ตอนที่ 8
“หนูรู้นะย่า อะไรควรไม่ควร” ปานธิดาเถียงคอเป็นเอ็นอย่างไม่ยอมแพ้ ถ้าทำผิดจริงถึงจะเถียงแต่ก็ยอมรับว่าผิด แต่ในเมื่อไม่ใช่ก็อย่ามาโยนขี้ใส่ ไม่ชอบ “ทำอย่างกับไม่รู้นิสัยลูกสาวตัวเองอย่างนั้นแหละ หนูมันเป็นแค่หลานนิ แล้วก็ไม่ใช่จากลูกที่รักด้วย ย่าเลยไม่รักหนูเลย” เด็กหญิงต่อว่าอย่างน้อยอกน้อยใจ น้ำตาเริ่มเอ่อล้นนองหน้า
บ้านนี้ทั้งบ้านมีเพียงแค่ลุงกำนันและปู่เท่านั้นที่รักเธอด้วยใจจริง แต่ปู่ถึงจะรักเธอมากเพียงไหนท่านก็จำต้องอยู่ในโลกของท่าน นั่นเป็นเพราะท่านละทางโลกหันหน้าเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ นับเป็นเวลาได้เกือบจะเท่ากับอายุของเธอ
“บ่นอะไรนักหนานะลูกปัด เราชักเอาใหญ่แล้วนะ เถียงย่าคำไม่ตกฟากเลย ถ้าย่าเป็นลมเป็นแล้งไปจะทำไงกันหือ...” แม้ปากจะเอ่ยเหมือนดุแต่มือใหญ่กลับยกขึ้นลูบบนศีรษะหลานสาวด้วยความรักระคนเอ็นดูและสงสารที่ปานธิดาเกิดมาแล้วถึงจะมีพ่อแม่ก็เหมือนกับไม่มี
ธราธรพาผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งกำลังท้องมาอยู่ที่บ้าน โดยบอกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นเมียที่รักกันมา แต่ถูกกีดกันก็เลยตัดสินใจหนีตามกันมา แต่ไม่นานเจ้าน้องชายจอมเจ้าชู้ก็ออกลาย เก็บข้าวของและขโมยเงินของเขาและแม่พร้อมกับทิ้งจดหมายไว้ว่าจะไปทำงานหาเงิน ขอให้เขาช่วยดูแลลูกให้ด้วย ได้ดีเมื่อไหร่จะรีบกลับมารับ
ไปตอนแรกๆ ก็โทรกลับมาบ้าง แต่เมื่อแม่ของลูกปัดใกล้จะคลอด น้องชายเขาก็ขาดการติดต่อไปเลย ส่วนผู้หญิงที่เป็นแม่ของลูกปัดก็ทนอยู่จนคลอดเด็กหญิงก่อนจะหนีหายไปไม่ดูดำดูดี ไม่เคยส่งข่าวกลับมาอีกเลยเหมือนกัน จนตอนนี้ทุกคนก็ไม่เคยได้ข่าวว่าเป็นตายร้ายดียังไง
“โธ่ลุงกำนัน ย่าแข็งแรงจะตายไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก ย่าต้องอยู่กับลูกปัดนานๆ ใช่ไหมจ๊ะย่าจ๋า” ปานธิดารีบวิ่งไปกอดรัดร่างเล็กพร้อมหอมแก้มซ้ายแก้มขวา ถึงแม้จะทะเลาะและด่าว่ากันไปบ้างตามประสา แต่สองย่าหลานก็รักกันจนแทบจะไม่เคยห่างจากกันเลย
“เออ...แต่ข้าคงจะตายเร็ว เพราะเถียงแกไม่ทันอย่างที่ลุงกำนันเขาว่านั่นแหละ” ผู้เป็นย่าเอ่ยขณะยกมือขึ้นลูบศีรษะหลานสาวอย่างรักใครระคนเอ็นดู ก่อนที่สายตาฝ้าฟางจะมองไปยังสาวน้อยร่างโปร่งบางที่เดินตามหลังลูกชายมาด้วยใบหน้าบึ้งตึง นางมองผิด...ตาฝาดไปใช่ไหม ที่เห็นว่ามีผู้หญิงทั้งสาวและสวยเดินออกมาจากห้องลูกชาย และถ้ามองไม่ผิดรู้สึกเหมือนกับว่าไอ้ปากสีแดงๆ นั่นจะขยับอยู่บ่อยๆ เหมือนกับกำลังเจริญพรลูกชายอยู่ซะด้วย คิ้วสีเทาออกจากขมวดมุ่นเข้าหากันด้วยความสงสัย แต่ก็เอ่ยทักทายปราศรัยกับผู้มาใหม่ด้วยรอยยิ้ม
“กำนันพาใครมาด้วยนะ เอ้า...เอ๊า...นั่งก่อนซิอีหนู ลูกเต้าเหล่าใครกันละ ทำไมถึงได้มาพร้อมกับกำนันได้ละ ว่าไงกำนัน” แก้วตาปลายเสียงหันไปถามลูกชาย ก่อนจะมองสองหนุ่มสาวสลับกันไปมา
แก้วตาเห็นชัดเจน ลูกชายส่งยิ้มหวานให้กับสาวน้อยหน้าสวย แต่อีกฝ่ายกลับถลึงตาใส่ อีกทั้งใบหน้าขาวก็เริ่มมีสีแดงระเรื่อลามเลียถึงลำคอ กายผอมราวกับจะปลิวถ้าเจอลมพัดแรงๆ สั่นเทิ้ม
“เมียฉันเองแหละแม่”
“ไม่จริง! ไอ้บ้านี่จับฉันมา” เกร็ดแก้วรีบโต้กลับเสียงเขียว พร้อมกับพยายามปลดเอามือแข็งแกร่งเหมือนกับคีมเหล็กออกจากแขน แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่หลุด แล้วยังจะถลาจมหายเข้าไปในอ้อมแขนกว้างทำให้ใจเต้นแรงเร็วไม่เป็นจังหวะอีกด้วย
มาถึงตอนนี้เมื่อสติสัมปชัญญะมาครบ เกร็ดแก้วก็เริ่มรู้สึกแปลกใจ ทำไมเธอถึงได้รู้สึกหวั่นไหวกับหน้าตายิ้มๆ ดวงตาพราวระยับและหุ่นล่ำๆ เต็มด้วยมัดกล้ามนี่ด้วยก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ ก็เธอมีพี่หมอทินภัทรชายหนุ่มผู้แสนดี ร่ำรวยและเหมาะกับเธอทุกอย่างอยู่แล้วนี่น่า
“ห๊า...อะไรนะ กำนันพูดผิดพูดใหม่ได้นะ? ไหน...ใครเป็นผัวใครเป็นเมีย พูดมาให้ชัดซิกำนัน” นางแก้วตาถามเสียงดังลั่น ถ้าไม่ติดว่ามีร่างหลานสาวนั่งกอดอยู่คงลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปหาลูกชายเพื่อให้ได้ยินคำพูดนั้นอีกครั้ง พร้อมกับมองสาวน้อยร่างผอมแห้งอย่างกับคนขาดสารอาหารที่ดูเหมือนจะไม่ยอมรับในสิ่งที่ถูกชายพูดมาเลยสักนิด
“นั่นซิ ลุงกำนันพูดอะไรนะ” แม้แต่ปานธิดาเองก็ถามอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่ลุงสุดที่รักบอก เด็กหญิงมองไปยังหญิงที่ยืนอยู่ใกล้ผู้เป็นลุง หน้าตาก็สวยดีนะ แต่ไอ้ตาคู่นั้นดูน่ากลัวชะมัด จ้องมาทีเหมือนกับจะกินเลือดกินเนื้อ คิดแล้วเสียวไส้แทนลุงกำนัน ถ้าได้เมียแบบนี้มีหวังต้องนอนสะดุ้ง เพราะไม่รู้แม่เจ้าประคุณจะลุกขึ้นมาควักไส้ควักพุงกินเมื่อไหร่ กายอวบอ้วนสั่นเทาพร้อมกับใบหน้ากลมป้อมส่ายหนีเบาๆ
“ไม่ผิดครับแม่” ธราเทพยืนยันเสียงนุ่มทุ้ม
“ไม่จริงนะป้า อย่าไปเชื่ออีตาบ้านี่พูดนะ ไอ้บ้านี่ไปจับตัวฉันมา” เกร็ดแก้วพยายามพูดแทรกเสียงแหลม เธอสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ มือและเท้าก็พยายามยกขึ้นประทุษร้ายร่างหนาใหญ่อยู่ตลอดเวลา
“อ้าว...คุณเมียสุดที่รักจ๋า อย่าพูดแบบนั้นซิ เมียนี่ขี้ลืมจริงๆ สงสัยความจำยังกลับมาไม่หมด รู้อย่างนี้ไม่น่าใจดีพาออกจากโรงพยาบาลตามคำขอเลย ให้ตายซิ” ธราเทพบ่นพึมพำ เขาดันให้ร่างโปร่งบางล้มตัวลงนั่งใกล้กับร่างมารดา ใบหน้าเปื้อนยิ้มกรุ้มกริ่ม ดวงตาแวววาวระยับอย่างชอบอกชอบใจ จนอยากเปล่งเสียงหัวเราะให้ดังลั่นบ้าน
“แม่รู้จักไว้ซิจ๊ะ เมียฉันเองแหละ ชื่อไพลิน” ชายหนุ่มแนะนำตัวอย่างไม่สนใจว่าหญิงสาวจะไม่พอใจและขัดขืนยังไง "เราสองคนรักกัน แต่พ่อไพลินไม่ยอมรับ เราสองคนเลยหนีตามกันมา แต่ตอนเดินทางรถมันเกิดอุบัติเหตุ หัวไพลินไปกระแทกพื้นเลยทำให้ความจำมีปัญหานะแม่”
นางแก้วตาฟังด้วยความงุนงง ลูกชายนางนี่นะ พาผู้หญิงหนีมา...เป็นไปไม่ได้ ถึงแม้ฐานะทางบ้านจะไม่ได้ร่ำรวยมีเงินมีทองมากมาย แต่ก็ไม่ได้ยากจนข้นแค้นถึงขั้นไม่มีอันจะกิน ที่สำคัญคือว่าลูกชายเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ มีสาวน้อยสาวใหญ่ในหมู่บ้านและต่างหมูบ้านให้ความสนใจแทบจะทุกบ้านที่มีลูกสาว ถ้าเป็นยุคสมัยเก่า เขาใช้กับผู้หญิง แต่มายุคสมัยนี้กลับใช้แทนผู้ชายก็ได้ การที่มีผู้หญิงแวะเวียนมาหาเข้าถึงเย็นถึง เรียกว่าหัวบันไดบ้านไม่เคยจะแห้ง
สำคัญๆ ก็เห็นจะมีอยู่สามคนที่เทียวไล้เทียวขื่นอยู่เป็นประจำทุกวัน หนึ่งคืออินทุภาลูกสาวของนายอำเภอ คุณครูจิตรเลขา แล้วก็ยังจะมีทิพย์นาราลูกสาวเจ้าของร้านขายของชำในตลาดที่มาหาบ่อยครั้งพร้อมกับข้าวของติดไม้ติดมือ บางทีมาถึงพร้อมๆ กันก็เล่นละครจำอวดให้คนในบ้านและชาวบ้านใกล้เรือนเคียงได้ดู แล้วเอาไปนั่งนินทากันและหัวเราะจนท้องคับท้องแข็ง
“ไม่จริงนะป้า ไอ้บ้านี่โกหก ฉันชื่อเกร็ดแก้ว กันติวัจน์”
“โธ่...คุณเมียสุดที่รักจ๋า บอกกี่ครั้งแล้วว่าคุณภรรเมียชื่อไพลิน ปันภูนา” ว่าแล้วธราเทพก็หันไปหามารดาที่นั่งอ้าปากค้าง มองสองหนุ่มสาวสลับกันไปมา พอจะถามก็ถูกขัดไปเสียทุกครั้งจนหยุดคิด แล้วปล่อยให้ลูกชายเป็นคนเริ่มต้นเล่าเรื่องไปก่อน แล้วค่อยถามไถ่เรื่องราวเอาทีหลัง
“แม่อย่าไปถือไพลินเลยนะ ตั้งแต่ตกรถมานี่ ความจำเลอะเลือนเหมือนคนแก่เลย ไป จำแต่ว่าตัวเองชื่อเกร็ดแก้ว กันติวัจน์ ลูกสาวนักธุรกิจใหญ่ เป็นคุณหนูไฮโซแต่งตัวสวยๆ เดินเฉิดชายอยู่ในเมืองกรุงไปวันๆ งานการไม่เคยคิดทำ” ธราเทพถือโอกาสแขวะหญิงสาวทางอ้อมไปเสียทีหนึ่ง ถึงแม้ว่านายเพชรกรุณจะเปิดร้านให้ดูแล แต่หญิงสาวก็เพียงแค่แวะเวียนไปนั่งประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้น แล้วก็ออกไปเริงร่ากับการจับจ่ายซื้อของ หรือไม่ก็ทำเล็บทำผม นวดหน้าอบตัวแล้วก็ไปเฝ้าผู้ชาย