บทที่ 4 มิล่า

2202 Words
“เรา...เสียใจ ฮืออ~” แม้จะร้องไห้ออกมาหนักแค่ไหนในรอบที่แล้ว ทว่าน้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลออกมาอีกครั้งยามนึกถึงเรื่องนี้ สิ่งที่ได้ยินก่อนหน้านี้ทำให้เธอรู้สึกไร้หนทาง หากว่าจะไปขอให้เขามาตรวจไขกระดูกเผื่อบริจาคสเต็มเซลล์ให้กรุงโรมได้ หากว่าผู้หญิงของเขารู้...เธอคงเสียใจแย่ “เราพูดไม่ออกเลยว่ะ” โนอาร์อึ้งเช่นกัน เขารับรู้เสมอว่ามินตราเป็นคนบ้าดีเดือดมากแค่ไหน ทว่าไม่คิดว่าจะทำอะไรแผลง ๆ อย่างนี้ “เธอไม่กลัวกฎหมายเหรอ มันผิดจรรยาบรรณนะ” “รู้ เรารู้...เราแค่อยากมีลูก เราเห็นลินินมีลูกแล้วเราก็อยากมี” มินตราก้มหน้าลง เธออายุจะเข้าเลขสามแล้ว หญิงสาวอกหักมานับครั้งไม่ถ้วน เธอปลงใจไปแล้วว่าจะไม่มีสามีขณะเดียวกันก็อยากมีลูก “เราคิดว่าเราเลี้ยงเขาได้ เรามีหน้าที่การงานที่ดี เงินเดือนสูง พ่อแม่เราก็เป็นข้าราชการ พวกเขาไม่เคยขอเงินเราเสียด้วยซ้ำ แต่ใครจะคิดว่ากรุงโรมจะป่วยแบบนี้” “ธาลัสซีเมียเป็นโรคทางพันธุกรรม มันตรวจได้ก่อนอยู่แล้วนิว่ามีโอกาสเป็นหรือไม่เป็น เธอไม่ใช่เหรอที่เป็นคนตรวจก่อนทำ” “หึ ใช่ไง เราเอง...แต่เรากลับประมาท” “_” “เราอยากให้เขาเป็นพ่อของลูกเราด้วยแหละ” โนอาร์ยิ้มบาง ๆ เขายินดีหากว่าเธอเจอคนที่พร้อมดูแลเธอ ทว่าพอเป็นอย่างนี้ชายหนุ่มก็รู้สึกเสียใจไปกับเธอด้วย “แล้ว..ทำไมเขาต้องทำเด็กหลอดแก้วล่ะ ถ้าเขามีผู้หญิงอยู่แล้ว หรือเขาปัญหา” “ไม่ ร่างกายเขาปกติ น้ำเชื้อของเขาปกติ เราเป็นคนตรวจให้เขาเอง ไม่รู้สิ...แฟนเขามั้งที่มีปัญหา อาจจะตกไข่ยากเลยต้องพึ่งวิทยาศาสตร์” มินตราก้มหน้ามองฝ่ามือของตัวเอง เขาไม่ให้เธอบอกใคร ไม่ให้เธอลงทะเบียนประวัติอะไร ทุกอย่างเป็นความลับแม้กระทั่งห้ามบอกใครว่าเขามาที่ทำงานของเธอ “แล้วอย่างนี้...” “เราถึงไม่กล้าไปขอให้เขามาตรวจสเต็มเซลล์ไง” ในที่สุดเธอก็บอกเหตุผลที่เขาพร่ำถามเธอเสมอมาว่าทำไมไม่ไปบอกพ่อของกรุงโรมให้มาตรวจความเข้ากันได้ของไขกระดูก เพราะมีโอกาสเป็นไปได้สูงที่พ่อจะสามารถบริจาคสเต็มเซลล์ให้ลูกได้ “เราเข้าใจแล้ว...แต่มิน ชีวิตกรุงโรมสำคัญกว่าหรือเปล่า” “_” “เราเคารพการตัดสินใจญาติคนไข้ทุกคนนะ แต่เราอยากพูดในฐานะเพื่อน และผู้ชายที่รักเด็กคนหนึ่ง” ชายหนุ่มถอนหายใจออกมา มินตราไม่มีทางกลับมาคบกับเขาหรอก ชายหนุ่มรู้ดี “เธอก็รู้นิว่าเราเลือกเรียนเฉพาะทางด้านนี้เพราะเราเคยเป็นธาลัสซีเมียมาก่อน ตอนที่รอให้คนมาบริจาคเราไม่เคยลืมเลย ทำไมไม่ลองดูสักตั้ง..” “โนอาร์...ผู้หญิงคนนั้นเป็นคู่หมั้นเขา เขากำลังจะแต่งงาน” คุณหมอหนุ่มชะงักไป เขามองใบหน้าสวยคมที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา “เราทำผิด...” “แต่มิน...กรุงโรมไม่ผิด” ชายหนุ่มเอ่ยพูดขึ้น เขายิ้มบาง ๆ ให้เธอ “เด็กไม่ผิด แล้วที่เราบอกว่าในคลังมีเลือดพอให้ตลอด เราก็แค่พูดให้ญาติสบายใจ เดี๋ยวนี้คนบริจาคเลือดน้อยลงทุกวัน ต่อไปเขาจะเลือกให้เลือดแค่คนที่สามารถมีชีวิตอยู่รอดได้” “_” “แต่กรุงโรมป่วยธาลัสซีเมียขั้นรุนแรง รุนแรงที่สุดเลยเธอก็รู้...โอกาสรอดต่ำ” มินตรายกยิ้มบาง ๆ เธอส่ายหน้าเบา ๆ “เราไม่กล้าหรอก อีกอย่างก็ไม่รู้ว่าจะเข้ากันได้ไหม แล้วไม่รู้อีกว่าเขาจะสนใจช่วยหรือเปล่า” มินตรากลัวประโยคหลังเสียมากกว่า หากว่ามันสามารถเข้ากันได้ ทว่าเขาไม่อยากช่วย เธอก็จนปัญญาที่จะหาทางออก และกลัวความเสียใจที่สุดหากกรุงโรมรู้ว่าพ่อเขาไม่คิดจะช่วย... ขณะเดียวกันที่ยามค่ำคืนของอีกฟากฟ้าหนึ่งที่ช้ากว่าประเทศไทย เคเรนด์ขมวดคิ้วยุ่งเมื่อมองผ่านกระจกกันกระสุนไปยังห้องพี่ชาย พี่ชายของเขาเดินออกจากห้องแล้วเดินตามระเบียงไปยังห้องอีกห้องที่อยู่ไม่ไกลจากกัน “ชิส! ไปเอากันแน่” “เขาอาจจะไปหากันเฉย ๆ ก็ได้ครับ” เคเรนด์หันขวับไปมองลูกน้องคนสนิททันที “กูถามมึงหรือไง” “เปล่าครับ...” วิลเลี่ยมแค่ออกความคิดเห็น ขณะที่คนเป็นนายคิดเลยเถิดไปไกลเกินจะกู่กลับ พ่อเขาอยากได้ทายาทและแน่นอนว่าสองคนนี้ที่กำลังจะแต่งงานกันต้องมีหลานให้พ่อเขา “กูจะบุก” “นายครับ แพ้มาแล้วยังจะบุกอีกเหรอครับ” “ไอ้วิลเลี่ยมมึงวอนตีนกูจริง ๆ กูไม่ได้แพ้กูแค่เดินกลับของกูเอง” เคเรนด์ยกเท้าขึ้นหมายจะถีบเอวหนาของอีกฝ่าย ซึ่งคนเป็นลูกน้องก็พร้อมจะให้ถีบอย่างไร้ข้อกังขา ทว่า “มึง...ไปเอาสไนเปอร์มาให้กู” “นายครับ กระจกมันยิงไม่เข้า” “กูรู้!!” เสียงตวาดของเคเรนด์ทำให้วิลเลี่ยมหมุนตัวหันหลังไปทำตามอย่างที่นายว่าทันที ซึ่งไม่นานปืนยาวระบบชักยิงที่สามารถส่องกล้องทางไกลได้ก็มาถึง วิลเลี่ยมส่งมันให้กับนายของเขา ชายหนุ่มตั้งปืนที่บ่าของตนก่อนที่จะส่องกล้องส่องทางไกลเพื่อซุ่มมองมากกว่าซุ่มยิง คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเป็นระยะ ๆ เกรงว่าสองคนนี้จะขึ้นคร่อมกันอย่างที่หัวเขานึก ทว่ากลับเป็นการพูดคุยกันเสียมากกว่า ขณะเดียวกันที่คาลเวิร์ตมานั่งลงที่ปลายเตียงของมิล่า เขามองหน้าเธอที่งอง้ำอยู่ “พี่นอนกับฉันไม่ได้เหรอ...” “มันไม่เข้ามาหรอกน่า” “ฉันกลัวนิ” เธอว่าพร้อมกับทำหน้างอ หญิงสาวจะเป็นเมียเขาตามกฎหมายแล้วแท้ ๆ เขากลับให้เกียรติเธออย่างกับอะไรดี “วันนี้มันโกรธมากเห็นมั้ย พี่กลัวว่าทุกอย่างจะแย่ไปกว่านี้” “_” หญิงสาวก้มหน้าลง เขาเป็นแบบนี้ยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ไปกันใหญ่ ทว่า “ไม่คิดจะบอกมันหรือไงว่าทำไมถึงเลิกกับมัน...” มิล่าชะงักไป นัยน์ตาสีฟ้าเป็นประกายนั้นเสมองไปทางอื่นทันที ก่อนที่เธอจะหันกลับมาสนใจเจ้าของคำถามอีกครั้ง “บอกแล้วค่ะ” “...บอกเหมือนที่บอกพี่น่ะเหรอ” หญิงสาวพยักหน้าหงึกหงัก เธอเลิกกับเขามาห้าปี ขณะที่หมั้นกับพี่ชายเขาหลังจากนั้นเพียงแค่ปีเดียว “ก็หมดรักจริง ๆ ก็ต้องบอกแบบเดิม” คาลเวิร์ตจ้องมองใบหน้าของเธอ เพราะเธอโกหกไม่เก่งเลยน่ะสิน้องชายเขาถึงไม่ยอมจบสักที “_” “คนเราเลิกกันไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลอะไรหรอกค่ะ ฉันแค่หมดรักก็เท่านั้น” “เวลาโกหก ก็อย่าพยายามหาเหตุผลเหมือนกัน มันไม่เนียน” มิล่ากลืนน้ำลายลงคอ เขายังไม่ได้ถามอะไรเธอก็รีบอธิบายราวกับกลัวว่าเขาจะจับได้ว่าตนโกหก ซึ่งความจริงมาเฟียหนุ่มก็รู้ว่าเธอโกหกเพียงแต่ไม่รู้ว่าความจริงคืออะไร “พี่คิดว่าจะย้ายไปอยู่ไทย” “จริงเหรอคะ! เพราะฉันเหรอคะ...” หญิงสาวตกใจตาโต หากเป็นเพราะเธอก็อดที่จะรู้สึกผิดไม่ได้ “ถ้าเป็นเพราะฉัน...ฉัน” “...มันไม่จบหรอก” เขาว่าทั้ง ๆ ที่เธอพูดไม่ทันจบ มาเฟียหนุ่มบอกให้เธอมาเผชิญหน้ากับเคเรนด์แต่ตอนนี้กลับบอกว่าจะย้ายไปอยู่บ้านเกิดของมารดา ซึ่งเธอก็ยินดีเพราะบ้านของเธอก็อยู่ที่นั่น แต่สำหรับคาลเวิร์ตไม่ใช่ เขามีคาสิโนอยู่ทั่วโลกก็จริง ทว่าอิตาลีคือบ้านเกิดของเขา “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะอยู่ที่นี่” มิล่าเอ่ยพูดขึ้น เธอหนีมานานมากแล้ว ถึงคราวที่จะต้องสู้และให้เขาคนนั้นเรียนรู้ที่จะทำใจ “ไหนบอกว่ากลัว” “ไม่กลัวแล้วค่ะ” เธอว่าเสียงหนักแน่น เพราะเหตุการณ์วันนั้นแน่นอนที่ทำให้คาลเวิร์ตเปลี่ยนใจ การกลับไปอยู่ที่ไทยนั้นเป็นเรื่องดี เพราะอย่างน้อยเคเรนด์ก็เกรงใจพ่อแม่เธอ “หึ งั้นพี่กลับห้องพี่?" “ได้เลยค่ะ สบายมาก!” คาลเวิร์ตแค่นหัวเราะ มิล่าเหมาะที่จะยิ้มสดใสแบบนี้ ขณะเดียวกันที่รอยยิ้มของคาลเวิร์ตก็ทำให้หญิงสาวชะงักไปเช่นกัน “พี่ยิ้มแบบนี้แล้วหล่อมากเลยนะ ยิ้มบ่อย ๆ สิ ทำหน้าดุน่ากลัวจะตาย” “เหรอ พี่ไม่ได้ทำหน้าดุ” “แต่หน้าพี่ดุมาก...” หญิงสาวจงใจเน้นคำว่ามากให้เขาได้ยิน เสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าคาลเวิร์ต คาร์นน่ากลัวไม่ไกลจากความจริงเลยสักนิด ซึ่งแต่ก่อนเขาไม่ได้นิ่งมากขนาดนี้เสียด้วยซ้ำ “แหนะ ทำหน้าดุอีกแล้ว” “นอนเถอะ” หญิงสาวพยายามเย้าแหย่ให้อีกฝ่ายอารมณ์ดี แต่กลับไม่ได้ผล ซึ่งก็ได้รับเพียงน้ำเสียงนิ่งเรียบเช่นเคย “...โอเค แต่ว่าฉันอยู่ที่นี่ได้จริง ๆ นะคะ” “พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร” น้ำเสียงนิ่งเรียบทำให้เธอหุบปากแทบไม่ทัน เขาไม่ยิ้มอีกแล้ว เธอไม่น่าทักเลย มิล่านึกเสียดายที่เผลอไปทักว่าเขายิ้มแล้วหล่อ ซึ่งหน้านิ่ง ๆ ของเขาก็หล่อเพียงแต่เธออยากให้เขายิ้มมากกว่านี้ “ถ้ามันทำอะไรอีก พี่จะพาไปทำเด็กละนะ” มิล่าชะงักอีกครั้ง เธอก้มหน้าลง การผูกมัดเขาคนนี้ไว้กับลูกมันจะดีแล้วหรือ ขณะเดียวกันสิ่งนี้อาจจะทำให้เคเรนด์หยุดที่จะมาทำร้ายเธอก็ได้ “พี่คะ...พี่จะไม่เสียใจใช่ไหมคะ” “หืม? ” “พี่ไม่ได้รักฉัน...” มิล่าสบสายตากับเขาเพื่อรอคำตอบ หากว่าเขาบอกว่าเสียใจ เธอก็จะนำเรื่องนี้ไปบอกพ่อของเขาให้ ทว่า “เธอก็ไม่ได้รักพี่ เราต่างมีเหตุผล” มิล่าก้มหน้าลง เหตุผลของเขาเธอรู้ดี มันไม่ใช่แค่ต้องแต่งงานกับเธอตามคำสั่งของบิดา และไม่ใช่แค่อยากปกป้องเธอจากเคเรนด์ ทว่า “ถ้าสมมติ เนื้อคู่ของพี่ปรากฏตัวตอนเราแต่งงานกันแล้ว พี่จะไม่เสียใจแน่นะคะ” “เพ้อเจ้อ เธอยังเชื่อเรื่องแบบนี้เหรอ” “นั่นสิ...” “เจ็บปวดกับมันแค่ครั้งเดียว ครั้งเดียวก็เกินพออย่างที่เธอว่าไง” หญิงสาวก้มมองฝ่ามือของตัวเอง เจ็บปวดแค่ครั้งเดียวเสียเมื่อไร ยิ่งเป็นอย่างนี้ยิ่งเจ็บปวดไม่รู้จักจบจักสิ้น “พี่คะ...ผู้หญิงไม่เหมือนกันทุกคนหรอกนะคะ” “_” “ฉันอยากแต่งงานกับพี่ก็จริง แต่...ถ้าพี่เจอเนื้อคู่” “พอเถอะ” คาลเวิร์ตพูดแทรกขึ้นมา เขามีสีหน้านิ่งเรียบ ไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมาแม้ว่าเธอจะพูดถึงเรื่องเก่า ๆ ที่เขาไม่เคยลืม “...มันไม่แฟร์เลยนะที่เธอรู้เรื่องพี่ทุกอย่าง แต่พี่ไม่รู้เรื่องของเธอ” เขาเอ่ยพูดขึ้นอีกครั้ง คาลเวิร์ตอยากรู้ว่าอะไรทำให้มิล่าหมดรักน้องชายเขาอย่างที่ปากว่า อะไรทำให้เธออมพะนำไม่ยอมพูด และยอมให้อีกฝ่ายทำร้าย หนักสุดก็หามเข้าโรงพยาบาลเมื่อสามปีก่อน “หึ...ขนาดฉันรู้ฉันยังช่วยอะไรพี่ไม่ได้เลย ถ้าพี่รู้...มันก็เหมือนเดิมค่ะ เราต้องแต่งงาน มีลูก...ของเรา ถึงจะไม่ใช่ลูกที่เกิดจากเรามีอะไรกัน แต่ก็เป็นพี่ครึ่งหนึ่ง ฉันครึ่งหนึ่ง...คุณลุงคงพอใจ” “นอนเถอะ เธอชักจะพูดมาก” “เหรอคะ ไหนพี่บอกอยากให้ฉันร่าเริง” “_” “แต่พี่คะ...ถ้าเมื่อไรพี่เจอเนื้อคู่ พี่จะยังปกป้องฉันไหมคะ” ความเงียบของเขาเธอไม่รู้เลยว่ามีอะไรอยู่ในใจของเขา พูดอะไรเขาก็ไม่ตอบ “ถ้าอย่างนั้น อย่าทิ้งฉันนะ” “อะไรของเธอ” “หึ ตอบไวจังเลยนะ” มิล่ายกยิ้ม ความเจ็บปวดทั้งกายใจทำให้เธอกลัว หากว่าไม่มีปีกของคาลเวิร์ต เคเรนด์ไม่ปล่อยเธอไว้แน่ เขาฝังใจจนมันหยั่งลึกเข้าใต้จิตใจของเขา “พี่จะทิ้งเธอทำไม...ไม่มีเหตุผลเลย” “ถ้ามีเหตุผล พี่จะทิ้งฉันสินะ” “ไม่ทิ้งทั้งนั้นแหละ” คาลเวิร์ตตอบกลับทันควัน เขาเข้าใจน้องชาย ทว่ามิล่าก็ไม่สมควรโดนอะไรแบบนี้อีก...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD