--อีกฟากของเจ--
"พี่เจคะ...ห้องประชุมเตรียมเรียบร้อยแล้วค่ะ" แนนที่ถูกแจงไว้วานให้มารายงานผู้เป็นนาย บอกกล่าวถึงสิ่งที่เตรียมพร้อมควรค่าแก่เวลาที่เหมาะสม เพราะวันนี้คุณพ่อเจมีนัดคุยรายละเอียดงานกับลูกค้า ที่สนใจว่าจ้างจะทำแอดโฆษณาผ่านโซเชียลมีเดีย
"อ่อ โอเคเดี๋ยวพี่ตามไป...ตามพี่ไฟให้พี่ด้วยนะ" เจลุกจากเก้าอี้พร้อมหยิบเสื้อสูทเพื่อความสุภาพพรางเอ่ยปากบอกแนน
"พี่ไฟไปรอที่ห้องประชุมแล้วค่ะ" แนนบอกกล่าว
"อ่อ...โอเคขอบใจมาก แนนเข้าไปด้วยนะจะได้เรียนรู้งานกับพี่แจง"
"ค่ะ"
แนนตอบรับพร้อมกับเดินตามหลังเจออกมาจากห้องทำงาน ร่างหนาที่สูงกว่าสายตาของแนนมองอย่างจับจ้องพิจารณา ผู้ชายหน้าตาดีคนนี้ที่ไม่คิดจะแต่งงานใหม่ ไม่น่าเชื่อผู้ชายเช่นเขาจะยังคงมีอยู่จริง
"อุ๊ย!! ขอโทษค่ะ" ความเผลอเลอคิดไปไกล ทำให้แนนไม่ทันมองว่าคนที่เดินนำหน้านั้นหยุดเดินชะงัก จนเธอนั้นใบหน้าชนเข้ากับแผ่นหลังหนาเต็ม ๆ
"เหม่ออะไร ไม่เห็นว่าพี่หยุดเดิน แล้วเจ็บไหมนั่นน่ะ" เจสัมผัสถึงแรงกระแทก รีบหันกลับมาพร้อมกับโอบคว้าร่างเล็กให้มั่นก่อนที่เธอจะเสียหลักล้มพับไปกับพื้น
"ขอโทษค่ะพี่ แนนไม่ทันระวัง" เมื่อเห็นแล้วว่าเธอยืนมั่น จึงรีบปล่อยร่างเสลาให้เป็นอิสระทันที พร้อมเอ่ยถามอย่างห่วงใย แม้คำพูดจะดูเรียบง่าย แต่ก็ทำให้หญิงสาวแรกรุ่นเคอะเขินได้ด้วยการใกล้ชิดจนเธอนั้นหน้าแดง
"พี่ลืมมือถือ แนนไปเตรียมงานกับพี่แจงเลย เดี๋ยวพี่จะตามไปที่ห้องประชุม" เจว่ากล่าวและสั่งงาน แนนไม่อิดออดที่จะทำงานไม่ว่าจะเยอะมากมายแค่ไหนก็ไม่คิดบ่น เพราะมันย่อมเป็นผลประโยชน์ของเธอในภายภาคหน้า
"ค่ะ" เเนนตอบรับแล้วรีบก้มหน้าเดืนจ้ำออกไปทันที สายตาของชายที่อายุมากกว่า ไล่มองตามหลังก่อนจะดึงสติแล้วตั้งหน้าสนใจในสิ่งที่ต้องทำ
....ในห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกลจากห้องประชุม เเนนที่ออกมาจัดการธุระส่วนตัวก่อนที่จะเริ่มมีการประชุม เธอยืนล้างมือตรงอ่างหลังจากห้องน้ำ บานกระจกใหญ่ที่ใช้ส่อง พร้อมกับสายตาสองคู่ที่จ้องมองมายังเธออย่างมาดร้ายไร้การผูกมิตร
....เธอเลือกที่จะมองข้าม พยายามไม่สนใจ ทั้งที่ครุ่นคิดว่าพวกเธอล้วนคิดไม่ดีเป็นแน่
("เด็กฝึกงาน....อยากจะเลื่อนขั้นเป็น เมีย!! ท่านประธานเหรอจ๊ะ")
สายตาที่ไล่มองแนนตั้งแต่หัวจรดเท้า เป็นสายตาที่หยามเหยียดเเละดูแคลน แต่แนนก็ไม่อยากสนใจ เธอไม่อยากปะทะคารมกับใคร ด้วยเกรงใจสถานที่ทำงาน เลี่ยงที่จะเดินหนีอย่างไม่สนใจ
(("เเรดแบบนี้ สงสารพ่อแม่ที่ส่งมาเรียนจัง"))
"ไม่ได้ส่งเสีย ไม่ต้อง เสือก!! เสนอหน้ามาสงสารค่ะ" แนนชะงักขาเดินทันทีเมื่อได้ยิน ก่อนจะหันไปโต้ตอบอย่างไม่คิดเกรงใด ๆ แม้จะอายุมากกว่าเธอแต่สมองเท่าจิ๋มมด ไม่จำเป็นที่เธอต้องให้ความเคารพในคนที่ทำตัวไม่น่าเคารพ
((กรี๊ดดดดดดดด))
เสียงกรีดร้องดุจสัพเวสีที่โหยหวนดังลั่นในห้องน้ำอย่างเจ็บใจ ว่าจบเเนนไม่รีรอต่อความยาว เดินย้ำเท้าออกมาด้วยอารมณ์ฉุน ว่าจะไม่โต้ตอบอะไร แต่ก็อดไม่ได้เลยเมื่อคนเหล่านี้พาดพิงไปถึงบุพการี....
"ว่าไงครับคุณไฟผู้คิวยาวยิ่งกว่าดารา" ทันทีที่เจเดินเข้ามาในห้องประชุม ที่มีเพื่อนสนิทนั่งรออยู่....คำแซวที่เอ่ยขึ้นจนไฟคุ้นชินเพราะนานทีเขาจะเข้าบริษัท ที่เหลือก็ปล่อยให้คุณพ่อเจผู้ฉลาดและเก่งกาจดูแล
"ธรรมดาเพื่อนรัก...แล้วนี่ลูกค้านัดกี่โมงวะ"
"บ่ายสอง อีกสักพักคงมา" เจบอกกล่าวพรางสายตามองไปยังนาฬิกาที่แขวนผนัง
"พี่เจคะ ลูกค้ามาแล้วค่ะ" แจงเลขาสาวสวยเอ่ยบอก
"อ่า...เชิญมาเลยครับ" เจที่ได้รับรายงาน สั่งการต่อไปพร้อมกับนำพาตัวเองเดินไปนั่งยังหัวโต๊ะเพื่อรอคุยงาน
.....ประตูห้องประชุมเปิดออก เผยให้เห็นบุคคลที่มาใหม่ ไฟ เจ และแนนลุกยืนแทบพร้อมกันอย่างให้การต้อนรับ
หญิงสาวที่ดูมาดมั่นในชุดสีเเดงเพลิง งามสง่าดุจนางพญาก็ไม่ปาน เดินนวยนาดวางท่าเข้ามาใกล้ ความงามที่เห็นทำเอาไฟเพื่อนสนิทพ่อเจนั้นตาค้างตะลึง
"สวัสดีครับ คุณไอรดา" เป็นเจที่เดินไปต้อนรับก่อนที่เธอจะเดินมาถึงที่นั่งที่จัดเตรียมพร้อมกล่าวทักทายอย่างสุภาพ ในแบบคนรุ่นราวคราวเดียวกัน
"สวัสดีค่ะ" ไอรดาตอบรับคำทักทายด้วยรอยยิ้ม
"สวัสดีครับ ผมอภิชาติ...เชิญคุณไอรดานั่งก่อนครับ" ไฟที่ได้สติจากการตะลึงรีบบึ่งทักทาย พรางผายมือเชื้อเชิญหญิงสาวผู้มาใหม่
"ขอบคุณค่ะ"
....แก้วกาแฟใบหรูสำหรับต้อนรับแขกที่มาเยือนถูกวางลงตรงหน้าของไอรดาด้วยฝีมือของแจง เธอยิ้มตอบรับอย่างขอบคุณแต่ไม่พูดใด ๆ
"เรามาเริ่มกันค่ะ...พอดีฉันมีธุระต่อ" ไอรดาว่ากล่าว
"ครับ จุดนี้ทางคุณไอรดาต้องการวางแอดลักษณะไหนครับ" เป็นเจผู้ที่เชี่ยวชาญกว่าไฟพูดขึ้น สายตาเฉี่ยวของไอรดาจ้องมองคนพูดอย่างจับจ้องและตั้งใจ
"เรียกว่าไอซ์ก็พอค่ะ" เธอพูดเสนอพร้อมเปรยยิ้มแก่เจ ที่ตอนนี้ต้องนิ่งหยุดเสนองานเมื่อเธอทักท้วง
"อ่อครับคุณไอซ์....อยากให้ทางผมวางแผนการลงแบบไหนดีครับ เป็นลักษณะแบรนด์เนอร์หรือว่ายิงแอดโฆษณาทางสื่อมีเดีย" เจเสนอและถามความเห็น
"คุณว่าแบบไหนเหมาะกับธุรกิจของไอซ์คะ?" ไอรดาพูดด้วยน้ำเสียงจริตหญิง สายตามองตรงดิ่งไปยังคนพูดอย่างหว่านเสน่ห์ เธอให้ความสนใจกับชายตรงหน้าเพียงสายตาแรกที่มองเห็น
"ธุรกิจคุณไอซ์เป็นเครื่องสำอาง ผมว่าลงสื่อมีเดียแบบไทน์อิน คนจะเห็นเยอะกว่านะครับ แล้วก็......"
"ไอซ์เอาตามนั้นเลยค่ะ"
ยังไม่ทันที่เจจะพูดจบ ไอรดาก็ว่ากล่าวขึ้นแทรกทันที ทำเอาคนที่ร่วมการประชุมเงยหน้ามองเร็วพลันอย่างงวยงง
"มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าคะ?" ไอรดาย้อนถาม เมื่อเห็นสีหน้าเหล่าผู้คนจ้องมองกัน
"ไม่มีครับคุณไอซ์"
"ไอรดาค่ะ"
ไฟที่แทบเสียหลักยืน เมื่อไอรดามีความสองมาตรฐานในการเรียกขาน ทั้งที่เธอนั้นเพิ่งสั่งเจให้เรียกอีกแบบ แต่กลับเพื่อสนิทที่นั่งเคียงข้างเจ กลับให้เรียกอีกแบบที่เป็นทางการ
"เอ่อ...ครับคุณไอรดา ทางเราไม่มีปัญหาอะไร สิ่งที่คุณต้องการทางเราดำเนินให้ได้แน่นอนครับ" ไฟรีบแก้ต่างทันที แต่ในใจพร่ำบ่นอุบอิบเมื่อถูกหักหน้า
"ไอซ์ตกลงตามที่คุณเจเสนอนะคะ..." เธอไม่ได้สนใจในสิ่งที่ไฟนั้นพูดออกมา แต่เบือนสายตาและหันไปให้ความสนใจอีกคนที่นั่งหัวโต๊ะ
"ครับ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมจะออกแบบและส่งคอนเทนท์ไปให้คุณไอซ์ตรวจทางเมลนะครับ" เจเริ่มเข้าเรื่องต่อ
"ได้ค่ะไม่มีปัญหา...ว่าแต่เย็นนี้คุณเจมีนัดไหมคะ ให้เกียติร่วมมื้อเย็นกับไอซ์สักมื้อได้ไหมคะ?" สิ่งที่พูดโดยไม่ได้สนใจคนรอบข้าง ก็ในเมื่อสนใจก็ไม่จำเป็นต้องรีรอ
....พฤติกรรมที่ไอรดาแสดงออกมาอย่างเปิดเผย ทำเอาแจงเลขาสาวนั้นหมั่นไส้ แต่เธอก็ไม่สามารถแสดงกิริยาออกไป เพราะนั่นคือเม็ดเงินหลักล้านที่จะเข้าบริษัท จึงทำได้เพียงหมั่นไส้ในใจ
"เอ่อ...ได้ครับเดี๋ยวผมเป็นเจ้ามือเองครับ"
"ค่ะ...." ไอรดายกยิ้มอย่างพอใจ เมื่อเจตอบรับเรื่องงานที่ต้องการจะเจรจาตอนไหนก็ย่อมได้ เธอแบมือไปตรงหน้าอย่างร้องขอ
เจที่รู้กับสิ่งที่เธอนั้นสื่อความหมายจึงยื่นเครื่องมือสื่อสารลงฝ่ามือเรียวของเธอ
"แล้วเจอกันนะคะคุณเจ"
"ครับ"
"ฉันขอตัวนะคะ"
ทุกคนที่อยู่ภายในตอบรับการลาจากของไอรดา ด้วยสีหน้าปั้นแต่งก่อนจะปรับเข้าสู่สีหน้าที่เก็บกั้นอยู่นาน
"เหมือนพวกกูเป็นลมเย็นจากแอร์ เหมือนมีแค่มึงสองคนอะเนอะ" และเป็นไฟที่แซวขึ้น หลังจากที่ส่งไอรดาเรียบร้อย
"นั่นสิคะพี่ไฟ เหมือนเราสามคนเนี้ยเป็นธาตุอากาศงั้นแหละ...ออกตัวแรงงงงงงง" แจงเสริมทัพอย่างหมั่นไส้
"ลูกค้า....แยกย้ายไปทำงาน"
"เบื่อพ่อหม้ายมหาเสน่ห์....เราไปกันเถอะน้องแจง น้องแนน" ไฟที่ตีเนียนเดินแทรกกลางระหว่างแนนกับแจง โอบไหล่คนทั้งสองผ่านหน้าเจไป
"ตีเนียนเลยนะมึง ปล่อยน้อง!" เจสาวเท้าเดินแล้วกระชากไฟออกจากร่างของหญิงทั้งสองอย่างแรงจนหลุด ก่อนที่ตัวเองจะเดินมือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋านำหน้า
(("ไอ้เจ...ไอ้พ่อเทพบุตรมาจุติ หมั่นไส้โว้ย"))
เสียงของไฟตะโกนตามหลัง เมื่อเขานั้นเสียหลักล้มด้วยแรงกระชากของเจ รีบดีดตัวลุกแล้วแหกปากอย่างเจ็บใจ
"คุณเจนี่เก่งจังเลยนะคะ " ไอรดาเอ่ยปากพรางสายตาจ้องมองคุณพ่อลูกติดด้วยสายตายั่วยวน
"ครับ?" เจที่ตั้งท่าจะตักข้าวเข้าปากต้องค้างไว้ทันที และเบนสายตามองหญิงสาวสวยราวนางพญาตรงหน้าอย่างงวยงง
"พอดีไอซ์ทราบมาว่าคุณเจต้องทำงานและก็ต้องเลี้ยงลูกด้วย เก่งจังค่ะไอซ์ไม่ค่อยเห็นผู้ชายที่สนใจดูแลลูกเท่าไหร่เมื่อหย่าร้าง..." ไอรดาเปรยออกมายาวเหยียด
"ผมก็แค่ทำให้ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ครับ...ลูกคือที่หนึ่งของผม" เขาไม่นึกอายที่จะบอก แม้ไอรดาจะเป็นหญิงงามเขาก็ไม่ได้สนใจในเชิงชู้สาว ด้วยพื้นฐานนิสัยเป็นชายรักเดียวและไม่เจ้าชู้ การมีคู่ครองใหม่เขาจึงไม่ได้สนใจเพียงฉาบฉวย แต่หญิงผู้นั้นจะต้องเอ็นดูและรักลูกสาวของเขาด้วย
"แล้วคุณเจไม่คิดจะแต่งงานใหม่บ้างเหรอคะ?" ปากสวยที่ฉาบด้วยลิปสติกที่สดเปรยออกมาด้วยรอยยิ้มบาง มือเรียวก็พรางเอื้อมไปจับมือของชายหนุ่มที่วางอยู่บนโต๊ะ
สายตาคมเข้มของเจชายมองมือหญิงสาว เขาไม่ชักมือหลบการกระทำของเธอแต่อย่างใด ปล่อยให้เธอหมุนวนเรียวนิ้วจนอิ่มพอ
ครืด ครืด เสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือของชายหนุ่มดังส่งสัญญาณ ทำให้ไอรดานั้นดึงมือกลับเข้าที่ สายตาที่จ้องมองบ่งบอกว่าเสียดายที่ต้องละสัมผัสนั้นออก
"ผมขอตัวสักครู่นะครับ ที่บ้านโทรมา" ชายหนุ่มบอกกล่าวอย่างเป็นมารยาท
"ตามสบายค่ะ"
ไอรดาชายสายตามองตามหลังหนาที่ดูสมาร์ทมีเสน่ห์ เธอหวังจะได้เชยชมคุณพ่อลูกติดคนนี้ ด้วยเพื่อนที่เคยว่าจ้างให้ทำงานเล่าขานถึงความหล่อเหลาที่ทำเอาสาว ๆ ที่ได้พบเห็นนั้นอยากจะกลืนกิน แต่เขานั้นไม่คิดจะเล่นด้วยหากเป็นชายอื่นที่สันดานหยาบคงไม่ปล่อยให้ผู้หญิงที่เข้าหาหลุดมือรอดไปได้....ยกเว้นก็แต่เขาคนนี้เท่านั้น ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ท้าทายต่อไอรดาอยากได้เขามาเชยชมให้สมกับคำล่ำลือ
"ท่าจะยากจริงแฮะ" ไอรดาเอื้อนเอ่ยเบา ๆ พร้อมกับเค้นหัวเราะในลำคอ ก่อนจะหันมาสนใจอาหารตรงหน้าระหว่างรอชายหนุ่มที่เดินดุ่มออกไปไกลเพื่อคุยสายจากทางบ้านที่เขาบอกว่าโทรเข้ามา
.
.
"คูมพ่อขาเมื่อไหร่จะกลับบ้านคะ?" เสียงสดใสของเด็กหญิงไอติมพูดออกมาผ่านเครื่องมือสื่อสาร
"ทำไมไอติมใช้โทรศัพท์ได้คะ จำเบอร์พ่อได้เหรอ" ผู้เป็นพ่อสงสัยเมื่อลูกสาวตัวเล็กนั้นยังคงไม่ประสาที่จะให้เครื่องมือสื่อสารเหล่านี้ได้เอง
"ก็ไอติมบอกว่า ทำไมคูมพ่อยังไม่มา พี่แจงคนสวยเลยบอกจะโทรให้ค่ะ โทรติดเลย" เด็กหญิงพูดไปตามเนื้อผ้ากับสิ่งที่เธอพบเจอ
"พี่แจงเหรอคะ?"
"ใช่ค่ะคูมพ่อ พี่แจงซื้อขนมมาเยอะแยะเลย พี่แนนก็มานะคะมีของเล่นมาเล่นกับน้องไอติมด้วย" เด็กหญิงบอกในสิ่งที่เป็นจริง เมื่อแจงที่รู้สึกไม่ชอบหน้าลูกค้ารายนี้ ความหยิ่งทะนงทำให้เธอนั้นนึกหมั่นไส้ และเดาได้ไม่อยากด้วยจริตหญิงที่แสดงออกมาซึ่งหน้าว่าอยากได้นายของเธอ จึงต้องมาหาตัวช่วยในการขัดขวาง เจ้านายที่แสนจะเป็นคนดีเกรงจะรู้ไม่เท่าทันมารยาหญิงที่มีเหลือร้าย
"พี่แนนก็มา?"
"ค่ะคูมพ่อ...มากับพี่แจง" เด็กหญิงพูดคล่องไม่มีติดขัดเมื่อคนเป็นพ่อนั้นถาม
"คูมพ่อรีบกลับบ้านนะคะ มากินข้าวกับน้องไอติม"
"พ่อกำลังคุยงานกับลูกค้า สักพักพ่อกลับนะคะ หนูหิวก็กินข้าวก่อนได้เลยนะ รู้ไหม?" คนเป็นพ่อว่ากล่าวออกไปผ่านเครื่องมือสื่อสาร
"น้องไอติมจะรอคูมพ่อค่ะ จะกินกับคูมพ่อ" เด็กหญิงว่าต่อเมื่อเธอนั้นตั้งหน้าตั้งตารอผู้เป็นพ่อจริง ๆ
"โอเคค่ะ....เดี๋ยวพ่อรีบกลับน้า" ผู้เป็นพ่อบอกลูกสาวเพื่อให้เธอนั้นสบายใจและเขาก็คงต้องรีบกลับไปอย่างที่ลูกสาวนั้นต้องการ
"รักคูมพ่อที่สุดเลยค่ะ"
"พ่อก็รักไอติมค่ะ"
สายสนทนาตัดไปและชายหนุ่มไม่รีรอที่จะวกกลับที่เดิมที่มีลูกค้าคนสวยนั่งรออยู่...
"ขอโทษทีนะครับ" เมื่อถึงโต๊ะที่เดิม ก็ไม่วายที่จะขอโทษอย่างเป็นมารยาทตามแบบที่ชายหนุ่มนั้นพึงกระทำ
"ไม่เป็นไรค่ะ ไอซ์ก็อิ่มแล้วด้วย" ไอรดาวางช้อนส้อมพร้อมยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม สายตายังจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้า
"อ่อครับ .... ถ้าอย่างนั้นผมเรียกเช็คบิลเลยนะครับ"
"รีบเหรอคะ?" ไอรดาย้อนแทรกทันที
"ลูกสาวผมรออยู่ที่บ้านครับ" ชายหนุ่มพูดออกไปตรง ๆ เขาไม่เคยอายที่เป็นชายลูกติดเพราะทั้งชีวิตของเขาที่เหลือมีเพียงเด็กหญิงไอติมเท่านั้นที่ยืนหนึ่งในหัวใจ
"อ่า...โอเคค่ะงั้นไอซ์ขอตัวเลยแล้วกัน จะรองานทางเมล์นะคะ"
"เดินทางปลอดภัยครับ"
ว่าจบร่างกายเย้ายวนก็เดินนวยนาดลุกจากไปและทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มที่แสนเสน่ห์ และชายหนุ่มก็ไม่รีรอให้ช้ารีบเดินออกมาจากจุดนั้นหลังชำระเงินเสร็จเรียบร้อยมุ่งตรงกลับบ้านหาลูกสาวทันที
"คูมพ่อกลับมาแล้ว เย้ ๆ" เด็กหญิงไอติมที่กำลังนั่งเล่นกับแจงและแนน กระโดดโลดเต้นชูสองมืออย่างดีใจ พร้อมกับรีบวิ่งตรงดิ่งเข้าไปกอดคุณพ่อที่เธอนั้นแสนจะคิดถึง
"กินข้าวหรือยังคะคนเก่ง....ฟอด หื้ม แก้มลูกสาวห๊อมหอม" ผู้เป็นพ่อที่แสนจะเหนื่อยล้าจากการทำงาน เมื่อมาบ้านเห็นหน้าลูกสาวความเหนื่อยล้าก็คลายหายไปทันที
"ยังเลยค่ะ น้องไอติมรอกินข้าวอร่อย ๆ กับคูมพ่อ" เด็กหญิงว่ากล่าวอย่างเดียงสา
"พี่แจงกับพี่แนนกลับหรือยัง?" ผู้เป็นพ่อเอ่ยถาม
"ยังเลยค่ะ อยู่ในครัวกับยายปริก" เด็กหญิงให้คำตอบแก่ผู้เป็นพ่อ
"จอยเก็บของให้ค่ะ" จอยพี่เลี้ยงสาวเดินมาใกล้พร้อมกับเสนอทำหน้าที่เก็บของในมือของผู้เป็นนาย
"ขอบใจ...เอ้อจอยพรุ่งนี้น้องหยุดเดี๋ยวเตรียมของให้น้องด้วยนะ พี่จะพาน้องไปทำงานด้วย" คุณพ่อเจสั่งการแก่พี่เลี้ยงสาว
"แล้วจอยต้องไปกับน้องไอติมไหมคะ?" จอยถามต่อและเธอก็ตั้งตารอคำตอบด้วยสีหน้านิ่ง ๆ แต่ในใจนั้นลุ้นระทึก
"ไอติมไม่ดื้อ น้องอยู่ได้จอยไม่ต้องไปหรอก...อยู่ช่วยงานป้าปริกที่บ้านดีกว่า" คุณพ่อเจบอกกล่าวเพราะเขาตั้งใจจะพาลูกสาวไปเที่ยวเล่นต่อให้ผ่อนคลาย
"เย้ ๆ พรุ่งนี้น้องไอติมจะได้ไปทำงานกับคูมพ่อ ดีใจ" เด็กหญิงสดใสเมื่อได้ยินสิ่งที่พ่อนั้นคุยกับพี่เลี้ยง เธอเดินจับมือผู้เป็นพ่อลากเข้าไปยังครัว พรางส่งเสียงดีใจสุดขีดไปตามทาง
...จอยที่รู้สึกหน้าเสียที่ผู้เป็นนายนั้นปฏิเสธอ เธอจ้องมองเขามานานตั้งแต่แม่ของผู้เป็นนายนั้นว่าจ้างมา ชายลูกติดที่ยังมีเสน่ห์ดึงดูดแม้จะรู้ตัวว่าเป็นเพียงลูกจ้าง แต่ก็ยังอยากที่จะพิชิตใจและอยากใกล้ชิด เธอมองตามหลังของเขาอย่างนึกเสียดาย แม้จะเจียมตัวอยู่บ้างแค่ขอให้ได้อยู่ใกล้เป็นครั้งคราวก็ทำให้รู้สึกดีแล้ว
"อะแฮ่ม...ร้ายกว่าไอติมคงเป็นแจง" เสียงเข้มที่เอื้อนเอ่ยเมื่อเดินมาหยุดยืนกอดอกไหล่พิงกับขอบประตู จ้องมองไปยังเลขาสาวและผู้ช่วยเลขาที่อยู่ในคราบของแม่ครัว
"อะไรกันคะพี่เจ" แจงที่ได้ยินเสียงแซวต้องเงยหน้าจากสิ่งที่ทำอมยิ้มกับสิ่งที่ผู้เป็นนายนั้นพูดถึง เธอรู้ดีว่าเขาสื่อถึงอะไร
"สวัสดีค่ะพี่เจ" แนนยกมือไหว้ผู้ที่อายุเยอะกว่าแถมยังเป็นนายจ้าง
"ครับ....แล้วนี่ลมอะไรหอบสองสาวมาที่นี่ อ่อ ไม่ต้องตอบพี่ก็พอจะรู้คงเป็นเลขาตัวแสบของพี่ที่ลากแนนมาด้วย...ใช่ไหมแจง" ชายหนุ่มตอบรับไหว้แนน แล้วลดมือลงแล้วเดินจูงมือลูกสาวเข้ามาในครัว พร้อมกับรอยยิ้มอ่อนและสายตาจ้องมองไปยังแจงที่กำลังดูเหมือนจะตั้งใจหั่นผัก
"แจงเปล่าาาาาาา" แจงรีบปฏิเสธทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ
"ขอโทษนะคะพี่เจที่แนนมาโดยไม่ขอก่อน...." แนนที่รู้สึกว่าไร้มารยาทจึงรีบทักท้วงพร้อมยกมือไหว้อีกครั้ง เพราะการมาที่เธอนั้นไม่ได้ตั้งใจจะมาด้วยว่าเเจงนั้นเร้าหรือให้เธอมาเป็นเพื่อน การที่ทำงานร่วมกันจนสนิทจึงยากที่เธอนั้นจะปฏิเสธเพียงแจงนั้นร้องขอ
"ไม่เป็นไรแนน มาได้เลยเพราะแจงก็มาบ่อย ๆ ... พี่โอเคไอติมจะได้มีเพื่อนด้วย" เจหันไปยิ้มกับแนนและบอกให้เธอนั้นคลายกังวล
"เปลี่ยนจากเพื่อนลูกเป็นแม่ของลูกดีไหมคะ?" แจงพูดแทรกบทสนทนาอย่างเย้าแหย่ แค่เพียงสายตาเดียวที่แจงแอบเห็นย่อมเดาทางออกถึงปฏิกิริยาของนายที่เปลี่ยนไป ทุกอย่างมันสื่อออกมาทางสายตาอย่างไม่อาจเก็บกั้นเวลาที่เจนั้นมองแนน
"ดีค่ะ" และนี่ก็เป็นเสียงของเด็กหญิงไอติมที่แทรกขึ้น แม้จะไม่รู้ความหมายมากมายแค่ได้ยินคำว่าแม่ เธอนั้นก็แสนจะดีใจ
"อะไรดีคะไอติม...รู้เหรอว่าพี่แจงคุยอะไร?" ผู้เป็นพ่ออุ้มลูกสาวขึ้นแนบอกพร้อมเอ่ยถาม
"ไม่รู้ค่ะ แฮะ ๆ ได้ยินว่าแม่ ไอติมดีใจ" เด็กหญิงพูดออกมาอย่างเดียงสา เธอยังไม่เข้าใจลึกมากว่าสิ่งใดพูดจริงหรือไม่จริง แค่สิ่งที่ได้ยินนั้นมันทำให้เธอรู้สึกดีและอบอุ่น
"ไม่รู้แล้วตอบได้ไง?" ผู้เป็นพ่อย้อนถามพร้อมกับสูดดมพวงแก้มกลมของลูกสาว
"อยากคุยด้วยค่ะ...ก็ไม่มีใครคุยกับไอติมเลยนี่คะ คุยกันอยู่สามคน" เด็กหญิงแย้งขึ้นด้วยเหตุผลของตัวเอง
"คุณหนูไอติม มาคุยกับยายปริกก็ได้ค่ะ" แม่บ้านอาวุโสที่ยืนอมยิ้มและฟังการสนทนาของคนทั้งสี่แทรกขึ้นอย่างเอ็นดูในคำตอบของเด็กหญิง
"ไม่อาวววว...อยากเล่นกับพี่แนน" เด็กหญิงพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปยังเป้าหมายที่เป็นพี่แนนของเธอ ที่กำลังจะยกแก้วน้ำเย็นขึ้นดื่มดับกระหาย
"งั้นไปเล่นกันดีไหม ระหว่างพี่แจงกับยายปริกทำกับข้าว" แนนพูดเสนอพร้อมกับส่งยิ้มให้เด็กหญิงที่อยู่ในอ้อมกอดของพ่อ
"ไปค่ะ...คูมพ่อปล่อยน้องไอติมค่ะ จะลงไปหาพี่แนน"
"มีพี่แนนแล้วทิ้งพ่อเลยอ่ะ" ผู้เป็นพ่อพูดเย้าแหย่และตีสีหน้าเศร้า
"โอ๋ ๆ ไม่ได้ทิ้งค่ะ ไปเล่นแป๊บเดียวก็มา ไปเล่นรอยายปริกทำกุ้งกับปลาหมึกนอนแช่น้ำ" เด็กหญิงให้เหตุผล
"โอเคค่ะ อย่าซนกับพี่แนนนะ รู้ไหม"
"ค่าาาาา"ผู้เป็นพ่อสั่งทิ้งท้ายก่อนที่เธอกับแนนจะเดินออกไปจากห้องครัวพร้อมเสียงเจื้อยแจ้วสดใสดูมีความสุข
แววตาของเจที่มองแนนโดยที่เธอนั้นไม่ทันสังเกต สายตาที่ดูหยาดเยิ้มเมื่อได้มองเธอที่มีรอยยิ้มและเวลาที่เธอนั้นเอ็นดูลูกสาว มันทำให้ใจของเขานั้นเต้นแรง การใกล้ชิดจากการทำงานร่วมกันอยู่นานสักระยะ มันเริ่มทำให้หัวใจของผู้เป็นพ่อที่ไม่มีใครมานานหลายปีเริ่มผันเปลี่ยนไป มันกระชุ่มกระชวยทุกครั้งตั้งแต่ที่มีแนนเข้ามาในบริษัทและร่วมงานกัน แม้เธอจะเป็นเพียงเด็กฝึกงานแต่ความสามารถในการเรียนรู้ของเธอนั้นมากพอ...
"หิวจังเลยค่ะคูมพ่อ" เด็กหญิงเอ่ยบอกขณะที่นั่งรถไปทำงานกับผู้เป็นพ่อในเช้าของวันใหม่
เด็กหญิงดีใจและตื่นเต้นเมื่อเธอนั้นตั้งหวังจะได้พบกับคนที่เธอนั้นสนิทชิดเชื้อ
"เมื่อเช้าหนูไม่กินข้าวเหรอ....พ่อเห็นยายปริกบอกจะทำของโปรดให้หนูนี่คะ" คุณพ่อเจย้อนถาม สายตาพรางหันมองลูกสาวที่นั่งคาดเข็มขัดเบาะข้าง
"กินกุ้งนอนแช่น้ำไปฉองตัวค่ะ" เด็กหญิงเอ่ยบอก
"ทำไมกินน้อยจังล่ะ.....อิ่มเหรอ?" คุณพ่อเจย้อนถาม เพราะปกติของโปรดปรานลูกสาวจะกินจนทำหมดเกลี้ยงไม่มีเหลือ
"เอาไปฝากพี่แนนค่ะ.....อยากกินกับพี่แนน" เด็กหญิงบอกกล่าวทำเอาคนเป็นพ่อนั้นหันควับมามอง ก่อนจะหันเหสายตามองตามท้องถนน มือบังคับพวงมาลัย ก็ลูกสาววัยสดใสเล่นติดผู้ช่วยเลขายิ่งกว่าเงาตามตัว
แม้แนนจะกลับบ้านหลังจากทานมื้อเย็นเสร็จ ไม่วายที่ลูกสาวตัวจิ๋วพูดพร่ำอย่างนึกถึง เธอมักจะเอ่ยชมพี่แนนของเธอให้พ่อฟังจนกว่าเธอนั้นจะหลับใหลถึงเงียบปากสนิทไป
"น้องไอติมชอบพี่แนน พี่แนนใจดีและสวย แก้มพี่แนนก็ห๊อมหอม ไอติมหอมแล้ว คูมพ่อหอมหรือยังคะ" เด็กหญิงพูดร่ายยาวอย่างมีความสุข หัวเล็กๆ เอียงจนได้มุมองศา สายตาจ้องมองผู้เป็นพ่ออย่างจดจ่อรอคำตอบ
คำถามที่ลูกสาวแสนจะเดียงสาเอื้อนเอ่ย ทำเอาผู้เป็นพ่อนั้นถึงกับเกิดอาการเคอะเขินใบหูแดงซ่าน....การหอมแก้มที่เด็กหญิงนั้นกระทำ เธอคงไม่เข้าใจว่าใครจะทำบุ่มบ่ามไม่ได้
"พ่อหอมพี่แนนไม่ได้หรอกนะคะไอติม..." ผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้น จะตอบลูกสาวอย่างไรดีกับคำถามของเธอ เพื่อให้เธอเข้าใจง่าย ๆ ....พ่อเจปวดหัวอีกแล้วกับการช่างถามของลูกสาว
"ทำไมล่ะคะ?...." เด็กหญิงย้อนอย่างไม่เข้าใจ
"เอ่อ พ่อจะตอบยังไงดี....คือพี่เเนนโตแล้วพ่อคงทำแบบนั้นไม่ได้ พี่เเนนต้องดุพ่อแน่ ๆ" ด้วยไม่รู้จะให้คำตอบลูกสาวยังไง ด้วยความเป็นผู้ชายที่คิดคำพูดไม่เก่ง จึงตอบได้ดีที่สุดเพียงเท่านี้
"ทำไมต้องดุด้วยล่ะคะ?" เด็กหญิงยังคงถามต่อ พร้อมกับสีหน้าที่ยังแสดงถึงความไม่เข้าใจ
"ก็พ่อเป็นผู้ชาย ไปทำแบบนั้นกับพี่แนนไม่ได้"
"ทำไมไม่ได้ น้องไอติมยังทำได้เลยค่ะ น้องไอติมหอมแก้มพี่แนนฉองข้างเลย นุ่มด้วยนะคะคูมพ่อ"
"ไอติมเหนื่อยไหมลูก....พ่อว่าหนูหยุดพูดสักพักไหมคะ หิวน้ำไหม?" เมื่อตันแล้วซึ่งคำตอบที่ลูกสาวนั้นเกิดคำถามไม่หยุด คนเป็นพ่อจึงบ่ายเบี่ยงทันที
"เริ่มเหนื่อยแล้ว อ๋า....หิวน้ำจัง" เด็กหญิงบอกกล่าว
"งั้นแวะร้านสะดวกซื้อเนอะ....ซื้อฝากพี่แจงกับพี่แนนด้วยดีไหม?" ผู้เป็นพ่อหักพวงมาลัยรถเลี้ยวจอดตรงร้านสะดวกซื้อหลากสี ที่ผู้คนนิยมกันเลือกสรรค์สิ่งของ
"ค่ะคูมพ่อ ซื้อหลายอย่างได้ไหม?" เด็กหญิงดีใจเมื่อผู้เป็นพ่อนั้นออกปากอนุญาต
"ได้ค่ะ....เลือกแต่พอกินนะคะ เดี๋ยวหนูกินไม่หมด ทิ้งขว้างของกินมันไม่ดี" คนเป็นพ่อกล่าวพรางสั่งสอนให้เด็กหญิงจดจำ แม้จะมีเงินเพียงพอในการจับจ่าย แต่ก็ไม่อยากให้ลูกสาวติดนิสัยฟุ่มเฟือย
"ขอบคูมค่ะ....คูมพ่อใจดี" เด็กหญิงเดินนำหน้าผู้เป็นพ่ออย่างไม่นึกกลัวสถานที่ สองขาเล็กๆ วิ่งตรงดิ่งไปยังโซนขนมหลากหลาย สายตาของผู้เป็นพ่อมองลูกสาวอย่างอิ่มเอมใจ และสิ่งที่ลูกถามก่อนหน้า เมื่อนึกถึงก็ทำให้ผู้เป็นพ่อนั้นใบหน้าร้อนผ่าว
'แก้มพี่แนนห๊อมหอม' คำบอกเล่าที่ลูกสาวนั้นกระทำที่ผ่านมา หวนให้นึกถึงใบหน้าของนักศึกษาฝึกงานทันที จนพ่อเจนั้นถึงกับหลุดยิ้มออกมาอย่างเผลอลืมตัว......
"วันนี้น้องไอติมห้ามซนเเล้วก็ห้ามกวนพี่แนนกับพี่แจงด้วยนะ" คุณพ่อเจเอ่ยย้ำแก่ลูกสาวเมื่อก้าวขาเดินเข้ามาในตัวอาคารสำนักงาน
"โธ่ คูมพ่อขา.....น้องไอติมจำได้ค่ะ คูมพ่อขี้บ่น น้องไอติมจะไม่ดื้อไม่ซนเป็นเด็กดีแน่นอนค่ะ" เด็กหญิงเดินจับมือผู้เป็นพร้อม พร้อมเสียงเล็กๆ ที่เอ่ยอย่างสร้างความมั่นใจแก่พ่อเจ
"เก่งมากค่ะ...."
"น้องไอติมกลัวพี่แนนไม่รัก แฮ่ ๆ ..." เด็กหญิงหัวเราะเจื่อนพร้อมเงยหน้ามองคุณพ่อเจที่เดินจับมือ ส่วนมืออีกข้างก็ถือสัมภาระและของกินให้ลูกสาวตัวน้อย
"หื้ม....คำก็พี่แนนสองคำก็พี่แนนนะเดี๋ยวนี้" คุณพ่อเจแซวลูกสาวพรางลอบยิ้ม เดี๋ยวนี้ลูกสาวตัวน้อยยิ้มบ่อยขึ้น ใบหน้าดูสดใสกว่าแต่ก่อนดั่งเธอนั้นมีความเปี่ยมล้นจากภายใน
"รักพี่แนนค่ะ...น้องไอติมชอบพี่แนน"
"ปากหวานจริงลูกสาวพ่อ"
"ปากหวานเหรอคะคูมพ่อ....งื้อต้องฟันผุแน่ ๆ ครูบอกว่ากินของหวานฟันจะผุ ไม่เอาไม่อยากปากหวานกลัวฟันผุ.....คูมพ่อขาไม่เอา ๆๆๆ" เด็กหญิงโวยวายเมื่อเเปลงความหมายผิดเพี้ยนไปตามประสาและจินตนาการ
"ฮ่า ฮ่า .....ไม่ใช่แบบนั้นค่ะไอติม" ผู้เป็นพ่อถึงกับขำลั่นกับจินตนาการของลูกสาว
((พี่เจสวัสดีค่ะ/ครับ)) ระหว่างทางเดินเสียงเหล่าพนักงานก็เอ่ยทักทายตามรายทาง
"ครับ" พ่อเจยิ้มรับและพยักหน้าอย่างเป็นมิตร
"คูมพ่อขา.....ทำไงดีกลัวปากหวานแล้วฟันผุ น้องไอติมจะเคี้ยวกุ้งนอนแช่น้ำไม่ได้ งืออออออ" เด็กหญิงกระตุกแขนผู้เป็นพ่ออย่างกังวล เมื่อเธอนั้นเข้าใจผิดคิดไปอย่างไร้เดียงสา
"พี่เจสวัสดีค่ะ....." ทันทีที่สายตาสวยมองเห็นผู้เป็นนาย แจงจึงทักทายยกมือไหว้เร็วพลัน
"ครับ"
"พี่แจงสวัสดีค่ะ" เด็กหญิงที่เดียงสายกมือป้อม ๆ ไหว้ทักทายอย่างนอบน้อมน่ารักเลขาสาวเช่นกัน
"สวัสดีค่ะน้องไอติม" เสียงของแจงเอ่ยทักทายผู้เป็นนายก่อนจะมองต่ำส่งยิ้มแก่เด็กหญิงที่ตอนนี้หน้านิ่วงอ....
โต๊ะทำงานที่ปกติจะมีแนนประจำคู่เคียง แต่ตอนนี้กลับไร้เงา ทำเอาพ่อเจนั้นขมวดคิ้วชนกัน
"พี่แนนไปไหน?" เด็กหญิงเอ่ยขึ้นก่อนคนเป็นพ่อที่สงสัยเสียอีก
"แนนไม่มาเหรอ?"
"แหม๋ ๆ ทั้งพ่อทั้งลูกเลยนะคะ....แนนมาปกติค่ะ.....แต่น้องไปห้องน้ำ....มาถึงก็ถามหาเลยนะคะพี่เจ" แจงแหวแซวอย่างจับพิรุธทั้งที่ก็เดาได้ไม่ยากกับสิ่งที่มองเห็น สายตาผู้เป็นนายเวลามองมนพิชชา
"ก็แค่ถาม.....ปกติเห็นอยู่ด้วยกัน" พ่อเจรีบแก้ต่างเมื่อถูกจับพิรุธได้ มันทำให้เกิดอาการเขินอาย แต่เมื่อได้รับฟังคำตอบก็รู้สึกโล่งใจ ความรู้สึกที่เป็นตอนนี้ยากจะคาดเดา และไม่เข้าใจตัวเอง ไม่รู้จะต้องจัดการยังไงกับความรู้สึกนี้
"พี่แจงขา น้องไอติมมีขนมเยอะแยะเลย" เด็กหญิงพูดอวดอ้างอย่างน่ารักจนแจงนั้นต้องอมยิ้มเบี่ยงเบนสายตาจากผู้เป็นนายมองเธอแทน
"ว้าว มีของพี่แจงไหมคะ?" แจงโน้มตัวลงต่ำเสมอเด็กหญิง แล้วเอ่ยถามเด็กหญิงอย่างเย้าแหย่
"มีค่ะมีของพี่แนนกับพี่แจง...ซื้อมาฉองอัน" เด็กหญิงที่พูดไม่ชัดถ้อยคำ ควานหาของที่เธอนั้นตั้งใจซื้อมาฝากหญิงสาว ทำเอาผู้เป็นพ่อนั้นวางสัมภาระแทบไม่ทัน
"ไอติมเบา ๆ ลูก เดี๋ยวล่วงหมด" ผู้เป็นพ่อปราม เมื่อเธอพยายามหาของที่ตั้งใจซื้อฝาก
"นี่ค่ะของพี่แจง" เด็กหญิงยื่นของให้
"ขอบคุณค่ะ...จะกินให้อร่อยเลย" แจงรับของพร้อมส่งยิ้มให้เธอ เอ็นดูในความสดใสที่เธอสามารถเรียกรอยยิ้มแก่คนรอบข้างได้เสมอ
"คูมพ่อ....น้องไอติมเมื่อยขาแล้ว" เด็กหญิงพูดแทรก เมื่อเธอนั้นยืนนานแล้ว
"งั้นเข้าห้องทำงานกันเนอะ" ผู้เป็นพ่อเสนอ
"ไปค่ะ...." เด็กหญิงตอบรับและเดินจับมือคุณพ่อเจเข้าห้องทำงานไปอย่างว่าง่ายไม่อิดออด
"ไหนบอกมีของให้พี่แนน...ฝากพี่แจงไว้ไหมคะ?" ผู้เป็นพ่อทักขึ้นเมื่อนึกได้
"ไม่ฝาก อยากเอามาให้เองค่ะ...เดี๋ยวน้องไอติมค่อยออกมาใหม่" เด็กหญิงเดินจับมือพ่อ เดินเข้าห้องทำงานพร้อมให้คำตอบในคำถามของผู้เป็นพ่อ พูดจาฉะฉานไม่มีติดขัด
"โอเค"
((ทำเป็นใกล้ชิดสนิทสนมกับลูกสาวเจ้านาย ใฝ่สูงอยากได้พ่อหรือเปล่านะ))
((นั่นสิแก))
((ฉันล่ะหมั่นไส้มัน....แกดูสิมาฝึกงานแค่ไม่กี่อาทิตย์ ให้พี่เจไปส่งถึงบ้าน ไปกินข้าวด้วยกัน พอดีวันนั้นฉันไปเดินซื้อของเห็นเข้าพอดี))
((จริงดิ))
((ก็จริงน่ะสิ ทำเป็นเรียบร้อยที่ไหนได้ แรดเงียบ!))
((พี่เจไม่สนใจหรอก...ถ้าเขาอยากแต่งงานป่านนี้แต่งไปนานแล้ว มันแห้วแน่นอน))
ฮ่า ฮ่ะ ฮ่า....เสียงพูดคุยอย่างออกรส เสียงเสวนาที่ดังเข้ามาในหูของแนนที่นั่งทำธุระส่วนตัวอยู่ในห้องน้ำ การพูดถึงที่มีเธอเป็นตัวแปร แม้จะไม่เอ่ยชื่อแต่ด้วยเหตุการณ์ที่เล่าบอกย่อมเดาออกว่ามันคือเธอ
แกร๊ก~~~ แนนเปิดประตูห้องน้ำออกมา เสี้ยวสายตามองหน้าผู้หญิงสองคนที่ยืนตรงอ่างล้างมือ แนนไม่สนใจแม้จะถูกพูดถึงในทางเสียหาย เพราะสิ่งที่ทำเธอรู้ดีแก่ใจว่าไม่เคยคิดลบให้ร้ายใคร
รุ่นพี่สองคนเมื่อเห็นแนนเดินออกจากห้องน้ำคับแคบ สีหน้าตระหนกตกใจชั่วครู่ ไม่คิดว่าคนที่กำลังนินทาจะมาอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติด้วยรุ่นใหญ่กว่า
(ทำเป็นนิ่ง) หญิงรุ่นพี่คนหนึ่งพูดขึ้น แต่แนนก็ไม่ได้คิดสนใจ เธอไม่อยากจะมีปัญหาเพราะอาจจะกระทบกับผลการฝึกงานของเธอ หากวิวาทอาจจะทำให้เธอถูกประเมินฝึกงานไม่ผ่าน
((คิดว่าพี่เจให้ติดสอยห้อยตาม....แล้วกร่างได้ใจหรือไง)) หญิงสาวอีกคนขยับเข้าใกล้แนน มองเธออย่างหาเรื่องทั้งที่เธอพยายามหลีกเลี่ยง
"แนนไม่ได้ต้องการมีเรื่องกับใคร...ถอยไปเถอะค่ะแนนจะไปทำงาน" แนนมองหน้าแม้ความสูงของเธอจะน้อยกว่า แต่ก็ไม่คิดกลัวเกรงถ้าเธอไม่ได้ทำอะไรผิด เธอไม่คิดจะทำใครก่อน
(ตอแหลเก่งจริง....ใช้สองเต้าหวังไต่ขึ้นที่สูงเหรอจ๊ะ)
"อย่าเอาสิ่งตัวเองคิดทำ มาตัดสินคนอื่นสิคะพี่" แนนที่เริ่มจะควบคุมตัวเองไม่ได้ เมื่อคำพูดมากมายนั้นดูถูกเธอเกินไป จนต้องย้อนด่าออกไปอย่างคนคิดเท่าทัน
((ปากดีจริง...))
"อ๊ะ!!" แนนที่ไม่ทันตั้งตัวถูกผลักจนเสียหลัก ไหล่กระแทกกับผนังห้องน้ำ ก่อนที่ร่างกายจะถูกประชิดจับมั่นด้วยรุ่นพี่ที่เขม็งกัน จนแนนนั้นดิ้นไม่หลุดแม้จะพยายามสะบัดตัว
((เหอะ...อย่ามาปากดีกับพวกกู))
แคว่ก ~~~
(เอาเลยน้ำ ฮ่าฮ่า) รุ่นพี่ที่จับล็อกแนนส่งเสียงเชียร์ เมื่อเพื่อนนั้นจับเสื้อนักศึกษาของแนนฉีกวิ่นตรงรอยต่อแขน
ตุบ!! แนนที่ทนไม่ไหวยกขาถีบรุ่นพี่ชื่อน้ำจนก้นขมำ
((แก!! กล้าถีบฉันเหรอ))
เพี๊ยะ!! แรงสะบัดจนตัวเองหลุดพ้นจากการจับล็อก แนนฟาดฝ่ามือเรียวยาวลงกระแทกแก้มของรุ่นพี่อีกคนพร้อมผลักเธอจนเซถลากระแทกกับขอบอ่างล้างหน้า
(นังแนน!)
"เข้ามาสิ!...ถ้าอยากโมหน้าใหม่" แนนที่พูดข่มขู่ พร้อมยกกระถ่างพลูด่างใบพอดีมือขึ้นสูง พร้อมปะทะทันทีหากทั้งสองคนนั้นคิดรุมเธออีกครั้ง
รุ่นพี่ทั้งสองคนชะงักขาทันที เพราะสีหน้าแนนตอนนี้น่ากลัว ดวงตาขึงขังจ้องมองอย่างเอาเรื่อง
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนนิ่ง อีกคนยืนจับแก้ม ส่วนอีกคนมือค้ำเอวลูบก้นปอย ๆ เธอจึงวางกระถางแล้วออกมาจากจุดนั้นทันที...การที่ตนไม่คิดว่าทำอะไรผิด แต่กลับยังมีคนที่เขม็งทั้ง ๆ ที่เธอก็อยู่ของเธอดี ๆ
กริ่ง กริ่ง เสียงโทรศัพท์ตรงโต๊ะเลขาดัง เเจงจึงรีบยกหูโทรศัพท์รับสายทันที
((บอกแนนเข้ามาที)) เสียงผู้เป็นนายลอดผ่านสายโทรศัพท์
"ค่ะ"
....แนนที่รีบจัดทรงเสื้อผ้าให้เข้าที่เป็นปกติ แขนเสื้อข้างซ้ายที่ขาดวิ่น เธอพยายามที่จะหันหลบสายตาคนอื่น ยืนถอนหายใจแรงเมื่อเดินมาใกล้โต๊ะทำงานคู่กับแจง
"พี่เจเรียกแนนไปพบนะ" แจงบอกกล่าวโดยไม่ทันสังเกตทันทีที่เห็นแนนเดินมา
"อ่อค่ะ...แนนเข้าพบเลยไหมคะ"
"ไปเลยจ๊ะ" แจงหันมาส่งยิ้มก่อนจะก้มหน้าทำงานต่อ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูอย่างขออนุญาต ก่อนที่ร่างเสลาในชุดนักศึกษาจะเดินเข้าไปด้านใน แขนเสื้อที่มีรอยขาดเธอพยายามจัดทรงให้ตีเนียนเพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็น
"พี่แนนขา...สวัสดีค่ะ" เสียงใส ๆ ของเด็กหญิงไอติมเอ่ยทันทีเมื่อเห็นแนนก้าวขาเข้ามา...เธอดีใจและตั้งตารอคอยอย่างใจจดจ่อ
"สวัสดีค่ะ วันนี้มาทำงานกับคุณพ่อด้วย"
"คิดถึงพี่แนนเลยตามคูมพ่อมา"
"ปากหวานจังเลยน้า" แนนเอ่ยชมพร้อมมือลูบหัวเด็กหญิงอย่างเอ็นดู
"ปากหวานอีกแล้ว งื้ออออ ไอติมกลัวฟันผุ" เด็กหญิงให้เหตุผลตามจินตนาการของเธอ
"หื้ม?" แนนฉงนใจสงสัยในสิ่งที่เด็กหญิงสื่อ
"ไอติมคะ กวนพี่แนนอีกแล้วนะ" การสนทนาของหญิงสาวอยู่ในสายตาของพ่อเจตั้งแต่ประโยคแรก เขาไม่คิดทักท้วงแต่อย่างใดกลับชอบมองเสียมากกว่าเวลาที่แนนกับไอติมพูดคุยกัน...แต่ต้องท้วงขึ้นเมื่อแนนนั้นแสดงสีหน้างวยงงกับสิ่งที่ลูกสาวบอก
"ขอโทษค่ะพี่เจ ว่าแต่เรียกแนนมีอะไรไหมคะ?" แนนที่นึกขึ้นได้เดินจูงมือเด็กหญิงมาหยุดยืนตรงข้ามโต๊ะทำงานของผู้เป็นนาย
การเผลอลืมกับเสื้อผ้าที่ฉีกขาดเมื่อนึกถึงสิ่งที่ควรทำมากกว่า ร่องรอยที่เด่นชัดตรงรอยเสื้อจึงเผยต่อสายตาของพ่อเจ....สายตาคมเข้มจ้องมองรอยขาดอย่างสังเกต แนนที่เห็นเขาเงียบกว่าปกติ พร้อมสายตาที่มองนิ่ง จึงขยับแขนเสื้ออย่างปกปิด แม้จะไม่ทันแล้วก็ตาม
"ทำไมเสื้อถึงขาด" เสียงเข้มของเจเอ่ยถามขึ้นอย่างสุขุม
"...เกี่ยวขอบประตูค่ะ" แนนตอบเสียงเรียบแม้จะไม่ใช่ความจริง ด้วยเหตุไม่อยากให้เรื่องราวบานปลาย
"แน่ใจ?" เจย้อนถามเสียงเข้มหนัก พร้อมสายตาที่เล็งมองจ้องหน้าแนนอย่างจับสังเกต
"ค่ะ" แนนตอบรับอย่างมั่นใจ
"พี่ไม่ชอบคนโกหก"
"แนนเปล่าโกหกค่ะ"
ทั้งสองคนต่างจ้องมองสบตากัน อีกคนนั้นถามเร้าด้วยอยากรู้ความจริง เพราะสิ่งที่เห็นนั้นแค่เกาะเกี่ยวขอบประตูรอยฉีกขาดไม่น่าจะมากขนาดนี้
"ทำไมคูมพ่อต้องดุพี่แนน...เดี๋ยวพี่แนนร้องไห้หรอก" เด็กหญิงที่มองผู้ใหญ่ทั้งสองคุยกันอย่างเข้มขรึมท้วงขึ้น
"พ่อไม่ได้ดุค่ะไอติม พ่อแค่ถาม" พ่อเจรีบอธิบายแก่ลูกสาว
"โอ๊ะ! พี่แนนตรงนี้ทำไมเป็นแบบนี้คะ" เด็กหญิงตัวเล็กที่สายตาอยู่ระดับแขน ท้วงขึ้นเมื่อเห็นรอยจ้ำแดงบริเวณแขนของแนนที่คงกระแทกกับผนังอย่างแรงจนเกิดรอยช้ำ
สายตาเจมองตามสิ่งที่ลูกสาวทักท้วงอย่างจับจ้อง ก่อนจะเงยหน้าจ้องมองแนนด้วยความรู้สึกไม่พอใจ
"พี่แนนไม่เป็นไร พี่แนนซนไงคะเลยเดินชนผนัง"
"ชนผนัง?"
เจพูดแทรกขึ้นเมื่อแนนนั้นหลุดปากอย่างเผลอลืมตัวกับสิ่งที่ขัดแย้งโกหกก่อนหน้า เธอนิ่งและชะงักทันที ก่อนจะยืนนิ่งหลบสายตาคมของเจที่มองไม่วางตา
"ฟู่ววว...หายแล้วค่ะพี่แนนไอติมเป่าให้มีมนตร์วิเศษ" เป็นเด็กหญิงไอติมที่ทำลายบรรยากาศอึมครึมของผู้ใหญ่ทั้งสองลง เสียงใสดังขึ้นจึงทำให้แนนนั้นหันมาสนใจเด็กหญิง
"พี่แนนไม่เจ็บเลย...หายจริงด้วย"
"ไปกินกุ้งนอนแช่น้ำกันค่ะ ไอติมเอามาฝากอยากกินกับพี่แนน" เด็กหญิงจูงมือแนนมายังโซฟาตัวยาวที่เธอนั่งเล่นก่อนหน้า บนโต๊ะที่มีของกินมากมายที่เธอตั้งใจเอามากินกับแนน
"แต่พี่แนนต้องทำงานค่ะ...น้องไอติมกินเลย"
"กินก่อนค่อยไปทำ" เสียงเข้มของเจพูดขึ้นแต่เขาไม่สนใจมองไปยังสองคนที่นั่งโซฟา กลับก้มหน้าก้มตาดูเอกสารอย่างตั้งใจ
แนนที่ได้ยินจนต้องเงยหน้าไปมอง แต่ก็ไร้การสบจ้องมองคืน สิ่งที่ได้ยินทำเธอนั้นสงสัย แต่ก็ไม่กล้าถามอะไรออกไป เพราะเขานั้นนิ่งขรึมเหลือเกินตั้งแต่ที่เธอนั้นหลุดโกหกให้เขาจับพิรุธได้
"แจงพี่วานหน่อยสิ" เสียงของผู้เป็นนายเอ่ยขึ้นเมื่อเดินออกมาจากห้องทำงานหยุดยืนข้างโต๊ะทำงานของเลขา
"ค่ะพี่เจ" แจงรีบรับคำ
"ไปซื้อเสื้อขนาดตัวเท่าแนนมาให้หน่อย" เจสั่งการออกไปตามตรงดั่งที่ตั้งใจ จะให้แนนนั้นทำงานด้วยการใส่เสื้อที่ขาดวิ่นแบบนั้นทั้งวันได้อย่างไร เนื้อแขนขาว ๆ ที่โชว์หราคงไม่เป็นการดี
"เสื้อเหรอคะ?" แจงย้อนแย้งขึ้นอย่างสงสัยพรางส่งสายตามองหน้าผู้เป็นนายอย่างจับจ้อง
"อืม....พอดีเสื้อแนนขาดถ้าให้น้องใส่เสื้อแบบนั้นนั่งทำงานทั้งวันคงจะดูไม่ดี แจงไปหาซื้อมาให้น้องที" เจว่ากล่าวแม้ลึก ๆ จะรู้สึกเขินอาย เมื่อสายตาของเลขาสาวนั้นจ้องมองอย่างจับพิรุธและลอบยิ้มอ่อน
"พี่เจ......ฮั่นแน่" เเจงมองหน้าผู้เป็นนายพร้อมรอยยิ้ม พรางชี้นิ้วส่ายไปมาอย่างแซว ๆ
"อะไร ๆ รีบไปเร็ว ๆ จะได้มาทำงานต่อ" เจที่มีอาการเขินอายเมื่อเลขานั้นแซวจนต้องหาทางบ่ายเบี่ยงแก้เขิน
"ค่ะ ๆ .... ไปหามาประเคนเดี๋ยวนี้ค่ะเจ้านายสุดหล่อ" แจงพูดพร่ำพร้อมกับสะพายกระเป๋าใบโปรด
"รีบไปสิมามองหน้าพี่ทำไม?" เจย้อนถามเมื่อแจงนั้นเหมือนเตรียมตัวแล้วเสร็จแต่ยังจ้องมองหน้าเขาอยู่
"ไปยังไม่ได้ค่ะ...เงินไม่มาเลขาก้าวขาไม่ออกค่ะ" แจงแทรกขึ้นพร้อมกับแบมือยื่นตรงหน้าผู้เป็นนาย
"ขี้งกว่ะ" เจบ่นเบา ๆ อย่างเย้าแย่แต่ก็ล้วงหยิบเงินวางบนมือของแจงด้วยแบงก์สีเทา
"ได้ไงล่ะคะพี่เจ ซื้อของให้ผู้หญิงก็ต้องใช้เงินตัวเองสิคะ หญิงถึงจะประทับใจ" แจงพูดแซวอย่างแนะนำ
"แจงก็มาเบิกตามหลังก็ได้ไหม?" เจย้อนพรางส่ายหัวระอากับแม่เลขาตัวแสบ
"ตอนนี้แจงทรัพย์จางค่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า"
"ไป ๆ พูดมากอยู่นั่น" เจรีบออกปากไล่ก่อนจะเดินกลับเข้ามาในห้องทำงาน
จากที่ยิ้มแย้มเมื่อเดินย่างเข้ามายังสถานที่ทำงานส่วนตัว เจปรับสีหน้าให้นิ่งเรียบ ใช้เพียงหางตามองไปยังหญิงสาวที่เล่นหยอกล้อกับลูกสาวอย่างสนุกสนาน สายตาเหลือบมองเห็นว่าแนนนั้นมองตามเขาตั้งแต่ที่เดินเข้ามายังห้องไปจนเจนั่งลงทำงานอย่างตั้งใจ
สิ่งที่สัมผัสได้ถึงแววตาที่มองมานั้น เหมือนดั่งเธออยากจะพูดคุยแต่ยังกระอักกระอวลที่จะพูดคุย เขาจึงไม่สนใจก้มหน้าก้มตาทำงานต่ออย่างตั้งใจ ไม่ขับไล่หรือบอกว่าเวลานี้เธอควรจะทำงาน เมื่อเขาพอใจแล้วกับการที่แนนนั้นนั่งเล่นอยู่ในห้องนี้เป็นเพื่อนลูกสาว
"พี่แนนขา..." เสียงแหลมใสของเด็กหญิงไอติมดังขึ้นจนทำให้แนนนั้นต้องหันเหสายตามาสนใจเธอ
"ว่าไงคะ?"
"พี่แนนเป็นอะไรไปเหรอคะ...ทำไมหน้าเศร้าแบบนั้นล่ะ เล่นกับไอติมไม่สนุกเหรอ" เด็กหญิงที่เห็นสีหน้าแนนไม่สดใสดังเก่า จึงท้วงขึ้นตามประสาเมื่อสงสัยก็ถามตรง ๆ
"เปล่าค่ะ เล่นกับไอติมสนุกที่สุด"
"ไม่เห็นยิ้มเลย" เด็กหญิงเอ่ยทัก รอยยิ้มของแนนหายไปตั้งแต่ที่เธอนั้นโกหกผู้ชายตรงหน้า ด้วยไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงอยากอธิบายเมื่อเขานั้นดูเฉยชา แต่ก็ไม่กล้าพอด้วยเธอนั้นเป็นเพียงแค่เด็กฝึกงาน สิ่งที่ทำไปก็แค่ไม่อยากให้มีปัญหากับใครจนบานปลาย ด้วยนิสัยไม่ชอบสุงสิงกับใครให้มากความด้วยเรื่องเล็กน้อย...เธอจึงคิดโกหกเขา
"ยิ้มเท่านี้พอไหม?" แนนหันไปสนใจเด็กหญิง เธอฉีกยิ้มกว้างให้เด็กหญิงได้เห็น แม้จะทำด้วยความฝืน ๆ เพราะมีสิ่งที่กังวลอยู่ในใจ
"พี่แนนยิ้มสวยสุดๆ" เด็กหญิงที่ไร้เดียงสาเอ่ยปากชม
คนที่นั่งนิ่งก้มตาเมื่อได้ยินลูกสาวพูดขึ้นอย่างมีความสุข จนเขานั้นอดไม่ได้เลยที่จะเงยหน้าไปมอง สายตาคมจับจ้องมองหญิงสาวที่กำลังฉีกยิ้มอย่างเอาใจเด็กหญิง เขาอยากมองเธอแบบนี้ ยิ่งได้มองก็ยิ่งทำให้หัวใจชายที่อายุมากกว่าเต้นแรง ความสดใสของเธอที่เข้ากันได้กับลูกสาวยิ่งทำให้เจนั้นแทบไม่อยากจะละห่างสายตา การจ้องมองอยู่ชั่วครู่ไม่วางตา จนแนนที่รู้ตัวนั้นหันมามองทั้งที่ตัวเองยังคงยิ้มค้างจากการเล่นกับเด็กหญิงไอติม
ติ่ง เสียงข้อความจากแอปพลิเคชันสีเขียวดังแจ้งเตือน หน้าจอข้อความบ่งบอกถึงสิ่งที่ต้องการนั้นมาถึงแล้ว เสื้อที่เขาไหว้วานใช้แจงไปซื้อให้เพื่อจะมอบมันให้แก่แนนได้สวมใส่
สองขายาวก้าวเดินออกจากห้องไป โดยที่แนนนั้นก็มองตามแผ่นหลังหนาจนลับตาไป เธอไม่สบายใจกับท่าทีเฉยชาเมินใส่เธอแบบนี้แม้รู้ดีว่าตัวเองนั้นไม่มีสิทธิ์ที่จะไม่พอใจ แต่การที่ถูกเขาจับได้ว่าโกหกมันทำให้เธอนั้นกังวลไม่น้อย ด้วยไม่รู้เช่นกันว่ามันคือความรู้สึกแบบไหน แต่เธอไม่อยากให้เขามองเธอไม่ดี ทั้งที่เขาบอกว่าไม่ชอบคนที่โกหก...
ถุงกระดาษสกรีนชื่อยี่ห้อสีน้ำตาล ถูกยื่นไปตรงหน้าแนนโดยที่คนยื่นให้ไม่ได้พูดอะไร นอกจากจ้องมองเท่านั้น
"อะไรคะ?" แนนที่นั่งป้อนเกี๊ยวกุ้งให้เด็กหญิงไอติมเงยหน้ามองคนที่ตัวสูง
"ว้าว...คูมพ่อซื้อให้พี่แนน" เด็กหญิงปากกำลังเคี้ยวเกี๊ยวกุ้งตุ้ย ๆ จนเต็มปากเอ่ยทักขึ้นด้วยแววตาลุกวาว
"เสื้อ...เอาไปเปลี่ยนสิ จะใส่เสื้อขาดแบบนี้ทำงานทั้งวันหรือไง" คุณพ่อเจเอ่ยบอกพร้อมกับวางถุงเสื้อลงกับโต๊ะเมื่อแนนนั้นไม่รับถุงเสียที
"แต่แนน....."
"เอาไปเปลี่ยนแล้วก็ออกไปเตรียมตัวกับพี่แจง วันนี้พี่มีนัดคุยงานกับลูกค้าข้างนอกตอนสิบเอ็ดโมง" เขาพูดสวนขึ้นทันทีทั้งที่แนนยังพูดไม่จบประโยค
ขายาวก้าวเดินมายังโต๊ะทำงานพร้อมปากที่เอ่ยพร่ำอย่างสั่งการ โดยไม่สนใจว่าแนนนั้นจะมีอาการอย่างไร
"คูมพ่อดุพี่แนนอีกแล้วนะคะ" เด็กหญิงที่เห็นท่าทางผู้เป็นพ่อซึ่งผิดแปลกไป เธอจึงทักท้วงขึ้นอย่างเดียงสา
"แล้วไอติมคิดว่าคนที่ โกหก!...สมควรถูกลงโทษยังไง?" ผู้เป็นพ่อพูดขึ้นอย่างเน้นหนักคำว่าโกหก กับลูกสาวที่เดียงสา อย่างสื่อความหมายไปหาอีกคนที่นั่งข้าง ๆ มือวางปากกาที่ขีดเขียน นั่งเอนหลังพิงไปกับพนักเก้าอี้ สายตาเพ่งมองไปยังหญิงสาวที่ตอนนี้นั่งก้มหน้าไม่กล้าสบตาเขา
"อืม~~~~ ลงโทษคนโกหกอย่างนั้นเหรอคะ...ต้องลงโทษยังไงน้า" เด็กหญิงทำท่าครุ่นคิดอย่างน่ารัก แต่คนที่นั่งเคียงข้างนั้นกังวลใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ครู่สายตาที่เงยมองประจวบเหมาะสบสายตาเข้มที่จ้องมายังเธอพอดิบพอดี
"ใช่ครับบทลงโทษคนโกหก น้องไอติมคิดว่าควรทำไงดี" ผู้เป็นพ่อเอ่ยย้ำอีกครั้ง ปากพูดกับลูกสาว แต่สายตามองไปยังอีกคนที่นั่งนิ่งเคียงข้าง
"อ่าคิดออกแล้ว...ตีมือค่ะคูมพ่อ ตีมือแปะ ๆ " เด็กหญิงเสนอด้วยความคิดตามประสาเด็ก
"ตีมือเหรอคะไอติม?" ผู้เป็นพ่อย้อนย้ำในสิ่งที่เด็กน้อยว่ากล่าว
"ใช่ค่ะ คูมพ่อใช้อันนี้ตีก็ได้ค่ะ...อันนี้เรียกว่าอะไรน้า" เด็กหญิงที่ช่างเจรจาลุกเดินไปหาผู้เป็นพ่อ ปากก็พร่ำพูดสาธยายเป็นนกแก้วเจี้ยวจ้าว ก่อนที่มือป้อม ๆ จะหยิบฟุตเหล็กชี้บอกว่ามันคือเครื่องมือที่ใช้ลงโทษในความคิดของเธอ...
"อันนี้เหรอ...อืมคงเจ็บหน้าดูเลยเนอะไอติม" ผู้เป็นพ่อหยิบฟุตเหล็กจากมือลูกสาวขยับโยกไปมา แต่สายตากลับจ้องมองอีกคนที่ตอนนี้นั่งนิ่งมองมาที่เขา ดวงตาสวยจ้องมองแววตาที่สื่อ สัมผัสได้เหมือนเธอรู้สึกผิดที่โกหกเขา
"คูมพ่อลองตีตัวเองดูสิคะว่าเจ็บไหม?"
"คิก~~" เสียงขำเค่นในลำคอของแนนเมื่อเด็กหญิงไอติมนั้นพูดย้อนผู้เป็นพ่ออย่างเดียงสา....แต่กลับมีสายตาดุพิฆาตจ้องมายังเธอ จนต้องเก็บเสียงหัวเราะคืนแล้วปรับสีหน้านิ่งเรียบ แม้จะนึกขำไม่หายอยู่ก็ตามที
"พี่แนนขำอะไรเหรอคะ....ไอติมขำด้วยสิ" เด็กหญิงเลิกสนใจผู้เป็นพ่อ...เดินมายังจุดเดิมที่มีแนนนั้นนั่งอยู่
"พี่แนนเปล่าขำค่ะ...งั้นพี่แนนไปเปลี่ยนเสื้อก่อนนะ เดี๋ยวคุณพ่อน้องไอติมจะดุ" แนนหันไปพูดกับเด็กหญิงพร้อมกับหยิกแก้มกลมนั้นเบา ๆ อย่างเอ็นดู
"น้องไอติมไปด้วยค่ะ...." เด็กหญิงจับมือแนนรั้งไว้ ส่งสายตาอ้อนปริบ ๆ อย่างวิงวอน
"เอ่อ~~~" แนนที่กระอักกระอวลเมื่อเด็กหญิงนั้นออดอ้อน เธอมองไปยังผู้เป็นพ่อของเด็กหญิงที่นั่งนิ่งมองดูโดยไม่ปริปากพูด
"นะคะพี่แนนคนฉวย ไปด้วยน้า...นะ" เด็กหญิงเขย่าแขนแนนอย่างร้องขอ
"ก็ได้ค่ะ...งั้นไปกัน" คนหน้านิ่งพยักหน้าตอบรับเธอจึงเอ่ยปากอนุญาตแล้วเดินออกจากห้องทำงานไปพร้อมเด็กหญิงที่มีอาการดีใจอย่างกับได้ขนมที่ต้องการ