น่าเชื่อเลย” (คงจะใช่ ทำไมมันแม่นอย่างนี้ ไม่น่าเชื่อ) “งมงาย” ขนมเอ่ยเมื่อได้ฟังกล้ากับปลาส้มกำลังอึ้งเรื่องคำทำนาย ปกติแล้วเธอไม่เคยเชื่อพวกนี้อยู่แล้ว “หืมมม บ่เซี่ยอย่าลบหลู่นะมึง” (หืม ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะมึง) ครืด ครืดดดด เสียงสั่นโทรศัพท์มือถือในกระเป๋า มือเล็กหยิบขึ้นมาดูเมื่อเห็นรายชื่อเบิกตากว้างตกใจโทรศัพท์แทบหลุดมือ ‘ท่านพ่อ’ “ชู่ววววว” ขนมรีบเอามือทำสัญญาณให้เพื่อนเงียบก่อนจะกดรับสาย (ขน๊มมมมมม!!!) เสียงแหบแห้งจากปลายสายตะโกนจนเธอต้องยื่นโทรศัพท์ไปไกล งานเข้าอิขนมแล้วเธอคิดในใจ (ให้ตายเถอะ พ่อไม่รู้จะพูดยังไงกับแกแล้ว เป็นลูกสาวคนเดียวของบ้านทำไมพ่อปวดหัวเสียยิ่งกว่าพี่ๆ แกสองคนรวมกันอีกห้ะ!!) “...” ขนมได้แต่เกร็งหน้าฟังเสียงด่าพร้อมเอานิ้วแคะหู “อิหยัง เอ้ย อะไรกันคะพ่ออยู่ดีๆ ก็โทรมาด่า” พ่อไม่ทางรู้เรื่องที่เธออยู่ในคุกตอนนี้แน่นอนเพราะฉะนั้นตีเนียนไปก่อน (อ้อ แกเห็นพ่อแกโง่เรอะ! แกนอนอยู่คุกแกยังจะบอกว่าแกอยู่ดีๆ อีกเหรอ) ขนมทนเอาโทรศัพท์แนบหูต่อไปไม่ไหวเกรงว่าแก้วหูจะระเบิด เธอจึงกดเปิดลำโพงให้ 5 คนรวมทั้งเพื่อนของกล้าฟังเสียงด่าของพ่อไปด้วยกัน (ส่งไปอยู่บ้านนอกเพื่อดัดนิสัยแกยังสามารถก่อเรื่องให้พ่อปวดหัวได้ พ่อซึ้งใจในความสามารถของแกจริงๆ เงินหนึ่งหมื่นที่ให้ไปยังไม่หมดอีกเหรอไง เมื่อไหร่แกจะร้องไห้กลับบ้าน) “รอไปเถอะค่ะ วันนี้หนูพึ่งขายอึ่งไปตั้งเกือบหมื่น” ใบหน้าเล็กยกยิ้มมุมปากไม่สะทกสะท้าน เหอะรู้แต่แรกแล้วว่าพ่อหวังให้เธอไปร้องไห้อ้อนวอนกอดขาขอกลับบ้านแล้วจะส่งเธอไปทำงานที่บริษัท (อะไรอึ้งๆ นะ) “อึ่งค่ะพ่อ อึ่ง อ๊บๆ อ่ะ” (อึ่งงง!! นี่แกถึงขั้นจับอึ่งขายเลยเรอะ) “ทำไมอ่า.. รายได้ดีออก” (ฉันเลี้ยงแกมาดั่งเจ้าหญิง แล้วดูแกตอนนี้สิ โอ้ยยยย พวกแกได้ยินน้องแกพูดไหม) เหมือนเสียงปลายสายหันไปถามพวกพี่ชาย ขนมได้ยินเพียงเสียงหัวเราะลั่นและคำชื่นชมจากพี่ๆ (สมเป็นน้องพี่จริงๆ เยี่ยมมากขนม แจ๋วเลย ฮ่าๆ) ขนมได้ยินเสียงตะโกนแว่วจากปลายสายก็ยกยิ้มทันที “ไม่ได้เจอพี่ๆ มาเป็นเดือนแล้ว คิดถึงเป็นบ้า” (พี่ก็คิดถึงเหมือนกัน) (เพราะพวกแกให้ท้ายแบบนี้ไง น้องแกถึงได้เป็นแบบนี้) เสียงโอดครวญของพ่อก้องไม่ขาดสาย ฟังแล้วดูท้อแท้สิ้นหวัง (ขนม พ่อยื่นคำขาดเลยนะถ้าแกไม่อยากทำงานที่บริษัทแกก็รีบแต่งงานเสีย หาลูกเขยมาช่วยทำงานไม่งั้นก็หาสามีเพื่อช่วยเลี้ยงแก ถ้าแกไม่มาหรือไม่ส่งลูกเขยมาเป็นตัวแทนเพื่อทำงานที่บริษัทพ่อจะไม่ให้ยกหุ้นให้แกแม้แต่เปอร์เซ็นต์เดียว) น้ำเสียงจริงจังเอ่ยเด็ดขาด “โธ่พ่อ หนูพึ่ง 22 เองนะ จะรีบไปไหน” ขนมทำหน้าเซ็ง (ถ้าไม่อยากแต่งก็กลับบ้านมาทำงานที่แม่ตั้งใจมอบให้แกเสีย!) “ไม่ล่ะ พ่อก็รู้ว่าหนูไม่ได้เรื่องในการเข้าครัวแค่ไหน พ่อส่งหนูไปเรียนทำเบเกอรี่กี่โรงเรียนแล้วล่ะที่ทำโรงเรียนเขาไหม้” (งั้นแกก็รีบแต่งงาน) “โธ่! พ่อ” (ไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น พ่อไม่ปรานีหรอกนะ”) “พ่อหนู..” ตืดดด! ยังไม่ทันได้ต่อรองปลายสายก็ตัดสายไปเสียแล้ว ขนมถึงกับนั่งคอตกใครมันจะอยากแต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย “ผมว่าคราวนี้นายท่านเราเอาแท้นะครับ ฟังจากเสียงแล้ว” (ผมว่าคราวนี้นายท่าน ท่านเอาจริงนะครับ ฟังจากเสียงแล้ว) “แล้วสิไปหาลูกเขยจากไสให้เราล่ะบาดหนิ” (แล้วจะไปหาลูกเขยจากไหนให้พ่อล่ะทีนี้) ขนมเอ่ยอย่างทอดถอนใจ เกิดมายังไม่เคยมีแฟนเลย เคยชอบหนุ่มคนหนึ่งสมัยมัธยมปลายเขาก็ปฏิเสธ “ผมว่างครับเอื้อยคนงามถ้าบ่รังเกียจ” (ผมว่างครับพี่สาวคนสวย ถ้าไม่รังเกียจ) “ไปดูแลเจ้าของให้ได้ก่อนเถาะบักหล่า” (ไปดูแลตัวเองให้ได้ก่อนเถอะไอ้หนู) ปลาส้มคัดค้านให้ทันที “กูสิพาไปเบิ่งหมอ บักจอห์นมันแม่นเด้ะมึง บางเที่ยอาจสิเป็นแนวทางให้มึงพ้อเป้าหมายได้” (กูจะพาไปดูดวง ไอ้จอห์นมันแม่นนะมึง บางทีอาจจะเป็นแนวทางให้มึงเจอเป้าหมายได้) “เคดีล” ขนมตอบส่งๆ ตอนนี้ในสมองเธอไม่อยากคิดถึงเรื่องพวกนี้สักนิด เธอแค่อยากใช้ชีวิตอิสระที่บ้านนอก อยากไปไหนก็ไป อยากกินก็กิน สบายใจ ถ้าเธอไม่รับหุ้นจากพ่อก็กลัวจะเลี้ยงปากท้องไม่ได้ ที่สำคัญบริษัทนั้นเป็นบริษัทเบเกอรี่ที่แม่สร้างขึ้นมาเพื่อมอบให้เธอโดยเฉพาะก่อนที่แม่จะจากไป แต่เธอดันไม่มีความสามารถด้านนี้เลย เข้าครัวเป็นต้องพังทุกครั้งไป “ ว่าแต่พ่อกูรู้ได้จั่งใดว่ากูอยู่ในคุก” (ว่าแต่พ่อกูรู้ได้ไงว่ากูอยู่ในคุก) เธอยังไม่ได้โทรหาหรือบอกเบอร์กับสารวัตรนั่นด้วยซ้ำ หรือว่าพ่อส่งคนมาคอยจับตาดูเธอตลอดเวลา “หรือพ่อมึงสิจ้างคนมาคอยสืบตามมึง” (หรือว่าพ่อมึงจะจ้างคนมาคอยตามสืบมึง) ปลาส้มเองก็คิดเหมือนขนม “ช่างเถาะ” (ช่างเถอะ) ถ้าพ่อรู้เรื่องเธอตลอดเวลาก็ดีเหมือนกันจะได้รู้ว่าเธออยู่นี่มีความสุขดีแค่ไหน... “สารวัตรเอาเด็กพวกนั้นขังทำไมครับ” จ่าน้อยที่เดินมาข้างๆ สารวัตรของตัวเองที่กำลังมองกลุ่มเด็ก 5 คนที่ถูกขังไม่วางตา “ค่ำมืดแบบนั้นกลับมอเตอร์ไซค์ อันตรายเกินไป” ร่างสูงโปร่งเอ่ยขณะสายตาลุ่มลึกยังคงจ้องมองกลุ่มเด็กน้อยทั้งห้า “ขังคุกไว้สักคืน ตอนเช้าค่อยปล่อยไป” พูดจบก็หมุนตัวกลับไปยังห้องทำงาน “เอ๋..” จ่าน้อยนึกสงสัยในใจ นี่สารวัตรเขาเป็นห่วงคนอื่นเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือเขาแค่อยากแกล้งเด็กกลุ่มนั้นเลยจับขัง เช้าวันรุ่งขึ้น “ออกมาได้แล้วซุมเด็กน้อยขี้ดื้อหมู่หนิ” (ออกมาได้แล้วพวกเด็กดื้อกลุ่มนี้) จ่าน้อยเปิดคุกเมื่อเห็นไม่มีใครตื่นสักคนก็ได้แต่ส่ายหน้า ตะวันโด่งขนาดนี้ยังนอนหลับได้อีก “โหวว จ่า คนกำลังฝันหวาน” กล้าโอดครวญ พยายามดันตัวลุกจากพื้น เมื่อคืนพวกเขาเอาแต่นั่งเล่าเรื่องผีกันจนนอนไม่หลับ กว่าจะหลับได้ก็เกือบตีสี่ “ขอนอนอีกคืนได้บ่จ่า” (ขอนอนอีกคืนได้ไหมจ่า) ปลาส้มทำหน้ายียวน จ่าน้อยจึงพยักหน้าทำท่าจะปิดประตู “เฮ้ย!! เว้าหยอกซื่อๆ ดอกจ่า จริงจังหลาย” (เฮ้ย!! พูดเล่นเฉยๆ หรอกจ่า อย่าจริงจังมาก) “หาววววว” ขนมอ้าปากหาวผมชี้ฟูก่อนจะขยี้ตาไปมาเพื่อปรับแสง “หิวนอนคั้ก เพราะมึงเลยไอ้สองสยองขวัญ” (ง่วงนอนมาก เพราะมึงเลยไอ้สองสยองขวัญ) เสียงใสบ่นอุบให้เพื่อนของกล้าที่เล่าเรื่องผีผูกคอตายในคุกให้ฟังเมื่อคืนนี้ ใครบ้างจะหลับลง.. “ป้าดดด ตื่นมาเอื้อยยังงามปันนี้ ผมอยากตื่นมาพ้อเจ้าสุมื้อแท้ จ่าขอนอนคุกพร้อมเอื้อยเราจักอาทิตย์ได้บ่” (โหวว ตื่นมายังสวยขนาดนี้ ผมอยากตื่นมาเจอพี่ทุกวันเลย จ่าขอนอนคุกพร้อมพี่สาวสักอาทิตย์ได้ไหม) “ได้ ขังเขาไว้คนเดียวสองอาทิตย์เลยจ่า” ยังไม่ทันที่จ่าน้อยจะตอบเสียงทุ้มเยือกเย็นจากด้านหลังก็ดังขึ้น สองรีบยกมือปฏิเสธพัลวัน “ล้อเล่นดอกครับสารวัตรเสือ” “กลับบ้านได้แล้ว” สายตาคมเข้มจ้องมองร่างเล็กที่สวมเสื้อเขาอยู่ด้วยสีหน้าเฉยชาก่อนจะเดินหันหลังกลับไป ทั้งห้าคนไม่รีรออีกต่อไปรีบลุกขึ้นเดินตามทันที “เป็นหยังต้องทำหน้าเย็นชาตลอดเวลานำนะ” (ทำไมต้องทำหน้าเย็นชาตลอดเวลาด้วยนะ) ขนมขมวดคิ้วไม่พอใจ “เรากะเป็นจั่งซี่แต่ใดค่ะสาว มึงรู้บ่ขนาดเย็นชาปานนี้ สาวๆ ทั้งอำเภอยังกรี๊ดจนหัวกระไดสน.บ่แห้ง” (เขาก็เป็นแบบนี้ตั้งนานแล้วค่ะสาว มึงรู้ไหมขนาดเย็นชาขนาดนี้ สาวๆ ทั้งอำเภอยังกรี๊ดจนหัวบันไดสน.ไม่แห้ง) “เวอร์ไปบ่?” (เวอร์ไปไหม) “อีหลี มึงคอยเบิ่งได้เลย” “สารวัตรจ๋า น้ำหวานเอานมชมพูเย็นมาฝากแทนหัวใจสีชมพู๊ชมพูของน้ำหวานจ้ะ” ยังไม่ทันขาดคำหญิงสาวชุดคัลเลอร์ฟูลก็เดินมาพร้อมกับนมเย็นด้วยท่าทางอารมณ์ดียิ้มแย้มแจ่มใส “จ่าน้อย!” เขาเพียงเอ่ยคำเดียวจ่าน้อยก็รีบไปรับแก้วนมเย็นมาอย่างรู้งานราวกับเคยชินจนเป็นกิจวัตรประจำวัน ก่อนจะเดินเอาไปแช่ตู้เย็นเหมือนทุกวัน “ผมจะทำงาน” “ได้ค่ะ น้ำหวานลาก่อนนะจ้ะ บายค่ะสารวัตร” พูดจบเธอก็จากไปด้วยท่าทางชื่นอกชื่นใจ ขนมมองได้แต่นึกขำในใจ ต้องมีความสุขอะไรขนาดนั้นแค่มาส่งน้ำ “มองอะไร มานี่” เสียงเข้มเอ่ยเรียก ทั้งหมดก็รีบเดินเข้าไปหาทันที มือใหญ่นิ้วเรียวสวยยื่นบัตรประชาชนคืนให้ทีละคน “กลับไปแล้วอย่าก่อเรื่องอีก” “ค่า..” ปลาส้มขานรับทันที เจอหน้าทีไรได้นอนคุกตลอดเลยสารวัตรคนนี้ ขนมถอดเสื้อสารวัตรที่ใส่อยู่ตลอดออกไหล่เนียนขาวสว่าง คอเรียวระหงของคนตัวเล็กถูกเปิดเผยต่อหน้าผู้คน ตอนกลางคืนว่าขาวสว่างแล้ว มาเจอตอนเช้ายิ่งเนียนละมุนเสียจนไม่อยากละสายตา ทำเอาชายที่อยู่ละแวกนั้นต้องมองกันหมด “คืน” มือเล็กยื่นให้คนตรงหน้า ทำเอาใบหน้าเย็นชามืดครึ้มในทันที “ใส่ไว้ ไปถึงบ้านค่อยถอด” “ไม่เอาหรอก ขี้เกียจเอามาคืน ไกล” ขนมเอ่ยไม่สบอารมณ์บ้านเธอไกลจากสถานีตำรวจตั้ง 14 กิโลฯ ใครจะขยันมาส่งขนาดนั้น “เจอค่อยคืน” เมื่อมองไปด้านหลังคนตัวเล็กเขาเห็นสายตาทั้งตำรวจและคนมาใช้บริการมองเธอตาไม่กะพริบเขายิ่งหงุดหงิดในใจ “หึ ไม่เอาหรอก” “...” เขาถอนหายใจอย่างเดือดดาลก่อนจะรับเสื้อจากมือเล็กมาแล้วเอาเสื้อคลุมเธอไว้ก่อนจะรูดซิบไปจนมิดคอ “...” ขนมมองการกระทำคนตรงหน้าอย่างงงงวย ก่อนจะเบ้หน้างอนไม่พอใจ “ผมบอกว่าอย่าแต่งตัวเปิดเผยให้ผมเห็นอีก ใส่ไป! ถึงบ้านค่อยถอดไม่งั้นผมจะสั่งสอนคุณอีกรอบ” เมื่อได้ยินคำนั้นขนมก็นึกเรื่องราวเมื่อคืนได้ก็พองแก้มงอน “เผด็จการ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD