ในขณะที่เด็กๆ คนอื่นเริ่มรู้งานกรูเข้ามาต่อแถวซารัง แต่แม่หนูน้อยย่นคิ้วพลางลอบชำเลืองมองซาลาเปาลูกโตรสกลมกล่อมหอมหวานที่เคยกัดกินแล้วรู้ดีว่าอร่อยลิ้นเกินห้ามใจ ลูกเดียวคงไม่พอ
“คุณหนูเจ้าขา” ซารังยกแขนป้อมๆ ขึ้นมากุมสองแก้มที่เนื้อสีขาวอมชมพูล้นมือราวกับเป็นซาลาเปาใบโตที่กินเท่าไรก็กินไม่หมด “นี่แก้มของซารังเจ้าค่ะ ไม่ใช่ซาลาเปา แก้มกินไม่ได้นี่เจ้าคะ”
ถ้าเรื่องกินนั้นซารังไวนัก หนูน้อยจะหาทางพูดให้ได้กินมากกว่าคนอื่นเสมอ “ซารังตัวเล็กที่สุดในจวน คุณหนูบอกว่าซารังต้องกินเยอะๆ จะได้โตไวๆ คุณหนูให้ซารังสามใบได้ไหมเจ้าคะ”
จางหยูเฟยหลุดขำพรืด “สามใบแล้วเจ้าจะกินหมดหรือ จะเอาซาลาเปาเก็บไว้ตรงไหน ตัวก็เล็กนิดเดียว”
เด็กหญิงพามือน้อยๆ ไปลูบพุงกลมๆ “ซารังตัวเล็ก แต่มีพุงใหญ่ เก็บซาลาเปาได้เยอะเจ้าค่ะ สี่ใบก็ยังได้”
จางหยูเฟยส่ายหน้าในความช่างคิดของซารัง แล้วกล่าวอย่างเอ็นดู
“จะรู้มากเกินไปแล้วซารัง กินซาลาเปามาก โตขึ้นเจ้าจะไม่สวย จะไม่มีคุณชายคนไหนมองเจ้ารู้ไหม”
นางเอ็นดูซารังเป็นพิเศษและเลี้ยงดูประดุจเครือญาติ แต่ต่อหน้าเด็กๆ ทุกคนในจวน หยูเฟยต้องแจกซาลาเปาให้เท่าเทียมกันเพื่อจะได้ไม่เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ
“เจ้าเอาไปกินให้หมดเสียก่อน ไม่อิ่มค่อยมาเอาใหม่” จางหยูเฟยหยิบซาลาเปาอุ่นๆ ส่งให้ซารังแล้วสั่งให้สาวใช้ของนางแจกซาลาเปาและหมั่นโถวให้เด็กๆ ทุกคนในจวน ใครกินหมดแล้วค่อยมาเอาเพิ่มได้ ให้กินจนกว่าจะอิ่ม
เมื่อเห็นเด็กน้อยรับซาลาเปาลูกโตที่อัดแน่นไปด้วยไส้รสอร่อยไปแล้ว จางหยูเฟยลอบมองซารังน้อยแล้วสงสารจับใจ ไม่ควรเลย เหตุใดเล่าโชคชะตาเด็กน้อยถึงได้อาภัพนัก เปลือกตาอ่อนใสปิดลงช้าๆ พลางถอนใจ นางยังไม่รู้ว่าจะบอกเด็กหญิงตัวน้อยอย่างไรดีว่ายอนฮวา มารดาของเด็กหญิงได้หายสาบสูญไป
&&&&&&&&&&
นอกเมืองหลวง
เว่ยกงกงมองรอบข้างอย่างไม่ไว้วางใจ ก่อนจะถอนหายใจยาวออกมา ชีวิตคนเรามีขึ้นมีลง เมื่อวานเขาอยู่ในวังมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าขันที ดูแลตำหนักใหญ่รับใช้ใกล้ชิดฮ่องเต้ มีผู้ใต้บังคับบัญชามากมาย แต่ในวันนี้ต้องกลายมาเป็นฮูหยินม่ายหิ้วตะกร้ามาจับจ่ายตลาดเป็นเพื่อนลูกสะใภ้หม้าย เพราะลูกชายของนางตายในสนามรบ
“เจ้ามองอะไรอยู่หรือลี่ถิง”
เพราะลูกสะใภ้ของนางหยุดเดินอย่างกะทันหัน วันนี้สตรีงามที่เดินเคียงข้าง นางถูกอุปโลกน์ขึ้นมาให้อยู่ในสถานะสะใภ้ม่าย
สะใภ้ม่ายคนงามซึ่งมีนามว่าลี่ถิงฉีกยิ้มส่งมาให้แม่สามีอย่างมีจริตจะก้าน “ข้าพบของดีเจ้าค่ะท่านแม่”
พลันเสียงหวานชวนขนลุกหรี่ลงแล้วกระซิบที่ข้างหูแม่สามีด้วยน้ำเสียงเข้มน่าหวั่นเกรง แล้วเบนสายตาไปที่เป้าหมายซึ่งกำลังเลือกกระดาษอยู่ภายในร้านขายเครื่องเขียน
***“ไยหยกงามเนื้อดีเยี่ยงนั้น ปล่อยให้หลุดหูหลุดตาของข้าไปได้เยี่ยงไรเจ้าค่ะท่านแม่”***
ฮูหยินม่ายมองตามสายตาลูกสะใภ้
ลูกสะใภ้ของนางนิยมสะสมเครื่องประดับงดงามเอาไว้เป็นสมบัติส่วนตัวมากมาย แม่สามีได้แต่มองหน้าลูกสะใภ้ด้วยความสะพรึง ลูกสะใภ้คนนี้เอาแต่ใจนักหนา อยากได้อะไรต้องได้ ไม่เคยเชื่อฟังแม่สามี มีแต่แม่สามีต้องเชื่อฟังคำสั่ง
ก็จะไม่ให้เชื่อฟังคำสั่งได้อย่างไร...
ฮั่นหลิวตี้มีสนมอยู่เท่าไร พระองค์ไม่คิดจะจดจำเพราะรับเข้าวังมาเรื่อยๆ แต่ที่แน่ๆ หากสตรีที่งดงามเป็นจุดสนใจเรียกสายตาทุกคู่เยี่ยงนี้ ทำไมพระองค์จะไม่อยากได้ไปไว้อุ่นเตียง พระองค์ย่อมเลือกภาพวาดของนางให้เข้ามาถวายการรับใช้อย่างแน่นอน แล้วอาจจะผลักดันให้ขึ้นตำแหน่งสำคัญหากปรนนิบัติถูกใจ
ร้านค้าแห่งหนึ่งตรงหัวมุมถนนมีกระดาษทำจากเปลือกไม้และหมึกทำจากต้นรักวางขายกำลังเป็นที่น่าสนใจ ทว่าพระหัตถ์ขาวสะอาดกลับกำเข้าหากันแน่นด้วยความพิโรธ เพียงแต่สีพระพักตร์ยังวางเฉย วันนี้พระองค์บรรจงแต่งพระพักตร์เองอย่างงดงาม ล้วนเลียนแบบมาจากพวกสนมในวัง หากชักสีหน้ามากเกินไป เกรงว่าแป้งที่บรรจงทาไว้อย่างเรียบเนียนแต่หนาราวกับนางงิ้วจะแตกระแหงหลุดล่อนออกมา
“ลูกสะใภ้โปรดระงับอารมณ์สักนิด เรื่องนี้แม่สามีจะเร่งตรวจสอบให้”
เห็นรอยยิ้มเหี้ยมที่บอกว่าคำตอบยังไม่เป็นที่พอใจเท่าใด เว่ยกงกงก็ยิ่งหนาวสันหลัง ของดีหลุดหูหลุดตามาอยู่กลางตลาดเช่นนี้ ฝ่าบาทมาพบเข้าด้วยพระองค์เอง กลับไปคงมีคนถูกสอบสวนยาว
“หาคำตอบมาให้ข้าดีๆ ล่ะ ว่าทำไมนางถึงไม่ได้เข้ารับการคัดเลือกเข้าวัง”
หากอยู่ภายในพระราชวังใหญ่ สะใภ้ของฮูหยินม่ายผู้นี้คือฮ่องเต้ เจ้าชีวิตเหนือผู้คนใต้หล้า แต่เว่ยกงกงถูกสั่งไว้ก่อนที่โอรสสวรรค์จะยัดเครื่องแต่งกายแบบชาวบ้านมาให้ แล้วสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดว่า
***“หากอยู่นอกกำแพงวัง เจ้าเผลอตัวเรียกข้าว่าฮ่องเต้ ข้าจะตัดลิ้นเจ้า”***
***“พ่ะย่ะค่ะ”*** เว่ยกงกงขนลุกขนพอง ***“เยี่ยงนั้นฝ่าบาทจะให้กระหม่อมเรียกพระองค์ว่าอะไรพ่ะย่ะค่ะ”
ฮั่นหลิวตี้ขยับพระพักตร์งดงามจ้องเขม็งที่ทาสรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ แล้วคลี่ยิ้มเย็นชวนสยอง
***“เรียกข้าว่าลูกสะใภ้”***
***“ฝ่าบาท! ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ”***
***“มีคำว่าไม่ได้สำหรับข้าด้วยหรือ”***
คนฟังรีบหลบสายตา ***“ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ”***
แววตาคมปนหวานวาบขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ ***“ถ้างั้นก็หุบปากซะ แล้วทำตามที่ข้าสั่ง จำว่าอยู่นอกวัง เจ้าคือแม่สามีของข้า”***
***“พ่ะย่ะค่ะ แล้วฝ่าบาทจะเสด็จไปที่ใดพ่ะย่ะค่ะ”***
ฮั่นหลิวตี้คลี่ยิ้มเย็น ***“พรุ่งนี้เจ้าก็รู้เอง ปิดปากของเจ้าให้สนิทก็พอ หากเรื่องนี้ถูกแพร่งพรายไปถึงหูใคร เจ้าตาย”***
***“พ่ะย่ะค่ะ”***