สัญญาจะไม่ไปไหน

1515 Words
แสงแดดยามเช้าที่สาดทอเข้ามาในห้องนอนที่เต็มเปี่ยมด้วยรสรักตลอดทั้งคืน ชายหนุ่มที่กำลังลืมตาตื่นจากการหลับใหลพร้อมคนรักข้างกาย เขาใช้สายตากวัดไกวไล่มองจนทั่วห้องเพราะคนที่นอนกอดตลอดทั้งคืนตอนนี้ไม่มีเธอแล้ว "เข้าห้องน้ำเหรอ...หนูดาครับ" เขาลุกนั่งหลังพิงหัวเตียงพร้อมกับขยี้ตาเพื่อปรับวิสัยทัศน์ในการมองให้ชัดขึ้น เมื่อไร้เสียงตอบรับเขาก้าวขาลงจากเตียงพร้อมมุ่งหน้าไปยังห้องน้ำที่ถูกปิดสนิท   ก๊อก ก๊อก ก๊อก "หนูดาอยูในห้องน้ำไหม" เขาใช้หูแนบฟังกับประตูเพื่อฟังเสียงจากด้านในแต่ก็เงียบสนิท ไร้การตอบกลับ "กลับแล้วเหรอ" ความสงสัยที่ผุดขึ้นบนใบหน้า พร้อมขาของเขาที่ก้าวไปหยิบโทรศัพท์ (หมายเรียกที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้) "แบตหมดเหรอ" ด้วยความพยายามเขาจึงลองกดต่อสายอีกครั้ง แต่มันก็ยังแจ้งเฉกเช่นดังเดิม...เธอไปไหน ?ทำไมถึงไม่ปลุกเขาล่ะ ชายหนุ่มขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความงุนงงสงสัย สายตาของเค้ามองไปรอบ ๆ อย่างค้นหา ห้องจนมาสะดุดกับกระดาษแผ่นเล็กถูกวางทับด้วยปากกาสีทองเงา สองเท้าก้าวขยับไปใกล้ด้วยใจเปราะบาง  ทุกอย่างคงไม่เป็นอย่างที่เค้าคิดใช่ไหม เพียงสายตาได้อ่านข้อความจนเข้าใจ มือหนาที่จับมั่นบนเนื้อกระดาษก็เริ่มสั่นเทาจากแรงสะอื้นและห้วงน้ำตาที่กำลังรินไหล  "ไม่จริงใช่ไหม" น้ำตาลูกผู้ชายไหลอาบสองแก้ม  ร่างกายอ่อนแรงทรุดตัวนั่งลงกับพื้น เหตุผลอะไรที่เธอตัดสินใจแบบนี้ ความรักมากมายที่ชายหนุ่มมอบให้ไม่เพียงพอต่อหัวใจเธองั้นหรือ ความรักที่มอบให้แต่เธอผู้เดียว...ไม่มีความหมายอะไรเลยใช่ไหม  "ฮือๆ .... หนูดา .....ฮึกๆ ทำไม!" เสียงสะอื้นร่ำไห้พร้อมกับสองมือที่กำกระดาษแน่นจนยับย่นแทบไม่เหลือเค้าเดิม เขาแทบอยากทำลายทุกอย่างตรงหน้าให้หมดสิ้น เมื่อไม่มีเธอแล้ว... ชีวิตนี้ก็เหมือนหมดความหมาย เมื่อหัวใจมันมีเพียงเธอที่เสมือนสิ่งที่หล่อเลี้ยงหัวใจ เขายังนั่งอยู่ที่เดิมยังไม่ลุกไปไหน นั่งเหม่อมองไปยังเตียงนอนที่ก่อนหน้ามีหญิงข้างกายที่นอนกกกอดแต่ตอนนี้ว่างเปล่าเสียแล้ว เหมือนร่างกายตอนนี้ไร้เรี่ยวแรงจะก้าวเดิน จากเวลาเช้าผันเปลี่ยนมาเป็นเวลากลางวันจนพระอาทิตย์กำลังลาลับขอบฟ้าพร้อมการจากลาของใครคนหนึ่งที่อยู่ในห้วงคำนึงของความคิดถึงตลอดเวลา สิ่งสุดท้ายก่อนที่เธอจะจากลามีเพียงหยดน้ำตาของชายคนหนึ่งที่เฝ้าหวังว่าสักวันเขานั้นจะได้ครองรักกับเธอไปตลอดกาล ความทรงจำเมื่อมองรอบๆ ภายในห้องนี้ที่เคยมีเธอมันไม่สามารถลบเลือนความทรงจำและเรื่องราวที่แสนงดงามนี้ได้เลย ครั้นจะพยายามแค่ไหน "พี่คิดถึงเธอ...หนูดา อึก อึก " เวลาล่วงเลยมาจนถึงยามวิกาลท้องฟ้ามืดสนิท มีแค่แสงไฟสลัวจากด้านนอกที่สาดส่องมาเท่านั้น เขานอนขดตัวกอดรูปถ่ายหญิงคนรักในมือถือพร้อมพร่ำพรรณนาเพ้อคิดถึงเธอ ....ต้องเจ็บปวดแค่ไหน ต้องอดทนรอไปถึงเมื่อไหร่ ความเหงาที่เดียวดายจึงจะเริ่มจางหายไป การที่ไร้หญิงสาวอันเป็นที่รักข้างกายมันช่างไร้ความหมาย เขาอยากพบเจอเธอเหลือเกิน "สุดที่รักของพี่" เมื่อมองใบหน้าสดใสในมือถือมันทำให้น้ำตาของเขาพรั่งพรูไหลลงทางหางตาจนหมอนนั้นเปียกชุ่ม "พี่อยากเจอหนูดาเหลือเกิน...ฮึก" "พี่สัญญาจะรอหนูดาอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน" หลายวันผ่านพ้นไปไม่ว่าอะไร ๆ ก็ดูไม่มีสีสัน ทุกอย่างรอบตัวดูเงียบงัน นับวันความเหงาก็ยิ่งคืบคลานเข้ามากอบกินหัวใจ เมื่อมองไปรอบ ๆ ห้องนอนที่เคยมีเสียงหัวเราะสดใส มีเสียงหัวเราะเล็ก ๆ อย่างมีความสุข มีใบหน้าสวยหวานของเธออันเป็นที่รักนอนข้างกาย ทุกอย่างตอนนี้ล้วนดูไม่มีความหมาย การดำเนินชีวิตที่เหลืออยู่ก็เดียวดายเสียเหลือเกิน “หนูดา” แววตาคมที่เคยสดใสตอนนี้มีแต่ม่านน้ำตาบดบังจนชื้นไปเต็มดวง ภาพถ่ายหญิงคนรักที่ฉายในหน้าจอมือถือ ตั้งวันนั้นที่เธอนั้นจากไปโดยไม่สั่งลาด้วยวาจาสักคำ ความบอบช้ำในหัวใจก็หนักหนาขึ้นเรื่อย ๆ จนไม่เป็นอันทำอะไร เมื่อไหร่กันที่เธอนั้นจะกลับมา กลับมาเคียงข้างกายอย่างเช่นดังเดิม “อึก ฮึก ฮือ” อยู่ ๆ น้ำตาก็พาลไหลเมื่อจ้องมองเข้าไปในหน้าจอก็ยิ่งเพิ่มความเสียใจ ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้นทำให้เขาหลุดจากภวังค์ความเศร้า ลุกจากเก้าอี้เดินไปยังประตูด้วยร่างกายที่เหมือนไร้วิญญาณ เดินไปด้วยแรงที่มีน้อยนิด “แม่ ... ซิน” เสียงแผ่นเอ่ยขึ้น เมื่อเปิดประตูก็เผยให้เห็นใบหน้าแม่บังเกิดเกล้าและน้องสาวในไส้ ที่ยืนส่งยิ้มให้แต่ก็ยังไม่พูดอะไรเพราะแม่และน้องนั้นย่อมรู้ดีในสถานการณ์ที่เขาประสบพบเจอในตอนนี้ “แม่ครับ” ความอ่อนเริ่มทวีคูณและโผลโอบกอดผู้เป็นแม่ เพียงแค่ท่านพยักหน้าและส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เท่านั้น “พี่แซม” น้องสาวโอบกอดพี่ชายอย่างให้กำลังใจ “เข้าข้างในก่อนนะลูก” ผู้เป็นแม่เอ่ยชวน “แม่ครับเธอหนีผมไปแล้ว” ทันทีที่เข้ามาให้ห้องคำพูดที่แสนเศร้าสร้อยก็เปล่งออกมาพร้อมทั้งน้ำตาแห่งความเศร้าเสียใจของการจากไปอย่างไม่ล่ำลาของหญิงอันเป็นที่รัก “หากคู่กันแล้ว ก็ไม่แคล้วจะได้ครองรักกันนะลูก” คำย้ำเตือนสติดังชิดหูเมื่อทั้งคู่โอบกอดกัน “ผมเกลียดโชคชะตา...” “โชคชะตาอาจจะนำพาให้ลูกทั้งสองได้พบเจอกัน...และสักวันโชคชะตาจะชักจูงให้ลูกได้ครองคู่เช่นกัน มันไม่ได้เลวร้ายเสมอไป ขอแค่ลูกของแม่อดทน...แซมจะอดทนได้ไหม” “แม่ครับ อึก อึก ผมรักหนูดา” “แม่รู้ลูกแม่รู้...แต่แซมจะทำยังไงในเมื่อเธอจากไปแล้ว” “ทำไมเธอต้องจากผมไปแบบนี้ บอกผมดี ๆ ก็ได้ ฮึก อึก แม่ผมต้องทำยังไงครับ” “ทุกคนล้วนต้องเจอกับบททดสอบของชีวิตที่แตกต่างกันไป” “และทำไมผมต้องเจอแบบนี้ด้วย...” “พี่แซม...ซินเชื่อว่าสักวันพี่หนูดาจะต้องมาหาพี่ พี่หนูดาต้องมีเหตุผลบางอย่างแน่ ๆ ดูในเนื้อความจดหมายนี้สิ” ซินผู้เป็นน้องสาวชูกระดาษจดหมายที่มีลายมือของคนที่จากไปขึ้น แล้วพร่ำพูดออกมาด้วยเหตุผลที่เธอคิดว่าน่าจะเป็นไปได้ “แต่พี่เจ็บ พี่ยังทำใจไม่ได้ มันรวดเร็วเกินไป” “พี่แซมของน้องเก่ง ต้องผ่านมันไปได้แน่” กำลังใจของครอบครัวที่เปี่ยมล้นมันย่อมสำคัญกว่าสิ่งใด “แม่ไม่อยากจะเชื่อว่าลูกชายของแม่จะเสียน้ำตาเรื่องผู้หญิง” “ก็คนนี้ผมรักจริงนี่ครับแม่” การได้พูดคุยกับคนในครอบครัวเริ่มทำให้ความเสียใจลดน้อยลง  “แม่เชื่อแล้ว ไอ้เสือของแม่ร้องไห้เป็นเด็กขนาดนี้ ใช่ไหมซิน” “นั่นสิคะแม่ ซินไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าเสืออย่างพี่แซมจะถอดเล็บแล้ว” “อย่าแซวพี่ยัยซิน...” “ยิ้มได้แล้วพี่ชายของน้อง...” ร่างบางของน้องสาวโผลเข้ากอดพี่ชายอย่างแสนรัก “ซินดีใจ ซินอยากให้พี่แซมยิ้ม ไม่อยากให้พี่แซมเศร้า” “ขอบใจนะน้องสาวพี่...ขอบคุณนะครับแม่ที่มาหา” ร่างหนาโอบกอดผู้หญิงสองคนด้วยแขนคนละข้างภายใต้อ้อมกอดเดียวที่แสนอบอบอุ่น ไม่มีใครที่อยู่เคียงข้างในยามทุกข์ท้อใจ ไม่มีกำลังใจที่ไหนดีกว่ากำลังจากครอบครัวอีกแล้ว “แซมต้องลุกขึ้นมาสู้นะลูก...เห็นว่าแม่เงียบ ๆ แต่แม่ก็คอยมองลูกอยู่ห่าง ๆ แม่รู้ทุกอย่างที่ผ่านมีอะไรบ้าง แซมต้องทำให้เขาเห็นว่าลูกของแม่ทำได้มากกว่านี้ รีบทำใจและลุกขึ้นมาสู้ใหม่ แม่เชื่อว่าหนูดาก็รักลูกมากเหมือนกัน” แม่ของผมร่ายยาวอย่างเตือนสติภายในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่น อ้อมกอดของผู้หญิงที่ผมได้สัมผัสตั้งแต่เกิด อ้อมกอดของผู้หญิงคนเดียวที่ไม่เคยทอดทิ้งผมไปไหน 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD