เธอจับข้อมือผมรั้งไว้พร้อมวนนิ้วลงฝ่ามือ จนผมต้องรีบชักมือกลับ ใบหน้าและวาจาที่เปล่งออกมานั้นบ่งบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงแรง จะว่าแรดมันก็คงแรงไป ไม่ใช่ว่าผมดูผู้หญิงไม่ออกว่าคนไหนมีลักษณะเบื้องลึกเป็นอย่างไรถึงผมจะชอบการร่วมรักแต่ผมก็เลือก
"แอนอยากตอบแทนคุณที่ออกแบบงานได้ถูกใจแอนมาก แบบไร้ที่ติ"
"......" ผมลังเลที่จะตอบเธอจึงได้แค่เงียบและมองหน้าเธอที่ยังคงอ้อนวอนผมด้วยสายตาอันเย้ายวน
"ตกลงนะคะ"
ผู้หญิงสมัยนี้น่ากลัวจริงๆ ผมเลิกลักที่จะตอบเธอได้แต่เม้มปากเป็นเส้นตรง กวัดไกว่สายตามองออกไปจนผมคุ้นกับคนๆ หนึ่ง
"เอ่อ...ผมเกรงใจครับ ผมต่างหากที่ต้องตอบแทนที่คุณแอนไว้ใจให้ผมออกแบบภาพให้...แต่วันนี้ต้องขอโทษจริงๆ ผมมีนัดคุยงานต่อ ไว้โอกาสหน้าผมจะเลี้ยงอาหารคุณนะครับ ผมขอตัวก่อน" ผมร่ายยาวโดยไม่ได้เปิดโอกาสให้เธอได้ตอบโต้แล้วรีบปลีกตัวออกมาจากตรงนั้นทันที
"ดะ เดี๋ยวค่ะ....คุณแซม!" เสียงเรียกตามหลังที่ผมได้ยินแต่ผมไม่สนใจจนเสียงเรียกนั้นหายออกไปจากการรับฟังของผม
ผมรีบวิ่งไปยังเป้าหมาย สายตาผมจ้องไปมองเธอที่กำลังเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อที่ตั้งในบริเวณปั้มน้ำมันขนาดใหญ่ที่ผู้คนให้ความนิยมใช้บริการเป็นอย่างมาก...ยัยหน้าหวานคนนั้น ผมทำทีเดินซื้อของเหมือนลูกค้าทั่วไปแต่สายตานั้นยังมองเธอทุกย่างก้าวโดยที่เธอไม่รู้ตัว ผมค่อยๆ แสร้งขยับจนไปหยุดข้างๆ เธอแล้วหยิบของที่อยู่ชั้นบน
หมั่บ! เราทั้งคู่หยิบของชิ้นเดียวกันแต่เธอช้ากว่าผมมือของเธอจึงเหมือนจับมือผมอยู่
"ขอโทษค่ะ" เธอเอ่ยขึ้นอย่างนอบน้อมพร้อมก้มหัวเล็กน้อย
"ไม่เป็นไรครับ...ผมหยิบให้นะ" ผมหยิบของยื่นให้เธอพร้อมส่งยิ้มอ่อน
"ขอบคุณนะคะ" เธอรับของใส่ตะกร้าแล้วเอ่ยขอบคุณผม
ใบหน้าหวานนั้นเวลายิ้มมันช่างบาดใจเหลือเกิน ดวงตากลมโตที่มีเสน่ห์นั้นเมื่อจ้องมองเข้าไปลึกๆ มันดูน่าค้นหา เวลายิ้มซึ่งคนส่วนมากยิ้มแล้วตาจะหยีหรือเล็กลงแต่กับเธอคนนี้มันยังคงดูกลมโตเหมือนเดิมทั้งๆ ที่เธอยิ้มกว้าง
"จำผมได้ไหมครับ" เธอยืนทำหน้างงจ้องมองหน้าผม คงจำไม่ได้สินะ "คุณเดินชนผมตรงริมทางเดิน"
"อ่า....จำได้แล้วค่ะ คุณนั่นเอง ขอโทษอีกครั้งนะคะที่ไม่ระวัง"
"ไม่เป็นไรครับ...ว่าแต่คุณอยู่แถวนี้หรอครับ"
"ค่ะ บ้านหนูดาอยู่ตรงนั้น" เธอชี้ไปยังบ้านเดี่ยวสองชั้นหลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในซอยด้านหลังของปั้มน้ำมัน มีซอยเข้าไปไม่ไกลนัก
"ชื่อหนูดาหรอครับ"
"จริงๆ ชื่อเอฎาค่ะ แต่พ่อกับแม่ชอบเรียกหนูดา เลยติดปากแทนตัวเองจนชินค่ะ"หนูดาผู้น่ารักมีมนุษยสัมพันธ์อันดี ทำไมเธอถึงทำให้ผมหลงเสน่ห์ได้ถึงเพียงนี้นะ
"ผมช่วยถือนะครับ" ผมดึงตะกร้าในมือเธอเพื่อช่วยถือหรือเป็นการตีสนิท เมื่ออยากตีสนิทวิธีที่คิดได้ตอนนี้ต้องทำแบบนี้แหล่ะ
"ไม่เป็นไรค่ะหนูดาเกรงใจ" เธอยื้อตะกร้าไว้ ตอนนี้เราทั้งคู่เหมือนเด็กที่กำลังแย่งของเล่นกันก็ไม่ปาน
"นะครับ...ให้ผมช่วยดีกว่าคุณคงหนัก"
"ก็ได้ค่ะ...แต่ไม่ต้องเรียกคุณก็ได้ เรียกเอฎาหรือหนูดาก็ได้ค่ะ"
"ครับหนูดา...ให้ผมช่วยถือนะ"
"ก็ได้ ขอบคุณนะคะ" ในที่สุดลูกตื้อของผมก็ทำให้เธอยอมแพ้เธอปล่อยตะกร้าให้ผมถือแล้วเดินเลือกของที่เธอต้องการ เมื่อเรียบร้อยจึงเดินไปจ่ายเงินตรงเคาน์เตอร์
"หนูดาขอตัวกลับก่อนนะคะ...ขอบคุณอีกครั้ง"
"ผมเดินไปส่งนะครับของเยอะขนาดนี้หนูดาคงหนัก"
"ใกล้แค่นี้เองค่ะ...ไม่เป็นไร"
"ไม่เป็นไรผมยินดี"
"งั้นก็ตามใจค่ะ" เธอพูดจบก็ยื่นของทุกอย่างให้ผมถือแล้วเดินตัวปลิวนำหน้าไป
((รอด้วยครับ))ผมรีบวิ่งตามเธอไปจนตามเธอทัน
"ว่าแต่คุณชื่ออะไรหรอคะ คุยกันตั้งหลายประโยคหนูดาลืมถามชื่อซะงั้น แย่จังเลยนะคะ" เธอพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
"แซมครับ...น่าจะแก่กว่าหนูดา"
"อ่อพี่แซม เรียกพี่แซมได้ไหมคะ"
"ได้สิครับ...ยินดี"
เราทั้งคู่เดินคุยกันจนมาหยุดตรงหน้าประตูบ้านของเธอ ผมยื่นของทุกอย่างคืนเธอ ผมมองเธอเปิดประตูอันเล็กด้านข้างจนเธอก้าวขาเข้าบ้าน และชะงักหันกลับมามองผม
"หนูดาอายุ 25 ค่ะยินดีที่ได้รู้จักนะคะพี่แซม" รอยยิ้มหวานที่เธอส่งมาก่อนเดินเข้าไปมันทำให้ผมแทบละลาย ไม่ใช่เพราะอากาศเมืองไทยร้อนแต่เป็นรอยยิ้มและแววตาของเธอต่างหาก วาจาน่ารัก กิริยาท่าทางน่าหลงใหล ใครเข้าใกล้เป็นต้องหลงรักเธอแน่ๆ เหมือนอย่างที่ผมรู้สึกตอนนี้
ผมนั่งรอลูกค้าที่นัดคุยงานวันนี้ ผมมาถึงก่อนเวลานัดจริง 15 นาทีแต่ตอนนี้มันเลยเวลานัดจริงๆ มาแล้วกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ด้วยความอดทนในการรอผมมีสูง(มั้ง) รออีกสักหน่อยก็ได้เพราะสถานที่นัดคือร้านเบเกอรี่ที่มีทั้งเครื่องดื่มและเบเกอรี่หน้าตาน่ากินเต็มไปหมดทำให้ไม่น่าเบื่อ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาผมนั่งดูงานลูกค้าเจ้าอื่นในโน้ตบุ๊คพร้อมจิบกาแฟไปด้วย
"ขอโทษนะคะ คุณคือ.....0.0" เสียงใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้นจนผมต้องละสายตาเงยหน้ามอง
((หนูดา! / พี่แซม!)) เราทั้งสองเอ่ยขึ้นพร้อมกันเสียงดังอย่างแปลกใจ นี่มันความบังเอิญหรือพรหมลิขิตที่ทำให้เราได้เจอกันอีกครั้งกันนะ
"หนูดาเองหรอที่ติดต่องานพี่...นั่งก่อนครับ"
"ขอบคุณค่ะ " เธอเลื่อนเก้าอี้เแล้วนั่งลงตรงข้ามกับผม"พอดีเพื่อนแนะนำและให้เบอร์ติดต่อนี้มาค่ะ..บังเอิญจังเลยนะคะ"
"หรือว่าพรหมลิขิต ?" ผมใช้สองมือท้าวคางแล้วเอ่ยออกไป เธอไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับมานอกจากรอยยิ้มน่ารักๆ อย่างคนเขินอายเท่านั้น
"หนูดาก็ไม่รู้สิคะ...เรามาเข้าเรื่องงานกันเลยดีกว่า"
"หนูดาสั่งอะไรดื่มก่อนไหม"
"ไม่เป็นไรค่ะ...หนูดาทานมาแล้ว "
"งั้นเราเริ่มคุยงานกันเลยเนอะ หนูดาต้องการภาพแบบไหนครับ"
ผมและเธอคุยงานกันเรื่อยๆ นานนับชั่วโมง งานทุกอย่างที่เธอต้องการผมจดรายละเอียดจนครบเรียบร้อย งานนี้ผมใส่ใจเป็นพิเศษและจะทำให้ดีที่สุด เพราะมันเกี่ยวกับเธอคนนี้ คนของใจในอนาคต
" พี่แซมดูภายในร้านก่อนไหมคะ เผื่อพี่แซมมีไอเดียดีๆ แนะนำหนูดา"
"ได้ครับ งั้นเราไปกันเลยไหม"
"ไปไหนคะ"
"ก็ไปร้านที่หนูดาบอกไงครับ"
"คิกๆ...ร้านนี้ค่ะ นี่ร้านหนูดาเองค่ะ" เธอขำอย่างน่ารักจนผมอดที่จะมองไม่ได้
"หืออออ....ร้านนี้?" อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น
"ค่ะ ร้านนี้"
"บังเอิญอีกแล้ว...ร้านนี้พี่ชอบนัดลูกค้าคุยงาน แต่ไม่เคยจะเห็นหนูดาสักครั้ง"
"ร้านนี้หนูดาขอพ่อเปิดไว้ค่ะ แล้วให้แม่ดูแลแทนชั่วคราว ก่อนที่หนูดาจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ หนูดาเพิ่งกลับวันที่เดินชนพี่แซมไม่กี่วันเองค่ะ"
...นี่มันเหมือนดั่งพรหมลิขิตสั่งให้พบเจอเธอชัดๆ แม่ยอดยาหยีของผม...
ตั้งแต่วันนั้นวันที่ผมคุยงานกันเอฎา ผมดำเนินการถ่ายภาพและทำกราฟฟิกให้กับเธอเพื่อโปรโมทร้านเบเกอรี่ของเธอ ถ่ายภาพเมนูขนมและเครื่องดื่มเป็นที่ถูกใจเธอ ทุกอย่างผมสรรค์สร้างให้เธอจนสุดความสามารถที่ผมมี จากการเริ่มคุยงานกันตั้งแต่ครานั้น มันแปรเปลี่ยนทำให้เราสนิทกันมากขึ้น บางอย่างเกี่ยวกับงานมันคือข้ออ้างที่ผมใช้เพื่อให้ได้เจอเธอ ผ่านมาจนตอนนี้ก็ร่วมเดือนเต็มแล้วที่ผมและเธอได้พูดคุยสนิทชิดเชื้อกันจนเราทั้งคู่สามารถติดต่อกันผ่านแอพไลน์ไว้คุยกัน เอฎาหรือหนูดาที่ผมชอบเรียกจนชินปากเป็นผู้หญิงน่ารัก สดใส รอยยิ้มที่ทำให้โลกทั้งใบเต็มเปี่ยมไปด้วยความชุ่มฉ่ำ เธอทำให้ผมอดที่จะยิ้มไม่ได้ด้วยท่าทีน่ารักสดใสของเธอที่แสดงออกมาอย่างเป็นธรรมชาติไร้ซึ่งการเสแสร้งแสดงมัน
"วันนี้หนูดา จะทำอะไรให้พี่ชิมครับ" เธอชวนผมมาที่ร้านเพื่อชิมขนมเค้กที่เธอบอกว่าเป็นเมนูใหม่ของร้าน
"หนูดา จะทำเค้กชาเขียวค่ะ...ไปนั่งรอเลยค่ะ"
ผมเดินมานั่งรอตรงโต๊ะ อิริยาบถต่าง ๆ ของเธอมันดูน่าหลงใหลจนผมอดที่จะมองไม่ได้ เธอไม่ได้สนใจอะไรผมมากนัก เธอเคยหน้าส่งยิ้มเป็นครั้งคราว สิ่งเดียวตอนนี้ที่เธอสนใจคือการมุ่งมั่นทำเค้กชาเขียวเท่านั้น ....
...จนในที่สุดเค้กชาเขียวก็ถูกเสิร์ฟวางลงตรงหน้าผม พร้อมกับเอฎาสาวน้อยในวัยยี่สิบห้าที่มีหน้าตาน่ารักทรงเสน่ห์กับรอยยิ้มหวานๆ
"พี่แซมลองชิมสิคะ" เธอเอ่ยพร้อมใบหน้าที่เหมือนลุ้นรอคำติชมอย่างจดจ่อ
"ชิมเลยนะ" ผมตักเค้กเข้าปากด้วยสีหน้านิ่งๆ ทั้งๆ ที่อยากจะเบิกตากว้างร้องบอกว่ามันอร่อยนุ่มลิ้นมาก แต่ขอแกล้งเธอหน่อยแล้วกัน จากสีหน้าที่เธอแสดงออกมาบ่งบอกว่าเธอนั้นเป็นกังวล
"เป็นไงบ้างคะ" เธอยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมอย่างต้องการคำตอบ ใบหน้าหวานๆ เมื่อมองในระยะประชิดมันทำให้หัวใจของผมเต้นโครมคราม ปกติลักษณะอาการแบบนี้เมื่อเข้าใกล้ผู้หญิงผมจะไม่เป็นแต่กับสาวน้อยเอฎาคนนี้ เธอทำให้หัวใจผมแทบหยุดเต้น
"อร่อยครับ นุ่มลิ้นมาก" ผมตอบเธอตะกุกตะกักด้วยความเขินอายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
"เฮ้อ....โล่งอก" เธอผ่อนลมหายใจออกเฮือกใหญ่พร้อมกับขยับไปนั่งในท่าปกติตามเดิม ผมอดที่จะอมยิ้มไม่ได้กับกิริยาของเธอที่เหมือนเด็ก
"มันขนาดนั้นเลยหรอหนูดา " ผมพูดแกมหัวเราะและส่ายหัวเบาๆ
"ก็หนูดาไม่มั่นใจนี่คะ...เพิ่งเคยทำเค้กชาเขียวครั้งแรก"
"พี่เป็นหนูทดลองให้หนูดาหรอเนี่ย...พี่จะตายไหม แค่กๆๆ" ผมแกล้งไอกระอักกระอ่วนบีบคอตัวเอง
"นี่แหน่ะๆ..."
"พอแล้ว เจ็บแล้วครับ" เธอฟาดฝ่ามือเล็กๆ ลงต้นแขนของผมถี่มากจนตอนนี้ผมเริ่มแสบผิว
"พี่แซมอ่ะไม่ถึงขนาดนั้นมั้งคะ"
"ล้อเล่นๆ...อร่อยมากครับ"
"อื้ออออออออ หนูดาเจ็บนะคะ"ด้วยความหมั่นเขี้ยวผมบีบจมูกเธอเบาๆ ก็มันอดไม่ได้นี่ครับ ก็หนูดาของผมเธอน่ารักขนาดนี้
(((หนูดา))) ผมและเธอหันไปมองยังเสียงที่เอ่ยเรียกชื่อหนูดานางฟ้าของผม เป็นผู้หญิงมีอายุคนหนึ่งที่เดินสับขามายังจุดที่เราทั้งคู่ยืนอยู่
"แม่..." หนูดาเอ่ยขึ้น ผู้หญิงที่เธอเรียกว่าแม่เดินมาหยุดยืนข้างเธอ "พี่แซมนี่แม่หนูดาเองค่ะ"
"สวัสดีครับ" ผมเอ่ยพร้อมยกมือไหว้อย่างนอบน้อม แม่ของหนูดารับไหว้แต่ด้วยสายตาที่ไล่มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า
"แม่คะ นี่พี่แซมค่ะคนที่ทำภาพและถ่ายรูปโปรโมทร้านให้หนูดา" แม่ของเธอมองผมด้วยหางตาก่อนจะหันไปพูดกับหนูดา
(จะกลับหรือยังลูก...วันนี้แม่ชวนเพื่อนมากินข้าวที่บ้านเรา แม่เลยแวะมาหาหนูดาจะได้เข้าบ้านพร้อมกัน)
"งั้นเดี๋ยวหนูดา ตามแม่ไปทีหลังได้ไหมคะ หนูดาขออยู่คุยงานกับพี่แซมอีกสักพัก"
"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวเราค่อยคุยกันใหม่ หนูดากลับบ้านกับคุณแม่เถอะ...พี่จะไปทำธุระที่อื่นต่อเหมือนกัน นัดลูกค้าไว้" ผมรีบพูดขึ้นเพราะจากสีหน้าของแม่หนูดาแล้วผมพอจะดูออกมามันสื่อถึงอะไร
"แต่พี่แซมคะ...."
"งั้นผมลานะครับ" ผมรีบพูดแทรกพร้อมยกมือไหว้แม่ของหนูดา หยิบกระเป๋าแล้วเดินจากมาจากตรงนั้นทันที
(เรามีเรื่องต้องคุยกัน หนูดา) ประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยินก่อนพ้นประตูเสียงของแม่หนูพูดขึ้นก่อนที่ผมจะรีบก้าวเท้าเดินออกมา แม่หนูดาไม่ชอบผม ผมดูออก
"แม่คะ...พี่แซมเขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรเลยนะคะเท่าที่คุยกันมา"
"คุยกัน ?นานแค่ไหนที่ลูกบอกว่าเขาไม่เลวร้าย..."
"........" ฉันเงียบเม้มปากเป็นเส้นตรงไม่ได้ตอบอะไรแม่ไป แต่ฉันสัมผัสได้ว่าเขาไม่ได้เลวร้ายอย่างมีแม่มอง เขาดูเป็นคนดี
"ใช่ เขาไม่ได้เลวร้ายแต่เขาไม่คู่ควรกับลูกสาวแม่เลยสักนิด หน้าที่การงานก็ไม่มั่นคง เป็นแค่ช่างภาพกระจอกๆ"
"ทำไมแม่พูดแบบนั้นละคะ ถึงมันจะดูไม่มั่นคงแต่มันคืออาชีพที่สุจริตนะคะแม่...เรายังไม่รู้จักเขาดีด้วยซ้ำ" หลังจากที่ถึงบ้านฉันกับแม่เราคุยพาดพิงถึงพี่แซมอยู่ แน่นอนว่าแม่ไม่ชอบให้ฉันเข้าใกล้พี่แซม
"หนูดาจะบอกว่า หนูรู้จักเขาดีงั้นหรอ"
"ก็จากที่หนูสัมผัสได้ตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่รู้จักกัน"
"เดี๋ยวนี้หนูกล้าเถียงแม่หรอหนูดา"
"แม่คะ...หนูดาขอโทษที่ทำให้แม่คิดแบบนั้น แต่สิ่งที่หนูดาพูดตอนนี้มันคือการอธิบายและชี้แจงออกความเห็นเท่านั้นค่ะ"
"หนูดา. ฟังแม่นะ. แม่อาบน้ำร้อนมาก่อน แม่รักลูกและเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกเสมอ"
"......." ฉันไม่รู้จะพูดต่อยังไงดีเมื่อแม่บอกว่า เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้เสมอ แต่บางครั้งสิ่งที่ดีที่สุดมันอาจไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการหรืออยากจะเป็น
"ไอ้หนุ่มช่างภาพคนนั้น.... มันไม่เหมาะสมกับลูกเลยสักนิด"
"แม่คะ อย่าเพิ่งตัดสินะพี่แซมแค่ภายนอกสิคะ ใช่ค่ะว่าตอนนี้พี่เขาออาจจะดูไม่มั่นคง ดูเลื่อนลอย แต่อนาคตมันเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็น วันข้างใครจะไปรู้ พี่แซมเขาอาจจะเป็นช่างภาพที่มีชื่อเสียง เป็นกราฟฟิกดีไซด์ที่ใครๆ ต้องประเคนงานให้ และเขาอาจจะร่ำรวย มีอนาคตก้าวไกลในแบบที่เขาทำก็ได้นะคะ"
"หนูดา ลูกกำลังเพ้อเจ้อรู้ตัวหรือเปล่า"
"โธ่......แม่คะขอให้หนูดามีเพื่อนบ้างเถอะค่ะเพื่อนที่จริงใจไม่เสแสร้งเพื่อนที่ไม่ต้องปั้นหน้าใส่หน้ากากเข้าหากันตลอดเวลา ที่ผ่านมาหนูดาทำตามที่แม่ร้องขอทุกอย่าง ไม่เคยขัดใจแม่เลยสักครั้ง...แต่ครั้งนี้หนูดาขอได้ไหม นะคะแม่"
"ลูกรักนายช่างภาพนั่น...ใช่ไหม? " แม่เดินมาหยุดต้องหน้าฉันอย่างรอคำตอบ และจ้องมองฉันจนฉันต้องหลบสายตา
"เอ่อ.....คือหนูดา...." รักงั้นหรอ. ฉันรักพี่แซม ? ฉันรู้สึกเป็นตัวของตัวเองเมื่ออยู่กับเขา ฉันสบายใจเมื่อได้พูดคุยกับเขา ตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมาทุกครั้งที่คุยกัน ทุกครั้งที่เราทานข้าวด้วยกัน สิ่งที่เราชอบทำเหมือนๆ กันมันทำให้ฉันรู้สึกดีและมีความสุขเสมอที่อยู่กับเขา มักคิดถึงเขาเวลาห่างกัน เป็นห่วงทุกครั้งที่รู้ว่าเขาไม่สบายถึงแม้หนึ่งเดือนที่ผ่านเขาจะป่วยแค่ครั้งเดียว แต่ฉันต้องร้อนรนถามข่าวคราว มันเรียกว่า รัก ได้หรือเปล่า ?