อุ่นเรือนรีบผวาเข้ากอดเจ้านายสาวที่นั่งร้องไห้สะอื้นอยู่ที่แปลงกุหลาบ
“ป้าขา... ดอกกุหลาบของแม่ คนใจร้ายพวกนั้น ฮึก...ฮือ”
พิณทิราพูดเสียงเศร้า ก้อนสะอื้นแล่นมาจุกแน่นจนหญิงสาวพูดไม่ออก
“โธ่... คุณพิณไม่เป็นอะไรแล้วนะคะ อดทนหน่อยนะคะ อาทิตย์หน้าก็สอบแล้ว คุณพิณเรียนจบก็ไปจากที่นี่เถอะค่ะ ไปอยู่ที่อื่น เรามีวิชาความรู้ คนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ อย่าอยู่ทุกข์ทรมานที่นี่อีกเลย”
อุ่นเรือนพูดอย่างสงสารจับใจ
“ป้าขา... พิณจะอกตัญญูหรือเปล่าคะ ถ้าทิ้งคุณท่านไป คุณแม่เคยสั่งเอาไว้ให้พิณดูแลคุณท่านให้ดี”
พิณทิราเงยหน้าที่นองไปด้วยน้ำตาถามแม่บ้านสูงวัยซึ่งเป็นที่พึ่งให้เธอในเวลานี้
“โธ่... คุณพิณช่างเป็นคนดีเสียจริง โดนขนาดนี้ยังมีแก่ใจนึกถึงคนอื่นอีก ป้าจะช่วยดูแลคุณไอศูรย์เองค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้หรอก หัดเป็นห่วงตัวเองบ้างนะคะ ห่วงแต่คนอื่น นี่ดูสิบอบช้ำไปหมดแล้ว”
นางอุ่นเรือนบอกด้วยน้ำเสียงสงสารจับใจ มักมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งระหว่างที่ไอศูรย์ไม่อยู่ แต่พอต่อหน้าสองแม่ลูกก็แสร้งทำเป็นดี
“แล้วนี่ตายแล้ว มือโดนหนามกุหลาบตำหมดแล้ว ทำไมไม่รู้จักระวัง”
อุ่นเรือนรีบดึงต้นกุหลาบที่มีหนามแหลมคมออกจากมือของเจ้านายสาว
“ช่างเถอะค่ะป้า เจ็บแค่กาย ใส่ยาก็หาย”
เธอพูดเสียงเศร้าเพราะหัวใจที่ร้าวราน
“แล้วนี่เงินอะไรคะ”
อุ่นเรือนหันไปหยิบเงินที่ตกอยู่ใกล้ๆ ร่างอรชรบอบบางขึ้นมา
“คุณวิเธอให้พิณไปซื้อส้มต้มกับไก่ย่างมาให้เธอน่ะค่ะ”
พิณทิรารีบเก็บเงินนั้นมาถือเอาไว้
“เอะ! คุณวิเธอทานส้มตำด้วยเหรอคะ”
อุ่นเรือนถามด้วยความสงสัย ปกติวิธาดาค่อนข้างจะเรื่องมากด้านอาหารการกิน ขนาดการแต่งตัว ทุกสิ่งทุกอย่างรอบกายต้องดูดี เลิศเลอและไม่มีที่ติ ไม่เช่นนั้นระเบิดลูกใหญ่คงลงแน่ ถ้าสาวใช้หรือคนรอบข้างทำอันใดไม่ถูกใจ นางจึงแปลกใจว่าเหตุใดวันนี้คุณหนูของบ้านจึงอยากกินส้มตำไก่ย่างขึ้นมาได้ เพราะถ้าไม่ใช่อาหารหรูหรารสเลิศวิธาดาจะไม่แตะ ยิ่งอาหารข้างทางยิ่งไม่เคยเหลียวมอง แม้จะอร่อยแค่ไหนก็ตาม
“พิณก็ไม่ทราบค่ะ แต่พิณต้องรีบไปซื้อก่อนนะคะป้า เดี๋ยวคุณวิจะโมโหเอาอีก”
“ให้นังแมวไปซื้อให้เถอะค่ะ คุณพิณไปพักดีกว่า ดูสิสภาพแทบดูไม่ได้”
แม่บ้านสูงวัยรีบบอก แม้พิณทิราจะเป็นบุตรสาวของคนรับใช้ในบ้านอย่างปิยฉัตร แต่ทุกคนก็รู้ว่าเด็กสาวอาภัพคนนี้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของอดิศร ดังนั้นอุ่นเรือนและแมวซึ่งเป็นสาวใช้อีกคนจึงเรียกพิณทิราว่าคุณ
“อย่าเลยค่ะ คุณวิสั่งพิณ เดี๋ยวจะโมโหเอาอีก พิณไม่อยากให้พี่แมวเดือดร้อน” พิณทิรารีบปฏิเสธ
“โธ่... เป็นห่วงคนอื่นอีกแล้ว งั้นถ้าจะไปจริงๆ ต้องล้างหน้าล้างตาก่อนนะคะ เดี๋ยวป้าจะมัดผมให้ใหม่ แล้วก็ใส่ยาทำแผลให้ด้วย ไม่อย่างนั้นแผลจะอักเสบเอาได้”
“ค่ะป้า”
พิณทิราพาร่างอันอ่อนแรงตามแม่บ้านสูงวัยเข้าไปล้างหน้าล้างตาอย่างไม่อิดออด เธอทั้งแสบทั้งปวดไปหมดแต่ก็ทน
อุ่นเรือนรีบทำแผลให้เจ้านายสาวด้วยความสงสาร ก่อนจะเก็บยาเข้ากล่องแล้วถอนใจแรงๆ
“หนูไปก่อนนะคะป้า ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นหรอกค่ะ หนูไม่เป็นอะไรแล้ว”
พิณทิรากอดแม่บ้านสูงวัยอย่างประจบประแจงไม่อยากให้อีกฝ่ายเป็นห่วงมากนัก
“งั้นรีบไปรีบกลับนะคะ”
อุ่นเรือนนึกเอ็นดูเมื่อได้ยินเสียงออดอ้อนของเด็กสาว ห่วงใยอีกฝ่ายจับใจ
“ค่ะป้า”
พิณทิรารีบลุกขึ้นเดินออกจากบ้านไปซื้อของที่วิธาดาต้องการอย่างไม่อิดออด
สองแม่ลูกอดทนให้อีกฝ่ายทำแผลเสร็จ สบตากันอย่างสมใจ มองตามร่างของพิณทิราออกไปไม่แตกต่างจากอุ่นเรือน แต่มองไปด้วยความประสงค์ร้าย...
คราวนี้ทั้งสองมุ่งหมายว่าต้องกำจัดมารหัวใจสำเร็จให้จงได้ โดยเฉพาะกานดาที่นึกหวั่นใจเรื่องบางเรื่องเกี่ยวกับสามี
“จะรีบไปไหนจ๊ะน้องสาว”
พิณทิรารีบเร่งฝีเท้าเมื่อมีกลุ่มชายฉกรรจ์สามคนเดินมาดักหน้าดักหลัง
“ว้าย! ปล่อยนะ”
เธอสะบัดแขนจากการเกาะกุมเมื่อพวกมันเข้าฉุดกระชากลากถู ไม่สนว่าอีกฝ่ายจะดิ้นขนาดไหน
“ใครจะปล่อยน้องสาวไปล่ะจ๊ะ สวยๆ แบบนี้ไปสนุกกับพี่ดีกว่า” พวกมันพูดด้วยความหื่นกระหาย
“อย่าทำอะไรฉันเลยนะ อยากได้อะไรเงินเหรอ ฉันไม่มีให้ แต่ตามปะ... ไปเอาที่บ้านได้ไหม”
พิณทิราบอกเสียงสั่น เธอไม่ได้พกเงินติดตัวมาเลย นอกจากเงินทอนไม่กี่สิบบาทจากค่าส้มตำไก่ย่างที่วิธาดาให้
“เงินน่ะไม่ต้องการ แต่ต้องการน้องสาวไปทำเมียน่ะจ้ะ ไปกับพวกพี่เถอะ รับรองขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ด สนุกหลุดโลกไปเลย”
พวกมันรีบกระชากแขนหญิงสาวเข้าข้างทางเพราะมองแล้วปลอดคน
“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที ว้าย!!!”
พิณทิราร้องสุดเสียงด้วยความหวาดกลัวสุดขีด
“ฤทธิ์มากนักนะนังนี่”
เมื่อลากเจ้าหล่อนแล้วไม่ยอมไปดีๆ แถมยังดิ้นหนีร้องให้คนช่วย ทำให้พวกมันตบเข้าข้างแก้มเหยื่อเต็มแรง
พิณทิราน้ำตาร่วงเมื่อโดนตบซ้ำกับรอยที่วิธาดาฝากเอาไว้ก่อนหน้า พวกมันหาผ้ามาอุดปากเอาไว้ไม่ให้ส่งเสียงร้องได้อีก แล้วรีบฉุดกระชากลากพาร่างอรชรเข้าข้างทางโดยไว
“โอ๊ย!!!”
ระหว่างที่กำลังทุลักทุเลลากร่างที่ยังมีสติดิ้นรนก็ต้องร้องเสียงหลง เพราะโดนไม้ขนาดเหมาะมือฟาดไม่ยั้งที่ไหล่และเขน
“รังแกผู้หญิงไม่มีทางสู้หรือไง ไอ้พวกหน้าตัวเมีย”
สิงหรัตน์รัวกำปั้นและบาทากระทืบซ้ำพวกอันธพาลฝีมือกระจอกไม่ยั้ง หลังจากโยนไม้ไปอีกด้านโดยไม่ให้พวกมันตั้งตัวได้
“โอ๊ย!!! ใครวะ” พวกมันร้องด้วยความเจ็บ
“พ่อมึงไง” เสียงห้าวตวาดตอบกลับมา
พวกมันรีบควักมีดออกมาหวังจะจ้วงแทงอีกฝ่ายให้ตายคามือ แต่สิงหรัตน์ดึงปืนที่เหน็บเอวออกมาอย่างรวดเร็ว อาวุธที่ต่างกันทำให้พวกมันผงะหน้าซีดเผือด
“อยากตายไปลงนรกก็เข้ามาเลย มืดกับปืนอะไรจะแน่กว่ากัน”
ชายหนุ่มพูดสียงกร้าวดวงตาดุดันกวาดมองพวกมันทีละคนอย่างไม่เกรงกลัว ไอ้อันธพาลสามคนรีบวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน แทบไม่ต้องให้อีกฝ่ายพูดซ้ำ ดวงตาวาวโรจน์ที่ดูหน้ากลัวและจริงจังทำให้พวกมันไม่กล้า
“ขะ.. ขอบคุณค่ะ”
พิณทิรากล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก รีบยกมือขึ้นไหว้ชายหนุ่มผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือเธอเอาไว้ หากไม่ได้เขาเธอยังไม่รู้เลยว่าตัวเองจะเป็นเช่นไร แต่พอเงยหน้ามองชัดๆ ต้องสะดุ้งเนื่องจากคนที่เข้ามาช่วยเหลือเธอกลับหน้าตาเหี้ยมโหดหนวดเครารกรุงรังน่ากลัวไม่ต่างกันกับพวกที่หนีไปเมื่อครู่
... แต่คนเราดูที่หน้าตาไม่ได้ มารดาเคยสอนเสมอว่าให้ดูคนที่จิตใจ ถึงแม้เขาจะดูหน้าเหี้ยมแต่เป็นผู้มีพระคุณที่มาช่วยเธอเอาไว้ ถือว่าเขาเป็นคนดีระดับหนึ่ง เมื่อเปรียบเทียบกับกานดาและวิธาดาที่เป็นผู้ดีในสังคมชั้นสูงแต่จิตใจโหดร้ายยิ่งกว่า
“เป็นยังไงบ้าง วันหลังหัดระวังตัวหน่อยเวลาไปไหนมาไหนคนเดียว”
เขาเอ่ยเตือนด้วยความเป็นห่วง ดวงตาคมเข้มสีสนิทเหล็กกวาดมองรูปร่างอรชรอย่างถี่ถ้วนโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันรู้ตัว
“ขอบคุณค่ะ”
“พูดเป็นอยู่คำเดียวหรือไง”
“เอ่อ...”
พิณทิราอ้ำอึ้งไม่รู้จะพูดอะไรกับเขาดี หญิงสาวเดินไปหยิบของที่วิธาดาสั่งซื้อมาตรวจดูสภาพ มันแทบดูไม่ได้ เธอคงโดนวิธาดาทุบตีอีกเป็นแน่หากนำถุงข้าวเหนียว ส้มตำและไก่ย่างสภาพนี้กลับไป
“มันกินไม่ได้แล้วล่ะ สงสัยคงต้องไปซื้อใหม่ บ้านอยู่แถวนี้เหรอ”
สิงหรัตน์แสร้งถาม