ไม่ได้เลวร้าย

2803 Words
เธอจับข้อมือผมรั้งไว้พร้อมวนนิ้วลงฝ่ามือ จนผมต้องรีบชักมือกลับ ใบหน้าและวาจาที่เปล่งออกมานั้นบ่งบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงแรง จะว่าแรดมันก็คงแรงไป ไม่ใช่ว่าผมดูผู้หญิงไม่ออกว่าคนไหนมีลักษณะเบื้องลึกเป็นอย่างไรถึงผมจะชอบการร่วมรักแต่ผมก็เลือก "แอนอยากตอบแทนคุณที่ออกแบบงานได้ถูกใจแอนมาก แบบไร้ที่ติ" "......" ผมลังเลที่จะตอบเธอจึงได้แค่เงียบและมองหน้าเธอที่ยังคงอ้อนวอนผมด้วยสายตาอันเย้ายวน "ตกลงนะคะ" ผู้หญิงสมัยนี้น่ากลัวจริงๆ ผมเลิกลักที่จะตอบเธอได้แต่เม้มปากเป็นเส้นตรง กวัดไกว่สายตามองออกไปจนผมคุ้นกับคนๆ หนึ่ง "เอ่อ...ผมเกรงใจครับ ผมต่างหากที่ต้องตอบแทนที่คุณแอนไว้ใจให้ผมออกแบบภาพให้...แต่วันนี้ต้องขอโทษจริงๆ ผมมีนัดคุยงานต่อ ไว้โอกาสหน้าผมจะเลี้ยงอาหารคุณนะครับ ผมขอตัวก่อน" ผมร่ายยาวโดยไม่ได้เปิดโอกาสให้เธอได้ตอบโต้แล้วรีบปลีกตัวออกมาจากตรงนั้นทันที "ดะ เดี๋ยวค่ะ....คุณแซม!" เสียงเรียกตามหลังที่ผมได้ยินแต่ผมไม่สนใจจนเสียงเรียกนั้นหายออกไปจากการรับฟังของผม ผมรีบวิ่งไปยังเป้าหมาย สายตาผมจ้องไปมองเธอที่กำลังเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อที่ตั้งในบริเวณปั้มน้ำมันขนาดใหญ่ที่ผู้คนให้ความนิยมใช้บริการเป็นอย่างมาก...ยัยหน้าหวานคนนั้น ผมทำทีเดินซื้อของเหมือนลูกค้าทั่วไปแต่สายตานั้นยังมองเธอทุกย่างก้าวโดยที่เธอไม่รู้ตัว ผมค่อยๆ แสร้งขยับจนไปหยุดข้างๆ เธอแล้วหยิบของที่อยู่ชั้นบน หมั่บ! เราทั้งคู่หยิบของชิ้นเดียวกันแต่เธอช้ากว่าผมมือของเธอจึงเหมือนจับมือผมอยู่ "ขอโทษค่ะ" เธอเอ่ยขึ้นอย่างนอบน้อมพร้อมก้มหัวเล็กน้อย "ไม่เป็นไรครับ...ผมหยิบให้นะ" ผมหยิบของยื่นให้เธอพร้อมส่งยิ้มอ่อน "ขอบคุณนะคะ" เธอรับของใส่ตะกร้าแล้วเอ่ยขอบคุณผม ใบหน้าหวานนั้นเวลายิ้มมันช่างบาดใจเหลือเกิน ดวงตากลมโตที่มีเสน่ห์นั้นเมื่อจ้องมองเข้าไปลึกๆ มันดูน่าค้นหา เวลายิ้มซึ่งคนส่วนมากยิ้มแล้วตาจะหยีหรือเล็กลงแต่กับเธอคนนี้มันยังคงดูกลมโตเหมือนเดิมทั้งๆ ที่เธอยิ้มกว้าง "จำผมได้ไหมครับ" เธอยืนทำหน้างงจ้องมองหน้าผม คงจำไม่ได้สินะ "คุณเดินชนผมตรงริมทางเดิน" "อ่า....จำได้แล้วค่ะ คุณนั่นเอง ขอโทษอีกครั้งนะคะที่ไม่ระวัง" "ไม่เป็นไรครับ...ว่าแต่คุณอยู่แถวนี้หรอครับ" "ค่ะ บ้านหนูดาอยู่ตรงนั้น" เธอชี้ไปยังบ้านเดี่ยวสองชั้นหลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในซอยด้านหลังของปั้มน้ำมัน มีซอยเข้าไปไม่ไกลนัก "ชื่อหนูดาหรอครับ" "จริงๆ ชื่อเอฎาค่ะ แต่พ่อกับแม่ชอบเรียกหนูดา เลยติดปากแทนตัวเองจนชินค่ะ"หนูดาผู้น่ารักมีมนุษยสัมพันธ์อันดี ทำไมเธอถึงทำให้ผมหลงเสน่ห์ได้ถึงเพียงนี้นะ "ผมช่วยถือนะครับ" ผมดึงตะกร้าในมือเธอเพื่อช่วยถือหรือเป็นการตีสนิท เมื่ออยากตีสนิทวิธีที่คิดได้ตอนนี้ต้องทำแบบนี้แหล่ะ "ไม่เป็นไรค่ะหนูดาเกรงใจ" เธอยื้อตะกร้าไว้ ตอนนี้เราทั้งคู่เหมือนเด็กที่กำลังแย่งของเล่นกันก็ไม่ปาน "นะครับ...ให้ผมช่วยดีกว่าคุณคงหนัก" "ก็ได้ค่ะ...แต่ไม่ต้องเรียกคุณก็ได้ เรียกเอฎาหรือหนูดาก็ได้ค่ะ" "ครับหนูดา...ให้ผมช่วยถือนะ"  "ก็ได้ ขอบคุณนะคะ" ในที่สุดลูกตื้อของผมก็ทำให้เธอยอมแพ้เธอปล่อยตะกร้าให้ผมถือแล้วเดินเลือกของที่เธอต้องการ เมื่อเรียบร้อยจึงเดินไปจ่ายเงินตรงเคาน์เตอร์ "หนูดาขอตัวกลับก่อนนะคะ...ขอบคุณอีกครั้ง" "ผมเดินไปส่งนะครับของเยอะขนาดนี้หนูดาคงหนัก" "ใกล้แค่นี้เองค่ะ...ไม่เป็นไร" "ไม่เป็นไรผมยินดี" "งั้นก็ตามใจค่ะ" เธอพูดจบก็ยื่นของทุกอย่างให้ผมถือแล้วเดินตัวปลิวนำหน้าไป ((รอด้วยครับ))ผมรีบวิ่งตามเธอไปจนตามเธอทัน "ว่าแต่คุณชื่ออะไรหรอคะ คุยกันตั้งหลายประโยคหนูดาลืมถามชื่อซะงั้น แย่จังเลยนะคะ" เธอพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ "แซมครับ...น่าจะแก่กว่าหนูดา" "อ่อพี่แซม เรียกพี่แซมได้ไหมคะ"  "ได้สิครับ...ยินดี" เราทั้งคู่เดินคุยกันจนมาหยุดตรงหน้าประตูบ้านของเธอ ผมยื่นของทุกอย่างคืนเธอ ผมมองเธอเปิดประตูอันเล็กด้านข้างจนเธอก้าวขาเข้าบ้าน และชะงักหันกลับมามองผม "หนูดาอายุ 25 ค่ะยินดีที่ได้รู้จักนะคะพี่แซม" รอยยิ้มหวานที่เธอส่งมาก่อนเดินเข้าไปมันทำให้ผมแทบละลาย ไม่ใช่เพราะอากาศเมืองไทยร้อนแต่เป็นรอยยิ้มและแววตาของเธอต่างหาก วาจาน่ารัก กิริยาท่าทางน่าหลงใหล ใครเข้าใกล้เป็นต้องหลงรักเธอแน่ๆ เหมือนอย่างที่ผมรู้สึกตอนนี้ ผมนั่งรอลูกค้าที่นัดคุยงานวันนี้ ผมมาถึงก่อนเวลานัดจริง 15 นาทีแต่ตอนนี้มันเลยเวลานัดจริงๆ มาแล้วกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ด้วยความอดทนในการรอผมมีสูง(มั้ง) รออีกสักหน่อยก็ได้เพราะสถานที่นัดคือร้านเบเกอรี่ที่มีทั้งเครื่องดื่มและเบเกอรี่หน้าตาน่ากินเต็มไปหมดทำให้ไม่น่าเบื่อ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาผมนั่งดูงานลูกค้าเจ้าอื่นในโน้ตบุ๊คพร้อมจิบกาแฟไปด้วย "ขอโทษนะคะ คุณคือ.....0.0" เสียงใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้นจนผมต้องละสายตาเงยหน้ามอง ((หนูดา! / พี่แซม!)) เราทั้งสองเอ่ยขึ้นพร้อมกันเสียงดังอย่างแปลกใจ นี่มันความบังเอิญหรือพรหมลิขิตที่ทำให้เราได้เจอกันอีกครั้งกันนะ "หนูดาเองหรอที่ติดต่องานพี่...นั่งก่อนครับ" "ขอบคุณค่ะ " เธอเลื่อนเก้าอี้เแล้วนั่งลงตรงข้ามกับผม"พอดีเพื่อนแนะนำและให้เบอร์ติดต่อนี้มาค่ะ..บังเอิญจังเลยนะคะ" "หรือว่าพรหมลิขิต ?" ผมใช้สองมือท้าวคางแล้วเอ่ยออกไป เธอไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับมานอกจากรอยยิ้มน่ารักๆ อย่างคนเขินอายเท่านั้น "หนูดาก็ไม่รู้สิคะ...เรามาเข้าเรื่องงานกันเลยดีกว่า" "หนูดาสั่งอะไรดื่มก่อนไหม" "ไม่เป็นไรค่ะ...หนูดาทานมาแล้ว " "งั้นเราเริ่มคุยงานกันเลยเนอะ หนูดาต้องการภาพแบบไหนครับ" ผมและเธอคุยงานกันเรื่อยๆ นานนับชั่วโมง งานทุกอย่างที่เธอต้องการผมจดรายละเอียดจนครบเรียบร้อย งานนี้ผมใส่ใจเป็นพิเศษและจะทำให้ดีที่สุด เพราะมันเกี่ยวกับเธอคนนี้ คนของใจในอนาคต " พี่แซมดูภายในร้านก่อนไหมคะ เผื่อพี่แซมมีไอเดียดีๆ แนะนำหนูดา" "ได้ครับ งั้นเราไปกันเลยไหม" "ไปไหนคะ" "ก็ไปร้านที่หนูดาบอกไงครับ" "คิกๆ...ร้านนี้ค่ะ นี่ร้านหนูดาเองค่ะ" เธอขำอย่างน่ารักจนผมอดที่จะมองไม่ได้ "หืออออ....ร้านนี้?" อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น "ค่ะ ร้านนี้" "บังเอิญอีกแล้ว...ร้านนี้พี่ชอบนัดลูกค้าคุยงาน แต่ไม่เคยจะเห็นหนูดาสักครั้ง" "ร้านนี้หนูดาขอพ่อเปิดไว้ค่ะ แล้วให้แม่ดูแลแทนชั่วคราว ก่อนที่หนูดาจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ หนูดาเพิ่งกลับวันที่เดินชนพี่แซมไม่กี่วันเองค่ะ" ...นี่มันเหมือนดั่งพรหมลิขิตสั่งให้พบเจอเธอชัดๆ แม่ยอดยาหยีของผม... ตั้งแต่วันนั้นวันที่ผมคุยงานกันเอฎา ผมดำเนินการถ่ายภาพและทำกราฟฟิกให้กับเธอเพื่อโปรโมทร้านเบเกอรี่ของเธอ ถ่ายภาพเมนูขนมและเครื่องดื่มเป็นที่ถูกใจเธอ ทุกอย่างผมสรรค์สร้างให้เธอจนสุดความสามารถที่ผมมี จากการเริ่มคุยงานกันตั้งแต่ครานั้น มันแปรเปลี่ยนทำให้เราสนิทกันมากขึ้น บางอย่างเกี่ยวกับงานมันคือข้ออ้างที่ผมใช้เพื่อให้ได้เจอเธอ ผ่านมาจนตอนนี้ก็ร่วมเดือนเต็มแล้วที่ผมและเธอได้พูดคุยสนิทชิดเชื้อกันจนเราทั้งคู่สามารถติดต่อกันผ่านแอพไลน์ไว้คุยกัน เอฎาหรือหนูดาที่ผมชอบเรียกจนชินปากเป็นผู้หญิงน่ารัก สดใส รอยยิ้มที่ทำให้โลกทั้งใบเต็มเปี่ยมไปด้วยความชุ่มฉ่ำ เธอทำให้ผมอดที่จะยิ้มไม่ได้ด้วยท่าทีน่ารักสดใสของเธอที่แสดงออกมาอย่างเป็นธรรมชาติไร้ซึ่งการเสแสร้งแสดงมัน "วันนี้หนูดา จะทำอะไรให้พี่ชิมครับ" เธอชวนผมมาที่ร้านเพื่อชิมขนมเค้กที่เธอบอกว่าเป็นเมนูใหม่ของร้าน "หนูดา จะทำเค้กชาเขียวค่ะ...ไปนั่งรอเลยค่ะ" ผมเดินมานั่งรอตรงโต๊ะ อิริยาบถต่าง ๆ ของเธอมันดูน่าหลงใหลจนผมอดที่จะมองไม่ได้ เธอไม่ได้สนใจอะไรผมมากนัก เธอเคยหน้าส่งยิ้มเป็นครั้งคราว สิ่งเดียวตอนนี้ที่เธอสนใจคือการมุ่งมั่นทำเค้กชาเขียวเท่านั้น .... ...จนในที่สุดเค้กชาเขียวก็ถูกเสิร์ฟวางลงตรงหน้าผม พร้อมกับเอฎาสาวน้อยในวัยยี่สิบห้าที่มีหน้าตาน่ารักทรงเสน่ห์กับรอยยิ้มหวานๆ  "พี่แซมลองชิมสิคะ" เธอเอ่ยพร้อมใบหน้าที่เหมือนลุ้นรอคำติชมอย่างจดจ่อ "ชิมเลยนะ" ผมตักเค้กเข้าปากด้วยสีหน้านิ่งๆ ทั้งๆ ที่อยากจะเบิกตากว้างร้องบอกว่ามันอร่อยนุ่มลิ้นมาก แต่ขอแกล้งเธอหน่อยแล้วกัน จากสีหน้าที่เธอแสดงออกมาบ่งบอกว่าเธอนั้นเป็นกังวล "เป็นไงบ้างคะ" เธอยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมอย่างต้องการคำตอบ ใบหน้าหวานๆ เมื่อมองในระยะประชิดมันทำให้หัวใจของผมเต้นโครมคราม ปกติลักษณะอาการแบบนี้เมื่อเข้าใกล้ผู้หญิงผมจะไม่เป็นแต่กับสาวน้อยเอฎาคนนี้ เธอทำให้หัวใจผมแทบหยุดเต้น "อร่อยครับ นุ่มลิ้นมาก" ผมตอบเธอตะกุกตะกักด้วยความเขินอายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน "เฮ้อ....โล่งอก" เธอผ่อนลมหายใจออกเฮือกใหญ่พร้อมกับขยับไปนั่งในท่าปกติตามเดิม ผมอดที่จะอมยิ้มไม่ได้กับกิริยาของเธอที่เหมือนเด็ก "มันขนาดนั้นเลยหรอหนูดา " ผมพูดแกมหัวเราะและส่ายหัวเบาๆ "ก็หนูดาไม่มั่นใจนี่คะ...เพิ่งเคยทำเค้กชาเขียวครั้งแรก" "พี่เป็นหนูทดลองให้หนูดาหรอเนี่ย...พี่จะตายไหม แค่กๆๆ" ผมแกล้งไอกระอักกระอ่วนบีบคอตัวเอง "นี่แหน่ะๆ..." "พอแล้ว เจ็บแล้วครับ" เธอฟาดฝ่ามือเล็กๆ ลงต้นแขนของผมถี่มากจนตอนนี้ผมเริ่มแสบผิว "พี่แซมอ่ะไม่ถึงขนาดนั้นมั้งคะ"  "ล้อเล่นๆ...อร่อยมากครับ" "อื้ออออออออ หนูดาเจ็บนะคะ"ด้วยความหมั่นเขี้ยวผมบีบจมูกเธอเบาๆ ก็มันอดไม่ได้นี่ครับ ก็หนูดาของผมเธอน่ารักขนาดนี้ (((หนูดา))) ผมและเธอหันไปมองยังเสียงที่เอ่ยเรียกชื่อหนูดานางฟ้าของผม เป็นผู้หญิงมีอายุคนหนึ่งที่เดินสับขามายังจุดที่เราทั้งคู่ยืนอยู่ "แม่..." หนูดาเอ่ยขึ้น ผู้หญิงที่เธอเรียกว่าแม่เดินมาหยุดยืนข้างเธอ "พี่แซมนี่แม่หนูดาเองค่ะ" "สวัสดีครับ" ผมเอ่ยพร้อมยกมือไหว้อย่างนอบน้อม แม่ของหนูดารับไหว้แต่ด้วยสายตาที่ไล่มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า "แม่คะ นี่พี่แซมค่ะคนที่ทำภาพและถ่ายรูปโปรโมทร้านให้หนูดา" แม่ของเธอมองผมด้วยหางตาก่อนจะหันไปพูดกับหนูดา (จะกลับหรือยังลูก...วันนี้แม่ชวนเพื่อนมากินข้าวที่บ้านเรา แม่เลยแวะมาหาหนูดาจะได้เข้าบ้านพร้อมกัน) "งั้นเดี๋ยวหนูดา ตามแม่ไปทีหลังได้ไหมคะ หนูดาขออยู่คุยงานกับพี่แซมอีกสักพัก" "ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวเราค่อยคุยกันใหม่ หนูดากลับบ้านกับคุณแม่เถอะ...พี่จะไปทำธุระที่อื่นต่อเหมือนกัน นัดลูกค้าไว้" ผมรีบพูดขึ้นเพราะจากสีหน้าของแม่หนูดาแล้วผมพอจะดูออกมามันสื่อถึงอะไร "แต่พี่แซมคะ...." "งั้นผมลานะครับ" ผมรีบพูดแทรกพร้อมยกมือไหว้แม่ของหนูดา หยิบกระเป๋าแล้วเดินจากมาจากตรงนั้นทันที (เรามีเรื่องต้องคุยกัน หนูดา) ประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยินก่อนพ้นประตูเสียงของแม่หนูพูดขึ้นก่อนที่ผมจะรีบก้าวเท้าเดินออกมา แม่หนูดาไม่ชอบผม ผมดูออก "แม่คะ...พี่แซมเขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรเลยนะคะเท่าที่คุยกันมา" "คุยกัน ?นานแค่ไหนที่ลูกบอกว่าเขาไม่เลวร้าย..." "........" ฉันเงียบเม้มปากเป็นเส้นตรงไม่ได้ตอบอะไรแม่ไป แต่ฉันสัมผัสได้ว่าเขาไม่ได้เลวร้ายอย่างมีแม่มอง เขาดูเป็นคนดี "ใช่ เขาไม่ได้เลวร้ายแต่เขาไม่คู่ควรกับลูกสาวแม่เลยสักนิด หน้าที่การงานก็ไม่มั่นคง เป็นแค่ช่างภาพกระจอกๆ" "ทำไมแม่พูดแบบนั้นละคะ ถึงมันจะดูไม่มั่นคงแต่มันคืออาชีพที่สุจริตนะคะแม่...เรายังไม่รู้จักเขาดีด้วยซ้ำ" หลังจากที่ถึงบ้านฉันกับแม่เราคุยพาดพิงถึงพี่แซมอยู่ แน่นอนว่าแม่ไม่ชอบให้ฉันเข้าใกล้พี่แซม "หนูดาจะบอกว่า หนูรู้จักเขาดีงั้นหรอ" "ก็จากที่หนูสัมผัสได้ตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่รู้จักกัน" "เดี๋ยวนี้หนูกล้าเถียงแม่หรอหนูดา" "แม่คะ...หนูดาขอโทษที่ทำให้แม่คิดแบบนั้น แต่สิ่งที่หนูดาพูดตอนนี้มันคือการอธิบายและชี้แจงออกความเห็นเท่านั้นค่ะ" "หนูดา. ฟังแม่นะ. แม่อาบน้ำร้อนมาก่อน แม่รักลูกและเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกเสมอ" "......." ฉันไม่รู้จะพูดต่อยังไงดีเมื่อแม่บอกว่า เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้เสมอ แต่บางครั้งสิ่งที่ดีที่สุดมันอาจไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการหรืออยากจะเป็น "ไอ้หนุ่มช่างภาพคนนั้น.... มันไม่เหมาะสมกับลูกเลยสักนิด" "แม่คะ อย่าเพิ่งตัดสินะพี่แซมแค่ภายนอกสิคะ ใช่ค่ะว่าตอนนี้พี่เขาออาจจะดูไม่มั่นคง ดูเลื่อนลอย แต่อนาคตมันเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็น วันข้างใครจะไปรู้ พี่แซมเขาอาจจะเป็นช่างภาพที่มีชื่อเสียง เป็นกราฟฟิกดีไซด์ที่ใครๆ ต้องประเคนงานให้ และเขาอาจจะร่ำรวย มีอนาคตก้าวไกลในแบบที่เขาทำก็ได้นะคะ" "หนูดา ลูกกำลังเพ้อเจ้อรู้ตัวหรือเปล่า" "โธ่......แม่คะขอให้หนูดามีเพื่อนบ้างเถอะค่ะเพื่อนที่จริงใจไม่เสแสร้งเพื่อนที่ไม่ต้องปั้นหน้าใส่หน้ากากเข้าหากันตลอดเวลา ที่ผ่านมาหนูดาทำตามที่แม่ร้องขอทุกอย่าง ไม่เคยขัดใจแม่เลยสักครั้ง...แต่ครั้งนี้หนูดาขอได้ไหม นะคะแม่" "ลูกรักนายช่างภาพนั่น...ใช่ไหม? " แม่เดินมาหยุดต้องหน้าฉันอย่างรอคำตอบ และจ้องมองฉันจนฉันต้องหลบสายตา "เอ่อ.....คือหนูดา...." รักงั้นหรอ. ฉันรักพี่แซม ? ฉันรู้สึกเป็นตัวของตัวเองเมื่ออยู่กับเขา ฉันสบายใจเมื่อได้พูดคุยกับเขา ตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมาทุกครั้งที่คุยกัน ทุกครั้งที่เราทานข้าวด้วยกัน สิ่งที่เราชอบทำเหมือนๆ กันมันทำให้ฉันรู้สึกดีและมีความสุขเสมอที่อยู่กับเขา มักคิดถึงเขาเวลาห่างกัน เป็นห่วงทุกครั้งที่รู้ว่าเขาไม่สบายถึงแม้หนึ่งเดือนที่ผ่านเขาจะป่วยแค่ครั้งเดียว แต่ฉันต้องร้อนรนถามข่าวคราว มันเรียกว่า รัก ได้หรือเปล่า ?
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD