test
ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพมหานคร ที่ในตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งหมอ พยาบาล และคนไข้ที่เข้ามารับการรักษา บางคนใจชื้นกลับบ้านอยากสบายใจ บางคนกังวล บางคนหมดหวัง บางคนร้องไห้เสียใจ แต่บางคนจะว่าดีใจก็ไม่ใช่ ทุกข์ใจก็ไม่เชิงเนื่องจากเธอเพิ่งถูกให้ย้ายไปทำงานโรงพยาบาลในตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่ แทนคุณหมอคนเก่าที่ลาออกไปไม่นาน ปลายฟ้า นภาดารินทร์ คุณหมอสาวในชุดกาวน์ขาวของโรงพยาบาล เปิดประตูเข้ามาภายในห้องตรวจประจำตัวของสาวเจ้า ก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ หลังจากที่ไปพบเกรียงไกร อาจารย์หมอที่เธอเคารพนับถือคนหนึ่ง‘อะไรนะคะอาจารย์ ฟ้าถูกย้ายไปแม่ฮ่องสอน’‘ใช่ แทนหมอยุ้ยน่ะ เขาเพิ่งลาออกไป เริ่มงานอาทิตย์หน้านะหมอฟ้า’‘ห้ะ อาทิตย์หน้า’ใบหน้าเนียนแสดงอาการคิดไม่ตกอย่างเห็นได้ชัด เมื่อนึกถึงสิ่งที่อาจารย์หมอเพิ่งพูดกับเธอ“เอาวะ ถือว่าไปช่วยคน” แม้ปลายฟ้าจะเป็นคนเก่ง ฉลาด ไม่ยอมคน ต่างจากน้องสาวที่ออกจะเป็นสาวหวาน เรียบร้อยกว่าหน่อยอย่าง ม่านหมอก เทวสุคนธ์ แต่เธอก็ไม่ได้ห้าวหาญอย่าง เมฆา นภาดารินทร์ ผู้เป็นพี่ และถึงเธอจะคอยดูแลพี่น้องทั้งสองแทนคุณพ่อคุณแม่ที่เสียไปแล้ว แต่การที่ต้องไปอยู่ต่างจังหวัดคนเดียวแบบนั้นแล้ว เธอจะทำได้มั้ยนะ แม้ปลายฟ้าจะเคยอยู่ตัวคนเดียวมาแล้วเมื่อตอนที่พี่น้องของเธอไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่ที่เธออยู่มันก็คือบ้านของเธอเองดวงตากลมโตค่อยๆปิดลง คิ้วสองข้างเริ่มผูกติดกัน มือเรียวถึงกับยกขึ้นมาก่ายหน้าผากก่อนจะเลื่อนลงด้านหลังผ่านผมสีน้ำตาลเข้ม คุณหมอสาวลุกขึ้นยืนถอดชุดกาวน์ออกก่อนจะเอามันไปพาดไปกับเก้าอี้ตัวเก่ง เผยให้เห็นชุดจั๊มสูทที่หญิงสาวชอบที่จะสวมใส่มัน เนื่องจากใส่สบายแถมยังดูเท่ไปอีกแบบ มือเรียวเอื้อมหยิบกระเป๋าถือคู่ใจก่อนออกจากห้องไป“อ้าว คุณหมอกลับแล้วเหรอคะ” สุพิตตา พยาบาลสาวเอ่ยทัก“กลับแล้วจ้ะ”“คุณหมอเป็นอะไรรึเปล่าคะ ทำไมหน้าดูเครียดๆวันนี้เคสหนักเหรอคะ”“อ่อ เปล่าหรอกค่ะ พอดีว่าชั้นจะต้องย้ายไปแทนหมอยุ้ยที่แม่ฮ่องสอนอาทิตย์หน้าน่ะ เลยเครียดๆหน่อย” เธอเอ่ยก่อนเผยยิ้มบางๆ“แม่ฮ่องสอนเหรอคะ บ้านตาเองค่ะ คุณหมอไม่ต้องกังวลเลยนะคะคนที่นั่นอะ น่ารักค่ะคุณหมอ” พยาบาลสาวเอ่ยอย่างภูมิใจ“ชั้นก็หวังว่าอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ ขอตัวก่อนนะ ตั้งใจทำงานล่ะ”“ค่าคุณหมอ ขับรถกลับบ้านดีๆนะคะ” สุพิตตาเอ่ยก่อนจะแยกตัวออกไปทำงานต่อ บ้านนภาดารินทร์“พี่ฟ้า หวัดดีค่ะ เด็กๆป้าฟ้ากลับมาแล้วน้า” น้องสาวคนสุดท้องเอ่ยขึ้นขณะที่เดินลงมาบันไดมาจากชั้นสองของบ้าน ร่างบางอยู่ในชุดเดรสลายดอกทานตะวันสีเหลืองที่หน้าตาของเธอละม้ายคล้ายคุณหมอสาวอย่างกับออกมาพร้อมกันแม้ทั้งคู่จะห่างกันตั้งสามปีก็ตาม เมื่อประตูบ้านเปิดออกเผยให้เห็นร่างของคุณหมอสาว ก่อนที่จะตะโกนไปที่ห้องนั่งเล่นที่มี คีรี นีรา และพราวตะวัน นั่งเล่นของเล่นกันอยู่ “อาฟ้าสวัสดีคับ” หนุ่มน้อยคีรี ในวัยสามขวบกว่าเอ่ยขึ้นพร้อมกับวิ่งเข้ามาหาผู้เป็นอา โดยมีนีราน้องสาวฝาแฝดของเขาตามมาติดๆ “สวัสดีค่ะอาฟ้า” “สวัสดีค่ะสองแฝด” ปลายฟ้าเอ่ยก่อนจะพาสองฝาแฝดเข้ามาในห้องนั่งเล่นที่มีหนูน้องพราวตะวันวัยหนึ่งขวบนั่งอยู่บนของเล่นสำหรับฝึกเดินของเด็กเล็ก เมื่อเห็นผู้เป็นป้าเดินเข้ามาใกล้ๆหนูน้อยก็ยิ้มดีใจกริ๊ดกร๊าดยกใหญ่ลั่นบ้าน จนเมฆากับเอมิกาต้องเดินออกจากครัวเพื่อมาดูหลานสาวเสียหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้นกับหนูน้อย“อื้อหื้อ หนูพราวกริ๊ดอะไรขนาดนั้นคะ ลุงได้ยินไปถึงครัวนู้นแหนะ ดีใจใช่มั้ยคะ” เมฆาที่มีผ้ากันเปื้อนคลุมเสื้อสีเทาอยู่เดินเข้ามาหาพราวตะวัน ก่อนจะถอดผ้ากันเปื้อนออกและยกตัวหนูน้อยขึ้นไปพาดบนบ่า“นั่นสิหนูพราว เจอป้าฟ้าทีไรกริ๊ดทุกทีเลยนะลูกอะ” ม่านหมอกเสริม เมื่อทุกครั้งที่เธอพาลูกน้อยมาที่บ้านนภาดารินทร์ เวลาหนูน้อยพราวตะวันเห็นปลายฟ้าเธอจะต้องกริ๊ดดีใจออกมาอย่างไม่มีสาเหตุ ทำเอาคนในบ้านอุดหูกันแทบไม่ทัน“ทำไมน้องต้องกริ๊ดล่ะคะ มามี้” นีราเอ่ยถามเอมิกาผู้เป็นแม่ด้วยคนสงสัย“มี้ก็ไม่รู้เหมือนกันลูก ทำไมนะ”“คงเห็นว่าฟ้าจะใจดีมั้งคะพี่เอม เด็กหลายคนแล้วนะที่เจอฟ้าแล้วกริ๊ดดีใจ มาเข้าหาฟ้า เหมือนสองคนนี้ไงงงง” ปลายฟ้าอธิบายก่อนใช้มือเรียวจี้ไปที่เอวของหลานฝาแฝดเธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม อาจจะเป็นเพราะเธอถูกชะตากับเด็กเล็กๆละมั้ง เพราะคนไข้ที่เป็นเด็กไม่สบายมาหาหมอทีไรก็มักจะไม่กลัวเธอเหมือนกับที่กลัวคุณหมอคนอื่นๆ“ทำอะไรกับอยู่ค้าบ เสียงดังไปถึงหน้าบ้านนู้น” เสียงของผู้มาใหม่ที่คุ้นเคยดังขึ้น“ก็ลูกเอ็งน่ะสิวะ ไม่รู้ดีใจอะไรกริ๊ดลั่นบ้านเลย ใช่มั้ยคะสาวน้อย” เมฆาเอ่ยตอบเพื่อนรักก่อนจะส่งพราวตะวันให้ผู้เป็นพ่ออย่าง อาทิตย์ เทวสุคนธ์ ที่เพิ่งกลับมาจากที่บริษัท Anika Fragrance ที่ม่านหมอก น้องสาวคนสุดท้อง เคยทำงานเป็นเลขาของสามีก่อนที่อาทิตย์จะให้เธออยู่บ้านเลี้ยงลูก แต่ก็ยังคงให้เงินเดือนเหมือนเดิม...และอาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ “กริ๊ดอะไรคะลูก หื้มม คิดถึงจังเลย” อาทิตย์เอ่ยก่อนหอมเข้าไปที่ไรผมของลูกน้อยและไม่ลืมที่จะหันไปหอมแก้มภรรยาสาวหนึ่งฟอดอีกคน“มากันครบแล้ว งั้นเราไปทานข้าวกันดีกว่าค่ะ” เอมิกาสาวลูกเสี้ยวเสนอ ถึงอายุจะใกล้เลขสามแล้วแต่ใบหน้าของเธอก็ยังดูดีอยู่ แม้ยามไร้เครื่องสำอางก็ตาม เนื่องจากได้ความคมเข้มมาจาก อันโตนิโอ ผู้เป็นพ่อซึ่งเป็นคนสเปน บวกกับความไทยนิดๆจีนๆหน่อยในตัวที่ได้จาก โชติกา ผู้เป็นแม่เข้าไปอีก ทำให้สาวเจ้าดูสวยสง่ามิเปลี่ยนแปลงเหมือนเช่นตอนที่เธอและสามีสุดที่รัก เมฆา พบรักกันเมื่อเกือบสิบปีก่อน“งั้นเดี๋ยวหมอกไปช่วยยกค่ะพี่เอม”นี่เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สมาชิกในบ้านนภาดารินทร์จะต้องทำกันในค่ำวันศุกร์ นั่นคือการรับประทานอาหารกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เพราะวันปกติแล้วจะมีแค่เมฆา เอมิกา ปลายฟ้าและสองฝาแฝดเท่านั้น เนื่องจากม่านหมอกได้ย้ายออกไปอยู่ที่บ้านอีกหลังหนึ่งกับอาทิตย์และลูกน้อยตั้งแต่หลังจากที่เธอแต่งงานแล้ว