บทที่ 1

2829 Words
-KALAMARE TALK- :: ชีวิตของติ่ง :: [TRANS :: SWAG] ประเทศไทยอากาศดี อยากกินทุเรียนทอด -จอนอุนมยอง- [TRANS :: SWAG] เหนื่อยน่าดูเลย ร้อน ๆ ๆ แต่มีของกินก็สู้ไหว ยั่มยั่มยั่มยั่ม –ลีโอ- [TRANS :: SWAG] ผมอยากกลับไทย ๆ ๆ ๆ ๆ มานานแล้ว อย่าลืมดูพวกเราด้วย -วอร์- Cr.ขุ่นแม่กาละแมร์ {อย่าลืมดูสัมภาษณ์อปป้ากันนะคะ เวลา 15.25 น. วันนี้} ฉันนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่หลังจากปล่อยบทสัมภาษณ์แปลไทยไปยังแอคทวิตเตอร์แฟนด้อมวง SWAG พลางลดโทรศัพท์ในมือลงเพื่อดูเวลา เข็มสั้นของนาฬิกาชี้ไปยังเลขสอง ส่วนเข็มยาวชี้ไปยังเลขหก เห็นแบบนี้ก็ค่อยโล่งใจหน่อย เพราะมันยังเหลือเวลาให้ฉันทำธุระส่วนตัวภายในบ้านได้เสร็จก่อนที่สัมภาษณ์สดของวงไอดอลที่ฉันรักอย่าง ‘SWAG’ จะเริ่ม ถึงอย่างนั้นก็ประมาทไม่ได้... ฉันรีบลุกพรวดออกจากห้องนอนส่วนตัวซึ่งรายล้อมไปด้วยอัลบัมเพลงและภาพถ่าย ร่วมไปถึงโปสเตอร์ศิลปินวงที่ฉันหลงรัก เพื่อเตรียมตัวพร้อมสู้ศึก เท้าเร่งจ้ำด้วยความไวเกินกว่าที่ร่างกายจะทนไหว แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ทำ ทันทีที่ลงมายังชั้นสองของบ้านได้สำเร็จสายตาก็กวาดมองหาอุปกรณ์สำหรับใช้ดูการสัมภาษณ์ อย่างเช่นรีโมต! พอพบเป้าหมาย ฉันก็ไม่รอช้า รีบกระโดดขึ้นโซฟาตัวยาวเพื่อจัดการกระชับพื้นที่และยึดรีโมตมาไว้ในครอบครอง แต่เหมือนจะช้าไป! ฟึ่บ! ตุ้บ! “วันนี้มีบอลดูป่ะวะ?” เสียงเข้มของผู้พิชิตรีโมตเอ่ยขึ้นแบบไม่ได้สนใจฉันที่หน้าคะมำทิ่มอยู่ที่โซฟา มิหนำซ้ำยังกดเปิดทีวีเลื่อนหารายการฟุตบอลดูอย่างเสียมารยาท เขาคนนี้ชื่อ ‘ทอร์ช’ เป็นสมาชิกซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านพักหลังใหญ่ที่ฉันเช่าอยู่ อ้อ! ลืมแนะนำตัวไป ฉันชื่อ ‘กาละแมร์’ ค่ะ เรียกสั้น ๆ ว่า ‘แมร์’ ตอนนี้เรียนอยู่ปี 2 มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง สิ่งที่ชอบที่สุดในโลกใบนี้คือ ‘ผู้ชาย’ ค่ะ แต่ต้องเป็นผู้ชายจากแดนกิมจิในนามของวง ‘SWAG’ เท่านั้นนะ! วง SWAG เป็นวงศิลปินเกาหลีที่มีสมาชิกทั้งหมด 5 คน ที่น่าประทับใจสุด ๆ ก็คือหนึ่งในสมาชิกวงมีคนหนึ่งเป็นคนไทย เขาชื่อ ‘วอร์’ หรือที่แฟนด้อมเดียวกันเรียก ‘วอร์อปป้า’ นับตั้งแต่วงนี้เริ่มเดบิวต์ออกสู่สายตาประชาชนทั่วโลก ราว ๆ 3 ปีก่อน ชีวิตฉันก็เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะยามกิน ยามนอน ยามไม่มีเงินใช้ ฉันต้องมีเสียงเพลงของบรรดาอปป้าเกาหลีวงนี้ดังอยู่ในหูเสมอ และไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ฉันผันตัวเองเป็นคนคอยส่งข่าวคราวเกาะติดสถานการณ์การเคลื่อนไหวของวงนี้อย่างใกล้ชิด รู้อีกทีรอบตัวไม่ว่าจะหายใจเข้าหรือออกก็มีแต่สิ่งของที่เกี่ยวข้องกับวง SWAG ไปเสียแล้ว เพราะชอบ รัก และคลั่งไคล้มาก คนส่วนใหญ่เลยไม่ค่อยเรียกชื่อฉันเท่าไร ส่วนใหญ่จะเรียกว่า… “นี่ติ่ง...ซักเกงในให้หน่อยดิ” ค่ะ! พวกเขาเรียกฉันว่า ‘ติ่ง’ “ไม่มีมือซักเองหรือไงล่ะ ฉันไม่ใช่เบ๊นายสักหน่อย” ฉันสะบัดหน้าเชิดแบบไม่แยแส แต่อีกฝ่ายดันแทรกขึ้นมาว่า “เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงก่อนสัมภาษณ์สดจะเริ่มนี่ใช่ป่ะ” พอเขาทักขึ้นมาแบบนี้จากที่สะบัดหน้าเชิดใส่ก็มีอันต้องอ่อนลง โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายพูดขึ้นเป็นหนที่สอง “เอ...เวลาเดียวกับบอลชิงถ้วยเลยนี่หว่า” คุณพระ น้ำตาติ่งจะไหล... นอกจากจะพลาดไม่ได้ไปให้กำลังใจอปป้าในห้องส่งแล้ว ฉันยังจะโดนมารร้ายขัดขวางทางสว่างอีกเรอะ!? “นี่ทอร์ช ขอเถอะฉันต้องดู...” เมื่อรู้ตัวว่าใกล้ชวดและนกเต็มที ฉันจึงเปลี่ยนแผนเป็นการอ้อนวอน “ซักเสื้อผ้าให้หน่อยดิ” พอได้โอกาสคนนิสัยเจ้าเล่ห์อย่างเขาก็รีบตั้งแง่ทันที “ซักเสร็จก็ได้ดู แล้วฉันก็มีของแถมให้ด้วยนะ...” ฉันทำตาปริบ ๆ ประหนึ่งแมวน้อยน่าสงสารเมื่อถูกอีกฝ่ายเหลือบมองจากทางหางตา ทอร์ชกระตุกยิ้มก่อนใช้มือหยิบของบางอย่างจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาโชว์ต่อสายตาแล้วพูด “บัตร Staff สำหรับเข้างานแฟนไซน์แรกในไทยของ SWAG วันเสาร์นี้ สนมะ?” เขากำลังใช้บัตรสตาฟฟ์เข้างานแฟนไซน์ของวงศิลปินที่ฉันรักแลกกับการเป็นนังแจ๋วส่วนตัวซักผ้ายันกางเกงในงั้นเรอะ!? “บัตรสตาฟฟ์ได้ใกล้ชิดสมาชิกวงโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเลยนะ สนป่ะติ่ง~” เขาคิดว่าคนอย่างนังกาละแมร์ซื้อด้วยของพวกนี้ได้หรือไง ดูถูกกันเกินไปแล้ว! หมับ! ฉันพุ่งมือจับข้อมือทอร์ชแน่นเพื่อให้อีกฝ่ายหยุดพูดและมองค้อนเขากลับไปอย่างไม่สบอารมณ์ ส่วนปากก็เอ่ยถาม “คิดว่าของพวกนี้ซื้อฉันให้ซักกางเกงในนายได้เหรอ?” พอถูกถามตรง ๆ อีกฝ่ายก็เงียบลงทันทีแถมยังนั่งนิ่งจนฉันต้องเกรี้ยวกราด ตวาดออกไป “ดูถูกกันเกินไปแล้วนะทอร์ช!” ฉันมองจ้องเข้าไปในแววตาอีกฝ่ายเพื่อให้เขารู้ตัวสักทีว่าไม่ควรนั่งนิ่งแบบนี้ ดูสิ! พูดขนาดนี้แล้วยังจะทำนิ่งอยู่อีก เห็นแล้วมันก็อดตะคอกเสียงสั่งไม่ได้ “ตะกร้าผ้านายอยู่ไหน ไปหยิบมา!!!” “โธ่! ทำเป็นเข้ม” เขาหัวเราะในลำคอและยอมลุกจากโซฟาไปหยิบตะกร้าผ้าให้ตามคำสั่งเด็ดขาดที่ได้รับ เอาจริง ๆ แล้วทอร์ชน่ะ แค่เป็นพวกขี้แกล้งไปอย่างนั้นเอง ประมาณว่าได้กวนประสาทคนอื่นแล้วมีความสุขก็ว่าได้ ถึงแม้เขาจะชอบแกล้งหรือเรียกฉันว่าติ่งแทนชื่อเล่นจริง ๆ ฉันก็ไม่เคยโกรธเขาหรอก เพราะว่าลึก ๆ แล้วทอร์ชน่ะเป็นคนที่ใจดีมากคนหนึ่งสำหรับฉันน่ะนะ เห็นทอร์ชเป็นคนแบบนี้แต่บอกเลยว่าเขาไม่ธรรมดา ดูอย่างบัตร Staff ที่เขาเอามาโชว์สิ คนธรรมดาจะหามาได้ที่ไหน เหตุผลที่ทอร์ชได้มาง่าย ๆ เพราะเขาเป็นถึงนักแข่งรถที่มีชื่อเสียงระดับหนึ่งของประเทศ แถมครอบครัวยังทำธุรกิจเกี่ยวกับด้านการจัดการด้วย คาดว่าผู้จัดน่าจะเป็นเครือข่ายครอบครัวของทอร์ชนี่แหละ ที่สำคัญอีกไม่กี่เดือนเขาก็ต้องลงแข่งระดับโลกด้วย เจ๋งใช่ไหมล่ะ? และการมีทอร์ชเป็นเพื่อนมันก็ดีอยู่อย่าง เนื่องจากเขาไม่ชอบออกงานสังคม บัตรสิทธิพิเศษต่าง ๆ รวมถึงบัตร Staff งานแฟนไซน์จึงมักตกเป็นของฉันทุกครั้ง แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มาฟรีหรอกนะ... 20 นาทีต่อมา... ฉันยกมือขึ้นปาดคราบเหงื่ออย่างลวก ๆ หลังจากจัดการซักเสื้อผ้าของทอร์ชและตากจนเสร็จสิ้น พอมองดูเวลาก็เฉียดเข้าเส้นตายก่อนสัมภาษณ์สดจะเริ่มพอดี เห็นดังนั้นฉันจึงไม่รอช้า รีบพาตัวเองเข้าสู่ห้องโถงใหญ่และจัดการกระชับพื้นที่เป็นหนที่สอง ทว่าคราวนี้สิ่งที่เจอน่ารักกว่านั้น เมื่อรีโมตทีวี ถูกเตรียมไว้ให้เสร็จสรรพวางทับไว้บนบัตรสตาฟฟ์ที่ทอร์ชใช้เป็นข้อแลกเปลี่ยน ส่วนหน้าจอโทรทัศน์ยังเปิดช่องรายการที่ฉันจะดูอีกต่างหาก เห็นไหมละ ฉันบอกแล้วว่าทอร์ชน่ารัก... (แค่บางครั้งน่ะนะ) (วันนี้แฟน ๆ มารอกันอย่างเหนียวแน่นเลยนะคะ ถ้างั้นขอเสียงปรบมือให้กับหนุ่ม ๆ วง SWAG ด้วยค่า!!) สติสัมปชัญญะทั้งหมดถูกทำให้หยุดนิ่ง เมื่อเสียงของพิธีกรสาวประกาศต้อนรับอปป้าทั้งห้าชีวิตที่กลับมาเหยียบอยู่บนพื้นแผ่นดินไทยอีกครั้ง เสียงปรบมือและเสียงกรี๊ดดังลั่นไปทั่วห้องส่งผ่านลำโพงโทรทัศน์ ทำเอาฉันที่ไม่ได้เข้าร่วมรู้สึกใจสั่นและเสียดายไปในคราวเดียวกัน (ทูล เซด อัน นยอง ฮา เซ โย We’re SWAG!) เสียงแนะนำตัววงแสนคุ้นหูพร้อมเสียงปรบมือเกรียวกราวทำฉันกระเถิบตัวไปนั่งหน้าชิดติดจอโทรทัศน์อย่างห้ามไม่ได้ มือพลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อเตรียมที่จะอัปข่าวสารจากการสัมภาษณ์สด (วันนี้เป็นการมาที่ประเทศไทยครั้งที่ 2 แล้วใช่ไหมคะ?) ตาน่ะมองจ้องหน้าจอโทรทัศน์แต่มือกำลังพิมพ์คำสัมภาษณ์ของพิธีกรสาวซึ่งมีล่ามภาษาเกาหลีช่วยแปลซ้ำประโยคเดิมให้สมาชิกคนอื่นในวงเข้าใจไปด้วย แน่นอนว่าการพิมพ์ของฉันระดับเทพและแม่นยำ ทั้งหมดนั่นก็เพราะไม่อยากคลาดสายตาไปจากอปป้าแม้แต่วินาทีเดียว ซึ่งมันก็เหมือนทุกครั้ง คนที่มักถูกเลือกตอบคำถามแทนสมาชิกในวงก็คือ Leader (หัวหน้าวง) อย่าง ‘วอร์อปป้า!!’ แม่ขาหนูอยากจะเลียหน้าเขาจังงง งื้อออ T^T (ครับนี่ก็เป็นครั้งที่สองแล้วที่พวกเรามีโอกาสได้มาที่ประเทศไทย) วอร์อปป้าไม่ได้พูดภาษาเกาหลีเหมือนอย่างตอนให้สัมภาษณ์ที่อื่น ก็อย่างว่าแหละ เขาเป็นคนไทยนี่ (ปาเทดทายโอบอุ่นโจนรอนมาก) เสียงหัวเราะและเสียงกรี๊ดดังขึ้นอีกครั้งเมื่อเสียงของมักเน่ ‘จอนอุนมยอง’ พูดแทรกขึ้นมา DTijCmU5aS98c6gihFDmkSUmKgTCXBGHrXrHXJv61aXf รวมถึงสมาชิกในวงทุกคนแล้วก็ฉันที่นั่งอยู่หน้าจอแก้ว (มีแฟน ๆ สงสัยกันมากว่า SWAG จะมีคอนเสิร์ตในประเทศไทยอีกครั้งเมื่อไหร่เหรอคะ?) (คอนเสิร์ตเหรอ? ก็น่าจะเร็ว ๆ นี้มั้งครับ) (มีอะไรอยากบอกแฟน ๆ ในห้องส่งเรื่องงานแฟนไซน์วันเสาร์นี้ไหมคะ?) (แล่วเจอกันค้าบ!) นั่นน่ะไม่ใช่เสียงของวอร์อปป้าหรอกแต่เป็นเสียงของสมาชิกอีกคนซึ่งกำลังทำท่าทางน่ารักใส่กล้อง จนฉันที่เห็นพลอยหลุดขำไปด้วย แต่ใครจะคิดล่ะ ว่าเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของฉันเวลานี้กำลังจะถูกทำลายลงด้วยคำถามพิเศษที่ไม่มีใครรู้มาก่อน (ยังค่ะ ๆ มีคำถามพิเศษหนึ่งจากแฟน ๆ ฝากดิฉันมาถามคุณวอร์เป็นคำถามสุดท้าย) คนฟังทำหน้าฉงนพอ ๆ กับฉันที่เริ่มรู้สึกลุ้นระทึกกับคำถามที่พิธีกรเตรียมไว้ (มีแฟนคลับส่วนหนึ่งพูดกันว่าคุณวอร์ชอบการขับรถแข่งจริงหรือเปล่าคะ?) (ครับใช่ ชอบมากพอ ๆ กับการร้องเพลงเลย) (คำถามที่ตามมาก็คือ คุณรักการขับรถแข่งเพราะผู้หญิงในดวงใจชอบนักแข่งรถใช่ไหมคะ?) เสียงฮือฮาของบรรดาแฟนคลับดังขึ้นทันทีราวกับลุ้นคำตอบ หากแต่คำถามดังกล่าวกลับทำฉันเกือบหยุดหายใจ มือที่ตั้งใจพิมพ์รายงานสถานการณ์สัมภาษณ์สดหยุดชะงักลงไปพร้อมกับท่าทางของอปป้าในจอแก้ว แม้ว่าสมาชิกคนอื่นยังคงยิ้มทะเล้น และคอยแหย่ให้เขาเขินก็ตาม แต่ว่าฉันกลับไม่ได้มีอารมณ์ร่วมกับสิ่งที่เห็นเลยสักนิด โดยเฉพาะในตอนที่วอร์อปป้าให้คำตอบ (ครับ ชอบการแข่งรถเพราะมีผู้หญิงในใจ ฮ่า ๆ) เสียงกรี๊ดดังลั่นไปทั่วห้องส่งเมื่อคนให้คำตอบทำท่าน่ารักชี้ใส่กล้องและแฟนคลับประหนึ่งว่า ผู้หญิงในดวงใจที่เขาพูดถึงคือแฟนคลับที่รู้ถึงความชอบของเขา แต่ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้น เพราะตอนนี้ในหัวฉันมีคำถามนอกเหนือจากของพิธีกรเยอะแยะเลยรู้ไหม คำถามพวกนั้นก็คือมีใครเคยบอกอปป้าบ้างไหมคะว่า... อปป้าจะออกพร้อมกันกี่อัลบัมก็ได้หนูจ่ายไหว จะออกอัลบัมภาพเป็นร้อยหนูก็พร้อมเปย์ อปป้ามีข่าวเสียหายกับชะนีกี่คนหนูไม่ว่า แต่ถ้าอปป้าจะมีเมีย อปป้ามาฆ่าหนูดีกว่า!! หนูรักของหนูมาตั้งนานอปป้าจะมาขยี้ใจหนูด้วยการมีชะนีในดวงใจแบบนี้ไม่ได้!!! นี่คงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่เป็นแฟนคลับวง SWAG มา ที่ฉันไม่สามารถทนดูสัมภาษณ์สดได้จนจบรายการ ฉันตอนนี้มีสภาพเหมือนคนน้ำตาตกใน อยากร้องไห้แต่น้ำตาไม่ไหล จะเรียกว่าโกรธด้วยมันก็ไม่เชิง มันเป็นอารมณ์ที่บอกไม่ถูก แม้แต่หายใจยังยากไปเสียหมด ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังต้องแบกร่างอันบอบช้ำสภาพเหมือนคนเพิ่งถูกหักอกตรงขึ้นห้องพักชั้นสองของบ้าน ก่อนขังตัวเองไว้ภายในห้อง ซดน้ำตาของความเสียใจ สายตากวาดมองไปรอบตัวอย่างสุดระทมและขมขื่น ไม่ว่าจะมองไปมุมไหนก็มีแต่หน้าวอร์อปป้ากับสมาชิกวง SWAG ถูกติดเต็มผนังห้องไปหมด อัลบัมภาพเอย อัลบัมโฟโต้บุ๊กเอย ตุ๊กตาแฮนด์เมดเอย ไหนจะของใช้จุกจิกส่วนตัวอีก ยิ่งมองข้าวของพวกนั้น ฉันยิ่งถูกสายตาใจดีของคนในโปสเตอร์กระหน่ำซ้ำความเจ็บเข้าใส่เรื่อย ๆ โดยเฉพาะคำพูดในตอนที่เขาให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ (ครับ ชอบการแข่งรถเพราะมีผู้หญิงในใจ ฮ่า ๆ ) นี่สินะเหตุผลที่ว่าทำไมเราควรรักศิลปินที่ชื่นชอบให้พอประมาณเพราะเมื่อไหร่ที่อปป้าในดวงใจตัดสินใจมีครอบครัวเมื่อไหร่ คนที่รู้สึกเหมือนใจสลายมันคือตัวของเราเอง เสียเงินเป็นแสนแขนไม่ได้จับ มันก็คงจะจริงนั่นแหละ นอกจากไม่ได้จับแล้วฉันยังต้องมาเสียน้ำตาให้กับคนที่อยู่ห่างจนสุดเอื้อมมืออีกต่างหาก! ที่เคยบอกว่ายอมเสียเป็นแสนแขนไม่จับก็ได้น่ะขอถอนคำพูด เพราะครั้งหนึ่งในชีวิตฉันก็อยากมีโมเมนต์ดี ๆ ร่วมกับอปป้าบ้างเหมือนกัน “ทำไมคะ!?” พอคิดไปคิดมาฉันก็เริ่มโกรธ DTijCmU5aS98c6gihFDmkSUmKgTCXBGHrXrHXJv61aXf จำต้องตะคอกใส่รูปโปสเตอร์บนผนังเพื่อระบายความรู้สึก “หนูไม่ดีตรงไหน หนูเปย์ให้อปป้าจนสิ้นเนื้อประดาตัวขนาดนี้ หนูกินแกลบทุกทีที่อัลบัมใหม่อปป้าออก อปป้าควรมองหนูบ้างนะคะว่าหนูแสนดีแค่ไหน!!” ฉันกำลังโกรธ ต่างจากภาพรอยยิ้มละมุนละไมของคนในโปสเตอร์ที่แสดงถึงความรักที่มีต่อแฟนคลับ “ไม่ต้องมายิ้มให้หนูเลย! ทำไมคะ ผู้หญิงที่อปป้าเลือก เขาดีกว่าหนูตรงไหน!!?” ฉันทุบหมัดใส่ภาพโปสเตอร์บริเวณอกข้างซ้ายอย่างเต็มแรงด้วยความเจ็บใจ ส่วนปากก็ยังระบายความรู้สึกไม่หยุด “แค่เขาสวยกว่า หน้าตาดีกว่า อปป้าเลยชอบใช่ไหมคะ!?” ให้ตายสิ! พูดไปน้ำตาบ้านี่ก็ดันไหลไม่ยอมหยุด “ทำไมคะ!? หรือว่าหนูอึ๋มไม่พอที่จะสู้ผู้หญิงในดวงใจของอปป้า!!” ว่าแล้วฉันรีบใช้มือสองข้างบีบหน้าอกตัวเองก่อนแอ่นเข้าใส่ภาพโปสเตอร์บนผนังเพื่อหวังให้คนในภาพได้พิสูจน์ความอึ๋มที่แม่ให้มาตั้งแต่เกิด “นมหนูอะ ไม่ได้เสริมนะคะ อปป้าดูสิ ของแท้แม่ให้มาค่ะ!” กึก! ตึง! “เฮ้ย ทอร์ช!” เสียงเข้มของผู้ชายที่ตะโกนเรียกชื่อทอร์ชพร้อมกับประตูห้องซึ่งถูกเปิดออกจนกระแทกผนังห้อง ทำฉันรีบหันขวับไปยังต้นเสียงด้วยความตกใจ ทั้งที่มือยังบีบหน้าอกตัวเองแอ่นเข้าใส่โปสเตอร์อยู่แบบนั้น... ชายแปลกหน้าคนดังกล่าวแต่งกายด้วยชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยอื่น สายตาเขากำลังมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าในอาการตกใจอย่างขีดสุด ก่อนหยุดสายตาอีกครั้งบริเวณหน้าอกที่ตอนนี้กำลังทิ่มหน้าอปป้าในโปสเตอร์อยู่ “…” “…” การที่เป็นแบบนั้น เลยทำให้ทั้งเขาและฉันนิ่งไป “เฮ้ย วินทร์! ห้องกูอยู่นี่!” แต่แล้วท่ามกลางความเงียบ ก็มีเสียงทอร์ชดังขึ้น นั่นเลยทำให้ชายแปลกหน้าซึ่งยังทำหน้าตกใจเหมือนตั้งแต่วินาทีแรกที่เปิดประตูเข้ามา ค่อย ๆ ปิดประตูห้องฉันลงอย่างช้า ๆ โดยยังคงสายตามองลอดผ่านช่องว่างระหว่างประตูเข้ามาจนกระทั่งประตูปิดสนิท ดะ เดี๋ยวนะ... ไอ้ผู้ชายคนเมื่อกี้เห็นหมดแล้วใช่ไหม ท่าบีบนมแบบเต็มสตรีมใส่อปป้าบนผนังน่ะ น่ะ นอกจากจะโดนอปป้าหักอกแล้ว ฉันยังต้องถูกใครก็ไม่รู้โดนเห็นท่าแอ่นนมพิชิตอปป้าอีกเรอะ!!!? จบสิ้นแล้วชีวิต พระเจ้าคะ! เอาหนูไปฆ่าเถิด ฆ่าหนู ฆ่าหนูให้ตายยยยยยย!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD