“เจ้านายครับ เราค้นทั่วแล้ว ไม่พบคุณวาวพลอยครับ” บอดีการ์ดที่แยกย้ายกันออกไปค้นหัวทั่วตัวบ้าน และรอบๆ แล้วไม่พบตัววาวพลอยมารวมกันแล้วรายงานเจ้านาย...
สายตาจากดวงตากลมโตของจันทร์เจ้าขาที่มองคมเพชรกับน้ำเงินเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อฉายแววสะใจออกมา ชายหนุ่มสองคนมองหน้ากันอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าวาวพลอยไม่ได้อยู่ที่นี่
“ฉันบอกแล้วว่าพวกคุณจะต้องขอโทษที่ปรักปรำว่ายายพลอยแอบหนีตามพี่ชายฉันมา... ดูถูกพวกฉันไม่พอยังดูถูกยายพลอยด้วย... อายไหม” จันทร์เจ้าขาถามเสียงเยาะ
“สมน้ำหน้า.... บอกแล้วว่าพี่พลอยไม่อยู่ที่นี่ มาทำเก๋าแม่จะแจ้งตำรวจให้ตายหมดเลย” รัศมีดาราเองก็สะใจมากไม่แพ้พี่สาวที่สองคนนั้นได้รู้ว่าวาวพลอยไม่ได้อยู่ที่นี่
“อย่าทำปากดีนัก... ถึงยายพลอยไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ผมเชื่อว่าพวกคุณมีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้ยายพลอยหนีออกจากบ้าน... ถ้าจับได้คาหนังคาเขาเมื่อไหร่ เถียงให้ออกก็แล้วกัน โดยเฉพาะแก ไอ้อาทิตยะ แกควรรู้ดีนะว่าจะทำยังไง ถ้าแกยังยุ่งกับยายพลอยอีก ไม่ใช่แค่แกที่จะเจ็บคนเดียว... จำเอาไว้” คมเพชรพูดกับอาทิตยะแต่สายตาของเขาไม่ละจากจันทร์เจ้าขาที่จ้องมองมาที่เขาอย่างเคียดแค้น...
ดวงตาสองคู่มองกันอย่างไม่ยอมลดละ ก่อนที่คมเพชรจะเรียกลูกน้องให้กลับออกไปทั้งหมด...
“พวกเขาทำกับเราอย่างนี้แล้วเดินออกไปหน้าด้านๆ อย่างนี้เหรอคะ” รัศมีดาราโวยวาย
“พี่ไม่ปล่อยให้เรื่องนี้จบง่ายๆ แน่ พี่จะเอาภาพที่พวกเขามาบุกรุกเราพร้อมกับผลตรวจร่างกายของพี่รพีไปแจ้งความ... งานนี้ได้ฉาวโฉ่เป็นมหากาพย์ใหญ่แน่ ต่อให้สำนึกมากราบเท้าขอโทษพี่ก็จะไม่ยอมความ” จันทร์เจ้าขาประกาศกร้าวสายตามองไปที่พี่ชายด้วยความสงสารคิดว่าอาทิตยะความเจ็บปวดคงทำให้เขาไม่พูดไม่จาและไม่มีแรงตอบโต้คนพวกนั้น ถ้าหากเขาไม่ถูกรุมทำร้ายเขาจะไม่ปล่อยให้พวกนั้นได้เดินออกไปแบบนี้แน่
รถพยาบาลมาที่บ้าน บุรุษพยาบาลเข็นเปลนอนตรงรี่เข้ามารับอาทิตยะไปขึ้นรถไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจรักษา ช่วงเวลาที่รัศมีดาราวิ่งไปปิดประตูหลังบ้าน เพื่อจะตามไปดูอาการอาทิตยะที่โรงพยาบาล พี่คนโตของบ้านก็มองหน้าจันทร์เจ้าขาที่ตามมาส่งเขาถึงรถพยาบาล
“พระจันทร์ ไม่ต้องทำอะไรตอบโต้เขาไป ไม่ต้องแจ้งความและห้ามทำอะไรให้เป็นข่าวเด็ดขาด” อาทิตยะพยายามฝืนพูดกับน้องสาว
“ทำไมคะพี่รพี ทำไม” หล่อนย่นคิ้ว ก่อนที่จะเบิกตาโพลง การที่พี่ชายหล่อนพยายามไม่ตอบโต้คมเพชรกับน้ำเงินทั้งที่ไม่ใช่คนที่ยอมอ่อนข้อให้ใครหรือยอมให้ใครก่นด่าง่ายๆ ถ้าไม่ผิด หญิงสาวเอะใจและเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองคิด “หรือว่าพี่กับยายพลอยทำอย่างที่เขาว่าจริงๆ”
“พี่ขอโทษ ที่ไม่เคยบอก” อาทิตยะแค่นเสียงพูดได้แค่นั้น... ก่อนที่เขาจะไอโขลกๆ แล้วถูกเข็นเข้าไปในรถพยาบาล บุรุษพยาบาลเอ่ยขออนุญาตหล่อนปิดประตูรถเพื่อจะรีบไป เพราะจันทร์เจ้าขากับรัศมีดาราบอกพวกเขาไว้แต่แรกแล้วว่าจะขับรถตามไป
“พี่พระจันทร์ ไปกันค่ะ” รัศมีดาราวิ่งมาเขย่าแขนจันทร์เจ้าขาที่ยืนนิ่งเงียบงันราวกับว่าวิญญาณได้หายไปจากร่าง เพราะกำลังช็อกกับสิ่งที่เพิ่งรับรู้...
พี่ชายหล่อนกับวาวพลอยบอกหล่อนเสมอว่าไม่มีอะไรมากกว่านั้น ตอนที่คมเพชรต่อสายมาต่อว่าหล่อนที่หล่อนสนับสนุนให้สองคนนั้นคบกันหล่อนก็เถียงเสียงแข็งมาตลอด เพราะเชื่อพี่ชายกับเพื่อน ขนาดเรื่องที่วาวพลอยหนีออกจากบ้านแล้วคมเพชรมาตามหล่อนก็ยังเถียงเขาสุดใจไม่ยอมรับเพราะไม่คาดคิดมาก่อนว่าสิ่งที่คมเพชรพูดจะเป็นความจริง ความจริงที่อาทิตยะเพิ่งยอมรับมันไป...
หล่อนงงจนหัวแทบแตก ไม่อยากจะเชื่อเรื่องระหว่างอาทิตยะกับวาวพลอย... ถ้อยคำที่หล่อนเถียงคมเพชรเพื่อปกป้องว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างสองคนนี้ยังก้องอยู่ในหู หล่อนน่าจะฉุกคิดว่าทำไมคนที่รอบคอบอย่างคมเพชรถึงได้มั่นใจมากบุกค้นหาวาวพลอยที่บ้านหล่อนอย่างอาจหาญไม่เกรงกลัว
มันเพราะอย่างนี้เอง!
“พี่พระจันทร์” รัศมีดาราสะกิดแขนพี่สาวที่ยังยืนนิ่งอยู่ “ไปกันเถอะค่ะ”
จันทร์เจ้าขาตั้งสติขับรถพาน้องสาวตามรถพยาบาลไปห้องฉุกเฉินโรงพยาบาล แต่กระนั้นใจหล่อนก็ยังกระหวัดคิดไปถึงเรื่องที่พี่ชายกับเพื่อนรักของตัวเองแอบคบกันและปิดบังหล่อนมาตลอด...
หล่อนไม่เคยรู้มาก่อน มันก็คงจะเหมือนกับที่ทุกคนไม่เคยรู้ว่าหล่อนกับคมเพชรเคยคบกันมาก่อน คบกันจนเลิกกันก็ไม่มีใครรู้เพราะหล่อนปิดบังครอบครัวและเพื่อนรักอย่างวาวพลอยมาตลอด ถึงตอนนี้วาวพลอยคบกับอาทิตยะโดยที่ทั้งสองเองก็ปกปิดหล่อนเช่นกัน..
กรรมคงตามมาสนองหล่อนใช่ไหม...