เรื่องที่เขาทำต่อหน้าผู้คนมันพานให้เราทั้งคู่ไม่ยอมพูดกันแม้แต่วลีเดียว หลังจากฉันถูกเขาพาตัวกลับมานั่งในรถของตัวเองได้เป็นผลสำเร็จอีกครั้ง เขาไม่พูดหรือถามอะไร แต่เลือกที่จะขับรถเลี้ยวออกจากสถานที่น่าตื่นตาตื่นใจดังกล่าว และใช้เพียงเสียงเพลงในรถเท่านั้นที่ทำให้บรรยากาศระหว่างเราไม่เงียบจนเกินไป
แต่ไม่นานนักหรอกบรรยากาศความเงียบภายในรถก็พังลง ทันทีที่รถคันหรูเหยียบเข้าสู่พื้นที่ตัวเมือง เทวินทร์ก็เริ่มเอ่ยปากถามขึ้น
“บ้านเธออยู่ไหน?” เขายังยืนกรานจะไปส่งฉัน ทั้งที่ปฏิเสธไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
“ซอยรื่นรมนิยมชมชอบ 7” เพราะไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ฉันจึงต้องบอกทางเขาไป บอกแบบไม่ได้มองหน้าคนฟังหรอกนะ แล้วก็แค่นั้นระหว่างเราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก สุดท้ายแล้วเมื่อพ้นคืนนี้ไปเราก็จะกลายเป็นคนแปลกหน้า ไม่ต้องเจอ ไม่จำเป็น ไม่รู้จัก
เสมือนว่าคืนนี้เป็นเพียงแค่ฝันร้ายที่ปะปนเข้ามากับฝันดีเท่านั้น...
คืนนั้นเทวินทร์ขับรถมาส่งฉันยังบ้านพัก แต่ก็ไม่ใช่บ้านพักของฉันจริง ๆ หรอก ฉันหลอกให้เขาจอดเยื้องห่างจากที่อยู่จริง ๆ ไปเกือบ 4 หลัง คนเพิ่งรู้จักใครจะไปกล้าให้ส่งหน้าบ้านของเราถูกไหม?
อย่างที่บอกเรารู้จักกันภายในคืนเดียวเพราะความผิดพลาดทางเทคนิคพิชิตร่างกายไม่สำเร็จ ถึงจะรู้จักชื่อแต่ความรู้สึกระหว่างเราก็ยังเป็นคนแปลกหน้าต่อกันอยู่ดี อีกอย่างผู้ชายเข้าใจอารมณ์ยากอย่างเขาน่ะ ชาตินี้อย่าเจอกันอีกเลยยิ่งดี!
“หาวววว~”
“เมื่อคืนนอนไม่พอเหรอ?” เสียงเรียบนิ่งแฝงด้วยความเยือกเย็นของกระถินเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าฉันเอาแต่อ้าปากหาวหวอด ๆ ด้วยอาการง่วงเหงาหาวนอน แน่นอนว่าฉันก็ไม่ได้ปฏิเสธ พยักหน้าหงึกหงักตอบกลับไป
“เมื่อคืน ฉันนอนดึกไปหน่อย”
“แล้วทำไมไม่นอนต่อ ปลุกฉันมาทำอะไรที่มหาวิทยาลัยแต่เช้าล่ะ?”
“ก็วันนี้มันเป็นวันสำคัญนี่...” ฉันบอกกระถินยิ้ม ๆ แม้ว่าอีกฝ่ายจะดูไม่มีอารมณ์ร่วมเท่าไร พูดง่าย ๆ ก็เพื่อนฉันคนนี้เป็นคนนิสัยค่อนข้างแปลก และเป็นพวกความรู้สึกไม่อยู่กับร่องกับรอยเดี๋ยวรู้สึกไวเดี๋ยวรู้สึกช้า แต่ส่วนใหญ่เธอมักเชื่องช้าเหมือนพวกสล็อตมากกว่า...
“...” คนฟังนิ่งไป นั่นอาจแปลได้ว่าเธอกำลังคิดอยู่
ค่ะ! วันนี้มันคือวันสำคัญ เป็นวันเสาร์ของการพบเจอกลุ่มบุคคลที่ฉันคลั่งไคล้และหลงใหลมากที่สุดในชีวิต อย่างวง SWAG บัตร Staff ที่ทอร์ชให้มาเมื่อวันก่อนระบุวันเวลาสำหรับเข้างานตอน 11.40 น. เพราะแบบนั้นต่อให้จะง่วงมากแค่ไหนฉันก็ต้องแหกตาตื่นอยู่ดี
ปกติแล้วฉันมักจะไปนั่งรอต้อนรับศิลปินในดวงใจที่หน้างาน แต่ว่าวันนี้ฉันไม่ต้องทำแบบนั้นแล้ว เพราะสิทธิ์ของบัตร Staff แสนวิเศษในมือมันสามารถทำให้ฉันผ่านไปด้านหลังงานเพื่อพบกับอปป้าจากแดนกิมจิได้ในระยะใกล้ ๆ
ที่อยู่ในหัวตอนนี้ก็คงมีความคิดเดียว มันคือความคิดซึ่งเต็มไปด้วยความหวัง หวังว่าวอร์อปป้าจะจำฉันได้แบบที่เขาทักเมื่อคืน...
“อ๋อ...” จู่ ๆ กระถินก็ร้องลากเสียงออกมาเหมือนนึกอะไรออก ฉันที่ปล่อยให้เธอคิดมาสักพักจึงหันไปทำตาวาวใส่ เพราะคิดว่าเธออาจจะรู้แล้วว่าวันนี้สำคัญกับฉันยังไง
แต่ก็เปล่า...
“ฉันนึกออกแล้วว่าจะไปเข้าห้องน้ำ...” เธอดันพูดในสิ่งที่ต่างออกไป “เธอเดินไปรอฉันที่ลานน้ำพุก็ได้ จะได้ไม่เสียเวลาคอย”
“ลานน้ำพุตรงสวนหย่อมหน้ามหา'ลัยน่ะเหรอ” ฉันถาม กระถินจึงพยักหน้า
“โอเค อย่าช้านักล่ะ” อีกหนที่เธอพยักหน้ารับคำ ก่อนค่อย ๆ ลุกออกจากโต๊ะไป
อย่างเชื่องช้า =_=…
เพราะไม่มีทางเลือกใดนอกจากทำใจรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น การปลีกตัวลุกออกจากโต๊ะม้าหินตามข้อตกลงของกระถินเลยเป็นสิ่งที่ฉันเลือกทำ แม้ลึก ๆ จะรู้ว่าเพื่อนคนนี้เคลื่อนไหวและทำตัวเชื่องช้าเป็นเต่าคลานก็ตาม
ฉันใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีพาตัวเองมานั่งรอกระถินบริเวณลานน้ำพุทรงกลมขนาดใหญ่ โดยหยิบบัตรสตาฟฟ์ที่ได้จากทอร์ชพร้อมด้วยของแจกแฟนด้อมเดียวกันขึ้นมาเชยชมฆ่าเวลา อีกไม่กี่นาทีงานแฟนไซน์ก็กำลังจะเริ่มแล้ว ถึงตอนนั้นวอร์อปป้ายังจะจำหน้าฉันได้อยู่หรือเปล่านะ
ฮึ้ยย คิดแล้วก็อยากจะเร่งสปีดความไวใส่กระถินให้รู้แล้วรู้รอด ฮืออ อยากเจอวอร์อปป้าใกล้ ๆ อีกสักครั้งจังเลย!
และมันก็เหมือนทุกที เมื่อใดที่เริ่มคิดถึงอปป้าที่อยู่สุดเอื้อมมือ ฉันก็มักจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาคุยกับแฟนคลับกลุ่มเดียวกัน ด้วยการโพสต์ข้อความถามไถ่เหล่าแฟนด้อมเรื่องงานไซน์ที่จะจัดขึ้นในวันนี้
ขุ่นแม่กาละแมร์ :: วันนี้มีใครมางานไซน์บ้างคะ เรามีของแจกหน้างานนะ
เพียงโพสต์ถามไม่นาน เหล่าสมาคมติ่งแฟนด้อมเดียวกันต่างก็พากันมาตอบข้อความกันอย่างล้นหลาม
วอร์ฮยองแฟนลี้จึน :: หนูค่าขุ่นแม่ แล้วเจอกันนะคะ
ตาหนูอุนมยองของบ่าว :: หนูมีทุเรียนทอดไปแจก เดี๋ยวเรามาแลกกันนะคะขุ่นแม่
หลัวหนูชื่อลี้ลี้ :: แล้วเจอกันค่าา!
หลายสิบข้อความจากแฟนด้อมเดียวกันทำฉันหลุดยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้ยามต้องมานั่งไล่อ่าน และเชื่อไหมฉันไม่เคยรู้สึกเบื่อกับการอ่านข้อความของกลุ่มนี้เลยสักครั้ง แต่ไม่นานนักความเงียบสงบบริเวณลานน้ำพุก็ถูกทำลายลง เมื่อวินาทีนั้นมีเสียงของเครื่องยนต์คันแรงขับเลี้ยวเข้ามาจอดบริเวณใกล้ ๆ เรียกความสนใจจากสายตาฉันให้หันมองได้โดยอัตโนมัติ
ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือรถคันหรูถูกแต่งเครื่องให้ดูสวยและแรงตามสไตล์ของคนที่ชอบความเร็ว อาจเพราะฉันได้มีโอกาสเผชิญโลกของคนจำพวกนั้นมาแล้วมั้ง เพียงแค่มองถึงได้ดูออกได้โดยไม่ยาก
กึก! ตึง!
แต่แล้วชื่นชมความสวยและความดูดีของรถราคาแพงตรงหน้าได้ไม่ทันไร ฉันก็ต้องเบิกตากว้าง เมื่อเจ้าของรถปรากฏกายขึ้นในระยะห่างเพียงหนึ่งเมตร ร่างกายตอบรับกับร่างชายหนุ่มที่ปรากฏตรงหน้าด้วยการกระโดดหมอบลงบริเวณแท่นกั้นของลานน้ำพุเพื่อซ่อนตัวอย่างไม่ต้องสงสัย
ทำไมน่ะเหรอ?
ก็เพราะไอ้ผู้ชายคนที่ลงจากรถคันนั้นมันคือคนคนเดียวกับที่เกือบพาฉันไปตายมาตลอดทั้งคืนน่ะสิ!
ตึก... ตึก... ตึก...
ไม่รู้ว่าเวรซ้ำกรรมซัดอะไร ทั้งที่ตั้งใจหลบให้พ้นจากสายตา แต่ว่าสิ่งที่ตามมามันดันเป็นเสียงฝีเท้าของใครสักคนที่เดินเข้ามาใกล้ตรงจุดที่ฉันยืนอยู่ แต่ไม่นานหรอกเสียงเดินดังกล่าวก็เงียบไป
“ฮัลโหลครับ...อ๋อพ่อเหรอ? วินทร์ไม่ไปอะ ลำไย” แต่เปลี่ยนเป็นเสียงพูดคุยโทรศัพท์ในระยะที่ใกล้แทน
ฉันค่อย ๆ เกาะขอบแท่นกั้นน้ำพุชำเลืองมองเจ้าของเสียงในสภาพเหมือนคนมีความผิด ก่อนพบว่าผู้ชายคนนั้นคือเทวินทร์จริง ๆ แถมเขายังยืนอยู่อีกฟากของลานน้ำพุเหมือนกับกำลังรอใครอยู่
“แค่นี้ก่อนนะพ่อ วินทร์มีนัด” นั่นไง เขานัดกับใครเอาไว้จริง ๆ ด้วย
ให้ตายสิ! ไปนัดกันที่อื่นไม่ได้หรือไงนะ!
อันที่จริงแล้วฉันไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องหลบหน้าเขาหรอก แต่ก็อย่างที่บอกการไม่เจอหน้ากันเลยหลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนมันน่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า ถึงจะคิดและทำแบบนั้นแต่การต้องมาคอยหลบ ๆซ่อน ๆ อย่างคนมีพิรุธมันก็ทำเอาใจฉันเต้นอย่างลุ้นระทึกอยู่ตลอดเวลา สายตาพลางกวาดมองหาเพื่อนรักที่ไม่รู้จะโผล่มาตอนไหนด้วย
กึก...
“รอนานไหมวินทร์” อีกครั้งที่ต่อมเผือกของฉันดันเริ่มทำงาน เมื่อจังหวะที่บรรยากาศรอบตัวเงียบดันมีเสียงฝีเท้าอีกคู่ดังแทรกขึ้นมาพร้อมกับคำทักทายของผู้หญิง ไม่ต้องมองก็พอเดาได้ว่าเธอน่าจะเป็นคนที่เทวินทร์นัดเอาไว้ที่น้ำพุนี่
แต่ถึงจะเดาออกฉันก็ยังแอบลอบมองคนทั้งคู่อยู่ดี
เทวินทร์เวลานี้เขาสวมเสื้อยืดสีดำคลุมทับด้วยเสื้อหนังสีเดียวกันสไตล์เดียวกับที่ฉันเจอเมื่อคืน ดูท่าแล้วกางเกงที่สวมอยู่ก็น่าจะตัวเดิมด้วยเช่นกัน
“วินทร์มีอะไรเหรอถึงเรียกเราออกมาแบบนี้?” ส่วนหญิงสาวที่เป็นแขกของเทวินทร์นั้น ถ้ามองไม่ผิดรู้สึกว่าเธอจะเป็นรุ่นพี่ฉันปีหนึ่ง เรียนคณะเดียวกัน เธอสวยและเป็นที่รู้จักของคนในคณะ ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะชื่อว่า ‘ปลาดาว’ หรืออะไรสักอย่างนี่แหละ
“เรื่องเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ให้มันเป็นโมฆะไป”