ถึงตอนที่น้ำเงินประกาศบนเวทีด้วยเสียงขุ่นๆ หน้าติดบึ้งตึงเหมือนถูกบังคับให้แต่งงานทั้งที่ตัวเองบังคับคนอื่นมาเข้าพิธีเอง เขาชี้แจงกับแขกไม่กี่คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นญาติๆ ในตระกูลของเขาว่าเขาแต่งงานกับรัศมีดาราโดยจัดงานเพียงภายในครอบครัวเพราะว่าวันนี้เป็นฤกษ์แต่งงานเพียงครั้งเดียวในชีวิตของเขาอันที่จริงเขากับเจ้าสาวไม่พร้อมแต่งงานแต่อยากรักษาฤกษ์นี้เอาไว้จึงแต่งเอาฤกษ์เอาชัยเฉพาะในครอบครัวแล้วเมื่อพร้อมจะจัดอีกครั้งหนึ่งเพื่อเฉลิมฉลองพิธีมงคลสมรสอย่างยิ่งใหญ่และเป็นทางการ...
เขาขอบคุณผู้มีเกียรติทุกคนแต่เขาไม่ได้พูดกับใครเลยว่าขอให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับไว้ก่อนเพราะมันจะกระทบกับชื่อเสียงรัศมีดารา ทางฝ่ายเจ้าสาวไม่รู้ว่าเขาลืมหรือว่าจงใจ แต่รัศมีดาราคิดว่าน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า
ญาติๆ ของน้ำเงินโดยเฉพาะอาม่าวัยเจ็ดสิบของน้ำเงินที่นั่งรถเข็นอยู่พออกพอใจและไม่คัดค้านการแต่งงานเลยท่ามกลางญาติคนอื่นแม้แต่พ่อแม่ของน้ำเงินเองที่ทำท่าจะคัดค้านการแต่งงานเมื่อเปลี่ยนตัวเจ้าสาว แต่ว่าอาม่ายืนกรานให้น้ำเงินแต่งงานจนทุกคนต้องฟังท่าน น้ำตาลกระซิบบอกจันทร์เจ้าขาว่าอาม่าชอบวาวพลอยมากและเป็นคนบังคับน้ำเงินแต่งงานโดยท่านหาฤกษ์มาเองด้วยซ้ำ...
มันจึงเป็นโชคร้ายของรัศมีดาราที่ต้องแต่งงานตามฤกษ์ และมาเป็นคนที่ทำให้น้ำเงินเป็นฝั่งเป็นฝาตามใจอาม่า
ทุกอย่างล่วงเลยมาได้ด้วยดี ตกเย็นมาน้ำเงินงานเลี้ยงอาหารค่ำเฉพาะในหมู่ญาติรัศมีดาราก็ได้รับรู้ถึงบรรยากาศอึดอัดอึมครึมและเป็นคนที่แปลกแยก แต่หล่อนไม่มีสิทธิ์ปลีกตัวออกมาเพราะว่าญาติๆ ที่มางานทุกคนเข้าใจว่าหล่อนแต่งงานกับน้ำเงินจริงๆ จะมีก็เพียงแต่คนในบ้านน้ำเงินอย่างพี่ชายพี่สาวเขาและพอแม่กับอาม่าของเขาเท่านั้นที่รู้ว่าหล่อนคือคนที่มาแทนวาวพลอย ซึ่งหล่อนก็ไม่ทราบอีกว่าน้ำเงินบอกที่บ้านเขาว่าอย่างไร หล่อนจึงอึดอัดจนวินาทีสุดท้ายจนญาติๆ เขาแยกย้ายกลับบ้าน หล่อนจึงค่อยสบายใจขึ้นว่าจะได้กลับบ้านของตัวเองบ้าง...
แต่อะไรมันก็ไม่ได้จบง่ายๆ อย่างที่คิด รัศมีดาราคิดว่าวันนี้เป็นวันที่ยากลำบากที่สุดสำหรับหล่อนเหลือเกินเมื่อได้ยินคำพูดของอาม่าน้ำเงิน
“ไหนๆ ก็มาเป็นเจ้าสาวแทนตัวจริงแล้วก็ทำหน้าทั้งหมดรวมทั้งการเข้าหอด้วย... แต่เมื่อเจ้าสาวตัวจริงมาถึงจะไปได้ แต่สบายใจได้เลยว่าแม่ดาราน่ะมาเป็นตัวแทนหนูพลอยเท่านั้นแต่ไม่ได้มาแทนที่ อาม่าจะจัดการให้แต่งและก็เข้าหอตามธรรมเนียมไม่ได้มีอะไรจริงจังเพียงแค่ต้องทำตามพอไม่ให้เสียฤกษ์เท่านั้น”
“แต่ดาราก็เข้าพิธีให้แล้วตามฤกษ์นะครับ น้องเขารับผิดชอบเหมาะสมกับความเสียหายที่เกิดจากความผิดทางฝั่งน้องเขาแล้วนะครับ... ผมขอพาดารากลับเพราะว่ายังต้องวางแผนรับมือกับสื่ออีกหากว่าข่าวรั่วออกไป...” พี่อาร์ตซึ่งได้รับการชี้แจงหลังพิธีแต่งงานช่วยพูดกับอาม่าเพราะว่าการที่รัศมีดาราต้องแต่งงานกับน้ำเงินก็แย่พออยู่แล้ว เขาต้องพากันไปวางแผนอนาคตว่าจะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไรมากกว่าที่จะให้รัศมีดาราเสียเวลามาเข้าห้องหอตามฤกษ์ของคนหัวโบราณและเชื่อเรื่องดวงแบบไม่ลืมหูลืมตาอย่างอาม่าของน้ำเงิน
“ไม่ได้ ฤกษ์นี้ต้องทำตามให้ครบเพียงอย่างเดียวเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ หมอดูบอกว่าทำไม่ครบแล้วจะเป็นผลร้ายกับตาน้ำเงิน ฉันจะทำตามแผนที่วางแต่แรกและไม่ฟังเสียงคัดค้านจากใครทั้งนั้น ทางฝั่งพวกเธอก็มีความผิดที่พี่ชายของพวกเธอขโมยเจ้าสาวไปยังไงก็ต้องรับผิดชอบโดยไม่อิดออด คงไม่ต้องให้พูดซ้ำจ้ำจี้จ้ำไชหรอกนะว่าควรต้องทำถึงจะลำบากและก็ไม่เต็มใจก็ต้องทำตามเพราะว่าพวกเธอก้าวขาเข้ามาเอง ถ้าพี่ชายพวกเธอไม่พาคนที่ต้องแต่งงานจริงๆ ไปมันก็คงง่ายกว่านี้ พูดขนาดนี้แล้วก็หวังว่าจะไม่มีปัญหาไม่โต้แย้งอะไรหรอกนะ ไม่อยากพูดอีกให้เมื่อยแค่นี้ก็อารมณ์เสียจะแย่อยู่แล้ว” อาม่าของน้ำเงินบอกแบบไม่ถนอมน้ำใจคนฟังสักนิดเมื่อจันทร์เจ้าขาและพี่อาร์ตจะพารัศมีดารากลับ
เป็นรัศมีดาราเองที่ต้องบอกพี่สาวกับผู้จัดการส่วนตัวว่าหล่อนเองจะยอมเข้าหอตามฤกษ์ จากการที่น้ำเงินไม่ใส่ใจหล่อน รวมทั้งคนในบ้านของเขาหมางเมินกับหล่อนมากกว่าที่น้ำเงินหมางเมินเป็นเท่าตัวรัศมีดาราก็คิดว่าคืนนี้หล่อนปลอดภัยไม่เสียหายด้านกายภาพใดๆ แน่ๆ
“เราเดินกันมาถึงขนาดนี้แล้ว ดาราจะเดินต่ออีกสักหน่อยแล้วกันค่ะ ถือเสียว่าเป็นการถ่วงเวลาให้พวกเขายอมรับในความรักของพี่รพีกับพี่พลอย... ลงทุนเสียชื่อเสียงไปแล้วก็ต้องให้มันคุ้มค่าที่สุด ดาราเชื่อว่าดาราจะไม่มีปัญหาอะไร พวกเขาแค่อยากให้งานแต่งงานของคุณน้ำเงินสมบูรณ์ดาราแค่เป็นตุ๊กตาให้เขาจับวางเข้าตำแหน่งเท่านั้นล่ะค่ะ... หลังจากนั้นคงไม่มีปัญหาอะไร ยอมๆ เขาไปก่อนเถอะนะคะถือว่าช่วยพี่รพีกับพี่พลอย”
รัศมีดาราปลอบใจพี่สาว... จากน้องสาวสุดท้องที่แสนอ่อนแอพี่ๆ คอยเอาอกเอาใจ กลายเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเพียงไม่นาน...
สุดท้ายสองพี่น้องก็ต้องปล่อยเลยตามเลยเพราะว่าไม่มีอะไรจะให้เสียมากไปกว่านี้อีกแล้ว