@Sicily, Italy
เกาะซิซิลีมีสภาพภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน ขึ้นชื่อว่ามีฤดูร้อนที่ยาวนานและแห้งแล้ง ฤดูหนาวที่ไม่ค่อยเย็นและมีฝนมากกว่าหิมะ
ฝนตกพรำในฤดูหนาวมันหนาวกว่าหิมะเสียอีก บรรยากาศความเย็นถึงได้คืบคลานเข้ามายามเสื้อตัวบางถูกฉีกกระชากออก ผิวขาวเนียนละเอียดสัมผัสอากาศเย็นยะเยือกภายนอก ทว่าความหนาวที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้น่ากลัวเท่ากับชายตรงหน้า
“ฮึก ขะ ขอร้อง” ริมฝีปากบางสั่นเทา เธอค่อย ๆ ยันปลายเท้ากับเตียงนอนสีขาวจนแผ่นหลังบางชิดกับหัวเตียง ทว่าพอจะลุกขึ้นวิ่งหนีตามสัญชาตญาณกลับพบว่าข้อมือของเธอถูกผูกเชือกไว้กับหัวเตียง
“หึ...” แววตาสั่นระริกค่อย ๆ หันกลับไปมองเจ้าของการกระทำ ดวงตาสีรัตติกาลของเขาขับกับผิวขาวจัดออกไปทางซีด ริมฝีปากบางยิ่งกว่าสตรีเพศนั้นเหยียดยิ้มมองร่างบางสั่นเทาของเธอ
“นะ นายเข้ามาได้ยังไง! เข้ามาตอนไหน!!” หญิงสาวตวาดเสียงออกมาดังลั่น แต่เสียงของเธอมันเหมือนกับเสียงของนกกระจิบในตอนเช้า ไม่ได้ระแคะระคายหูของเขาเลยสักนิด
“เคเรนด์ ฉัน ฮึก จะบอก...”
“เชิญเธอขี่ม้าสามศอกไปฟ้องมัน แต่...เธอจะได้ไปไหมนะ” เขาว่าด้วยน้ำเสียงนึกสนุก ขณะที่ฝ่ามือหนาทั้งสองข้างกำลังละเมียดละไมปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวออกจากร่างหนาของตน
ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ปลดหัวเข็มขัดออก มิล่าไร้หนทางที่จะหนี เขาเข้ามาในห้องของเธอยามเธอหลับและผูกเธอไว้เช่นนี้ คงไม่มีทางหนีรอด หน้าประตูก็คงไม่มีคนช่วยเธอแล้ว
“นายจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ ฮึก ฉันเป็น...คู่หมั้นพี่นาย”
“เหรอ กูรู้แค่ว่ามึงเป็นเมียกู” พอได้ยินเธอว่าอย่างนี้ โทสะที่มีก็พุ่งเข้ามาในกาย ร่างหนาท่อนบนเปลือยเปล่าร้อนขึ้นมาด้วยความโกรธเคืองกับสิ่งที่เธอคนนี้พูด รู้ทั้งรู้ว่าสิ่งที่พูดจะทำให้เขาโมโหแต่เธอก็พูดออกมา อย่างนี้จะไม่เรียกว่าหาเรื่องก็กระไรอยู่
“ไม่ใช่ อะ ออกไป!” มิล่าตัวสั่นเทา บรรยากาศหนาวเหน็บนี้ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกอะไร เพราะความหวาดกลัวมันมีมากกว่า ทว่าทำพูดของเธอก็ไม่ได้นำพาให้เขาทำตาม
หมับ!!
ฝ่ามือหนาเอื้อมไปคว้าหมับที่ข้อขาเล็กของเธอก่อนที่เขาจะกระชากลงมาอย่างแรงจนร่างบางเข้ามาอยู่ใต้อาณัติของเขา
ชายหนุ่มใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งกดต้นขาของเธอไว้ ก่อนจะใช้มืออีกข้างดึงกางเกงสแล็กพร้อมกับอันเดอร์แวร์ราคาแพงของตนลง
ร่างขาวนวลของเธอมีเพียงบราเซียร์ลายลูกไม้สีดำและแพนตี้ตัวจิ๋วสีเดียวกัน และทันทีที่เขาปลดอาภรณ์ของตนออกจนหมด ชายหนุ่มก็ใช้ฝ่ามือดึงปราการส่วนล่างของเธออย่างแรง
“กรี๊ดด...ฮืออ~” มิล่าตกใจไม่ทันหาย เธอนอนหลับไม่รู้สึกตัว แต่พอตื่นมาก็พบว่าเขาคนนี้กำลังทำมิดีมิร้ายเธอ ครั้นจะหนีก็ไม่ทันเสีย
“ร้องดัง ๆ ตอนกูเอามึง ก็ร้องให้ดังกว่านี้!” เขาเค้นเสียงออกมาขณะที่ฝ่ามือหนากำลังดันเรียวขาของเธอขึ้น เรือนร่างคุ้นเคยปลุกความกำหนัดในตัวของเขาได้ทันทีอย่างไม่ต้องทำอะไรมากนัก ต่างจากหญิงสาวที่ไม่มีอารมณ์ร่วมเลยสักนิด
มิล่าเม้มริมฝีปากพร้อมกับส่ายหน้าอย่างแรงยามเขาเขี่ยความแข็งขืนนั้นที่จุดกลางกายของเธอ เสียงร้องไห้ของเธอไม่อาจทำให้เขารู้สึกอะไรได้ ยิ่งเธอทรมาน ยิ่งเธอกรีดร้องราวกับเจ็บปวดอย่างนี้เขายิ่งพอใจ
“ฮึก อื้ออ เจ็บ...” ร่างบางดิ้นพล่านยามเขายัดเยียดความแข็งขืนนั้นเข้ามา ฝ่ามือบางของเธอกำผ้าปูที่นอนแน่น เช่นเดียวกับมืออีกข้างที่จิกลงใส่ต้นแขนแกร่งของเขา เธอข่มเปลือกตาลงปล่อยให้น้ำตาได้ไหลออกมาตามหางตา ภาวนาให้ความเลวร้ายทว่าเคยชินนี้ได้จบไปเสีย...
ความผิดปกติตรงหน้าคฤหาสน์โรมันหลังใหญ่ทำให้คิ้วหนาของมาเฟียหนุ่มขมวดเข้าหากัน เขามองออกไปผ่านกระจกสีชาด้วยลางสังหรณ์บางอย่าง
“คนไปไหนหมด...”
“ไม่มีใครตอบเลยครับ” มาร์โคลูกน้องคนสนิทตอบผู้เป็นนายทันที ตอนที่ขับรถเข้ามาก็ผิดสังเกตแล้วว่าลูกน้องคนอื่นหายไปไหนหมด ทว่าพอเอ่ยถามเพื่อนร่วมงานผ่านหูฟังไร้สายก็ไม่ได้รับการตอบกลับ
“ชิส! เรียกคนที่บ่อนมา...” เขาตอบเสียงนิ่งเรียบ แม้ว่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นภายในบ้านของเขา แต่ชายหนุ่มก็พยายามใจเย็น เพราะคนที่ทำเช่นนี้คงเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่น้องชายเขาเอง
“มันกลับมาตั้งแต่เมื่อไร”
“ไม่ทราบเลยครับ” คำตอบที่ได้รับทำเอาคนเป็นนายถอนหายใจพรืดใหญ่ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นโทรหาคู่หมั้นของเขา ขณะที่รถยุโรปราคาแพงกำลังจอดลง
มาเฟียหนุ่มไม่รอให้คนเป็นลูกน้องมาเปิดประตูรถให้เช่นเคย เขาเปิดประตูลงจากรถพร้อมกับก้าวขาออกไปในทันที ร่างหนาใหญ่ภายในชุดสูทสีดำสนิทก้าวขายาว ๆ เข้าไปในบ้านของตน พร้อมกับยกโทรศัพท์ไว้แนบหู ทว่าปลายสายก็ไม่รับโทรศัพท์เขา
คนภายในบ้านไม่มีสักคน ทำเอาใจแกร่งหล่นลงพื้นทันที เขาทิ้งโทรศัพท์ลงพื้นอย่างไม่ไยดี ก่อนจะวิ่งขึ้นบันไดบ้านด้วยความรวดเร็ว
สายตาคมกริบเพ่งมองบานประตูขนาดใหญ่ตรงหน้า ซึ่งพอมาถึงเขาก็ไม่ลังเลที่จะเอื้อมมือไปคว้าลูกบิด ทว่า
แกร็ก!
แอ๊ดดด...
“ว้าว ผัวเธออีกคนมาว่ะ” ประตูบานใหญ่นี้กลับถูกเปิดออกจากคนภายในห้องพร้อมกับเสียงพูดคุ้นหู ซึ่งก็ไม่แคล้วไปจากที่คิดเลยสักนิด...