“สวัสดีค่ะคุณหมอ”
เหล่าสาวพยาบาลกล่าวทักทายนายแพทย์หนุ่มรูปร่างสูงโปร่งที่กำลังเดินเข้ามาภายในโรงพยาบาล
“สวัสดีครับ”
เขาตอบทักทายพวกเธอตามปกติก่อนจะเดินตรงไปยังห้องทำงานของเขา หมอภัทรล้มตัวลงนั่งบนเก้าอี้ในห้องพลางเงยใบหน้าแหงนมองบนฝ้าเพดานด้วยอาการเหม่อลอย
แอ๊ด~ ประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมกับมีหญิงสาวผิวขาวหุ่นดี ที่อยู่ในชุดกาวน์คนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตู หมอภัทรเลื่อนใบหน้าออกไปมองรู้สึกแปลกใจที่ได้เห็นเธออยู่ที่นี่
“จะไม่เชิญเราเข้าไปหน่อยเหรอ”
แพทย์หญิงคนดังกล่าวเอ่ยกับแพทย์เจ้าของห้อง
“เข้ามาก่อนสิ แล้วเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงริน”
หมอภัทรเอ่ยถามกับหมอริน รินลดา หมอศัลยแพทย์ระบบประสาทและสมองที่เคยเรียนมาด้วยกันกับเขามา แต่หลังจากเรียนจบทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป
“ฉันย้ายมาทำงานที่นี่แล้วล่ะ”
“ที่นี่ ที่โรงพยาบาลของฉัน”
หมอภัทรเลิกคิ้วถามหญิงสาวตรงหน้า เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพ่อกับแม่จะรับศัลยแพทย์เพิ่ม
“ใช่ นายดูแปลกใจมากเลยนะ ไม่ดีใจรึไงที่เราจะได้อยู่ด้วยกันเหมือนเมื่อก่อน”
หมอรินเอ่ยขึ้นถึงเหตุการณ์ครั้งที่พวกเขาเคยเรียนด้วยกันที่เมืองนอก พวกเขามีกลุ่มเพื่อนอยู่สามคนที่ได้ไปเรียนด้วยกัน และพวกเขายังอยู่บ้านหลังเดียวกันอีกด้วย ดังนั้นเวลาไปไหนมาไหนจึงไปด้วยกันตลอด ช่วงหลังเพื่อนของเขาอีกคนย้ายออกไปอยู่กับคนรักจึงเหลือแค่เธอกับเขาสองคนเท่านั้นที่อยู่ในบ้านด้วยกัน
“เปล่า ก็ดีใจนะที่ได้หมอเก่งๆ อย่างเธอมาร่วมงาน แค่แปลกใจนิดหน่อยที่ไม่คิดว่าเธอจะย้ายมาที่นี่”
“เรากะจะมาเซอร์ไพรส์นายไง”
ใบหน้าของเธอเผยรอยยิ้มกว้างแสดงความดีใจเป็นอย่างมาก ที่ได้กลับมาเจอหน้ากันอีกครั้งหลังจากแยกกันไปเกือบสองปี
“ยินดีต้อนรับนะริน แล้วห้องของเธออยู่ไหน”
“ข้างๆ นายนี่เอง”
หมอรินชี้ไปทางผนังห้องฝั่งขวามือซึ่งเป็นห้องที่ทางโรงพยาบาลจัดให้เธอขณะทำงานอยู่ที่นี่
“งั้นฉันขอตัวไปตรวจคนไข้ก่อนนะ”
หมอภัทรพยักหน้ารับ หมอรินจึงกลับออกไปยังห้องทำงานของตนทันที
…..
“พี่กัญจ์กลับบ้านก่อนก็ได้นะคะ จะได้ไปนอนพักด้วย พาฝันอยู่เองได้ค่ะไม่ต้องห่วง”
พาฝันเห็นชายหนุ่มนั่งหาวอยู่หลายครั้งดูท่าคงจะเหนื่อยและง่วงเป็นอย่างมาก เพราะเขายังไม่ได้นอนทั้งคืน
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพี่นอนตรงโซฟานี้ก็ได้ เผื่อน้องพาฝันรู้สึก ไม่สบายจะได้เรียกพี่”
นายตำรวจหนุ่มยังคงรั้งอยู่ต่อด้วยความเป็นห่วงหญิงสาวตรงหน้า
“เอางั้นก็ได้ค่ะ”
พาฝันเชื่อฟังอย่างว่าง่าย ขณะที่สารวัตรกัญจ์ขยับตัวล้มลงนอนบนโซฟาตัวยาว เธอก็ลุกไปหยิบหนังสือสอนทำอาหารที่อยู่บนโต๊ะมาอ่านแก้เหงา
“เมนูนี้ทำง่ายดี น่าจะลองทำให้พี่หมอลองกินดู”
พาฝันเปิดอ่านอยู่หลายเมนูแล้วเกิดสนใจอยากลองทำขึ้นมา เธอจึงลุกไปเปิดดูของที่มีอยู่ในตู้เย็นเพื่อเช็กดูว่าพอจะทำอะไรได้บ้าง
ระหว่างนี้เธอก็เปิดหนังสือพลางลงมือทำไปด้วย ลองผิดลองถูกอยู่หลายครั้งแต่ก็ออกมาไม่เป็นดั่งใจ
“แค่เมนูง่ายๆ เองทำไมทำยากอย่างนี้นะ”
เฮ้อ~ เสียงลมหายใจถูกถอนออกมาจากคนที่ไม่พอใจในฝีมือของตน เธอตั้งใจจะลองทำสปาเก็ตตี้ซอสหมู แต่ไม่ว่าจะลองทำยังไง ทั้งรสชาติและหน้าตาก็ไม่น่ากินเลย ถ้าไม่เละก็เค็ม
เวลาล่วงเลยมาจนถึงตอนบ่าย กัญจ์ที่นอนหลับอยู่ก็ยังคงไม่ตื่น ส่วนเธอไม่ต้องถามว่าหิวหรือไม่ เพราะเธอชิมสปาเก็ตตี้ฝีมือของตัวเองจนไม่อยากกินอะไรอีกแล้วตอนนี้
“โอ๊ย!”
พาฝันร้องดังลั่น ขณะที่เธอกำลังต้มน้ำเพื่อลวกเส้นสปาเก็ตตี้ อีกครั้งแล้วเกิดซุ่มซ่ามเผลอเอามือไปปัดโดนหม้อน้ำร้อนเข้าอย่างจัง
สารวัตรกัญจ์ที่กำลังนอนหลับอยู่สะดุ้งตื่นทันทีที่ได้ยินเสียงร้องดัง เขาหันซ้ายหันขวาหาที่มาของเสียงก็ได้ยินเสียงสะอื้นดังมาจากห้องครัว
ฮึก ฮึก~ พาฝันหยิบเศษผ้ามาเช็ดน้ำร้อนที่เธอทำตกเรี่ยราดเต็มพื้นห้องครัว แพรขนตาสองข้างเปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตา เธอพยายามข่มเสียงร้องไม่ให้ดังแต่ก็ยังมีคนได้ยินเข้าอยู่ดี
“เกิดอะไรขึ้นครับน้องพาฝัน”
กัญจ์รีบวิ่งมาดูเห็นหญิงสาวกำลังร้องไห้นั่งเช็ดน้ำอยู่ที่พื้น สองตาเหลือบไปเห็นหม้อใบใหญ่วางคว่ำอยู่ข้างเตาแก๊สที่ยังติดไฟ บริเวณโดยรอบเปียกไปด้วยน้ำที่มีไอน้ำลอยฟุ้ง
“ไม่เป็นไรค่ะพี่กัญจ์ พาฝันซุ่มซ่ามเองค่ะ ฮึก~”
พาฝันยังคงนั่งอยู่อย่างนั้นดูเหมือนเธอจะได้รับบาดเจ็บ เขาจึงรีบเข้าไปพยุงตัวเธอลุกขึ้นแล้วประคองพาไปนั่งตรงโซฟา
“เจ็บมากมั้ยครับ”
เขาย่อตัวลงนั่งอยู่ด้านล่างขณะที่เธอนั่งบนโซฟา มือหนาเลื่อนไปจับมือของเธอข้างที่เอาไปปัดโดนหม้อจนเกิดรอยปื้นสีแดง ฟู่~ ลมเย็นจากปากของกัญจ์ถูกเป่ารดไปที่มือเล็กที่กำลังเจ็บปวด ใบหน้าหล่อเรียวได้รูปเลื่อนขึ้นมองใบหน้าคนตัวเล็กด้านบนอย่างอ่อนโยน
“พี่ไปหายามาทาให้นะ รอแป๊บนึงนะครับ”
คำพูดอ่อนโยนที่แฝงไปด้วยความห่วงใยของกัญจ์ถูกเอ่ยออกมาให้กับคนตรงหน้าที่กำลังยกมือบางขึ้นปาดน้ำตาบนพวงแก้มนวล
กัญจ์ลุกไปหายาตามชั้นวางของและตู้ลิ้นชักภายในบ้านแต่ก็หาไม่เจอ จึงได้โทรหาเพื่อนของเขา
(ฮัลโหล)
(ฮัลโหลไอ้หมอ นายเก็บยาไว้ตรงไหนวะ)
(นายจะเอายาอะไรไอ้กัญจ์)
หมอภัทรถามกลับคนที่โทรมาหา
(พาฝันโดนน้ำร้อนลวกเว้ย ฉันกำลังหายาไปทาให้เธออยู่)
หมอภัทรได้ยินดังนั้นรู้สึกร้อนรนจนนั่งไม่ติด และบ้านของเขาก็ไม่มียาสำหรับทาแผลพุพองเลย
(นายพาเธอไปล้างด้วยน้ำเกลือก่อน แล้วไปเด็ดว่านหางจระเข้ ที่สวนหลังบ้านของฉันมาทาให้เธอ เดี๋ยวฉันจะรีบซื้อยากลับไป)
(เออๆ แล้วน้ำเกลืออยู่ไหนวะ)
(นายเดินขึ้นไปบนชั้นสองก็จะเห็นตู้ยาติดกับฝาผนังด้านบน)
เมื่อทั้งคู่คุยกันเสร็จก็วางสายไป หมอภัทรมองดูนาฬิกาเหลืออีกห้านาทีก็จะหมดเวลาทำงาน ถึงแม้พ่อแม่ของเขาจะเป็นเจ้าของที่นี่ แต่เขาก็ปฏิบัติตามกฎเหมือนหมอที่ถูกว่าจ้างมาคนหนึ่งเสมอ เมื่อได้เวลาเลิกงานแล้วหมอภัทรก็รีบถอดเสื้อกาวน์แขวนไว้แล้วออกจากห้องไปทันที
“อ้าวภัทรจะกลับแล้วเหรอ ว่าจะชวนไปกินข้าวด้วยกัน”
“ไว้วันหลังนะริน เรารีบ”
หมอภัทรเร่งรีบออกจากโรงพยาบาลทันทีที่ตอบกลับหมอรินเสร็จ ระหว่างทางเขาแวะร้านขายยาเพื่อซื้อยาแล้วรีบกลับมาหาพาฝันที่บ้านทันทีด้วยความร้อนใจ