“เรา...เสียใจ ฮืออ~” แม้จะร้องไห้ออกมาหนักแค่ไหนในรอบที่แล้ว ทว่าน้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลออกมาอีกครั้งยามนึกถึงเรื่องนี้ สิ่งที่ได้ยินก่อนหน้านี้ทำให้เธอรู้สึกไร้หนทาง หากว่าจะไปขอให้เขามาตรวจไขกระดูกเผื่อบริจาคสเต็มเซลล์ให้กรุงโรมได้
หากว่าผู้หญิงของเขารู้...เธอคงเสียใจแย่
“เราพูดไม่ออกเลยว่ะ” โนอาร์อึ้งเช่นกัน เขารับรู้เสมอว่ามินตราเป็นคนบ้าดีเดือดมากแค่ไหน ทว่าไม่คิดว่าจะทำอะไรแผลง ๆ อย่างนี้ “เธอไม่กลัวกฎหมายเหรอ มันผิดจรรยาบรรณนะ”
“รู้ เรารู้...เราแค่อยากมีลูก เราเห็นลินินมีลูกแล้วเราก็อยากมี” มินตราก้มหน้าลง เธออายุจะเข้าเลขสามแล้ว หญิงสาวอกหักมานับครั้งไม่ถ้วน เธอปลงใจไปแล้วว่าจะไม่มีสามีขณะเดียวกันก็อยากมีลูก
“เราคิดว่าเราเลี้ยงเขาได้ เรามีหน้าที่การงานที่ดี เงินเดือนสูง พ่อแม่เราก็เป็นข้าราชการ พวกเขาไม่เคยขอเงินเราเสียด้วยซ้ำ แต่ใครจะคิดว่ากรุงโรมจะป่วยแบบนี้”
“ธาลัสซีเมียเป็นโรคทางพันธุกรรม มันตรวจได้ก่อนอยู่แล้วนิว่ามีโอกาสเป็นหรือไม่เป็น เธอไม่ใช่เหรอที่เป็นคนตรวจก่อนทำ”
“หึ ใช่ไง เราเอง...แต่เรากลับประมาท”
“_”
“เราอยากให้เขาเป็นพ่อของลูกเราด้วยแหละ” โนอาร์ยิ้มบาง ๆ เขายินดีหากว่าเธอเจอคนที่พร้อมดูแลเธอ ทว่าพอเป็นอย่างนี้ชายหนุ่มก็รู้สึกเสียใจไปกับเธอด้วย
“แล้ว..ทำไมเขาต้องทำเด็กหลอดแก้วล่ะ ถ้าเขามีผู้หญิงอยู่แล้ว หรือเขาปัญหา”
“ไม่ ร่างกายเขาปกติ น้ำเชื้อของเขาปกติ เราเป็นคนตรวจให้เขาเอง ไม่รู้สิ...แฟนเขามั้งที่มีปัญหา อาจจะตกไข่ยากเลยต้องพึ่งวิทยาศาสตร์” มินตราก้มหน้ามองฝ่ามือของตัวเอง เขาไม่ให้เธอบอกใคร ไม่ให้เธอลงทะเบียนประวัติอะไร ทุกอย่างเป็นความลับแม้กระทั่งห้ามบอกใครว่าเขามาที่ทำงานของเธอ
“แล้วอย่างนี้...”
“เราถึงไม่กล้าไปขอให้เขามาตรวจสเต็มเซลล์ไง” ในที่สุดเธอก็บอกเหตุผลที่เขาพร่ำถามเธอเสมอมาว่าทำไมไม่ไปบอกพ่อของกรุงโรมให้มาตรวจความเข้ากันได้ของไขกระดูก เพราะมีโอกาสเป็นไปได้สูงที่พ่อจะสามารถบริจาคสเต็มเซลล์ให้ลูกได้
“เราเข้าใจแล้ว...แต่มิน ชีวิตกรุงโรมสำคัญกว่าหรือเปล่า”
“_”
“เราเคารพการตัดสินใจญาติคนไข้ทุกคนนะ แต่เราอยากพูดในฐานะเพื่อน และผู้ชายที่รักเด็กคนหนึ่ง” ชายหนุ่มถอนหายใจออกมา มินตราไม่มีทางกลับมาคบกับเขาหรอก ชายหนุ่มรู้ดี
“เธอก็รู้นิว่าเราเลือกเรียนเฉพาะทางด้านนี้เพราะเราเคยเป็นธาลัสซีเมียมาก่อน ตอนที่รอให้คนมาบริจาคเราไม่เคยลืมเลย ทำไมไม่ลองดูสักตั้ง..”
“โนอาร์...ผู้หญิงคนนั้นเป็นคู่หมั้นเขา เขากำลังจะแต่งงาน” คุณหมอหนุ่มชะงักไป เขามองใบหน้าสวยคมที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา
“เราทำผิด...”
“แต่มิน...กรุงโรมไม่ผิด” ชายหนุ่มเอ่ยพูดขึ้น เขายิ้มบาง ๆ ให้เธอ “เด็กไม่ผิด แล้วที่เราบอกว่าในคลังมีเลือดพอให้ตลอด เราก็แค่พูดให้ญาติสบายใจ เดี๋ยวนี้คนบริจาคเลือดน้อยลงทุกวัน ต่อไปเขาจะเลือกให้เลือดแค่คนที่สามารถมีชีวิตอยู่รอดได้”
“_”
“แต่กรุงโรมป่วยธาลัสซีเมียขั้นรุนแรง รุนแรงที่สุดเลยเธอก็รู้...โอกาสรอดต่ำ” มินตรายกยิ้มบาง ๆ เธอส่ายหน้าเบา ๆ
“เราไม่กล้าหรอก อีกอย่างก็ไม่รู้ว่าจะเข้ากันได้ไหม แล้วไม่รู้อีกว่าเขาจะสนใจช่วยหรือเปล่า” มินตรากลัวประโยคหลังเสียมากกว่า หากว่ามันสามารถเข้ากันได้ ทว่าเขาไม่อยากช่วย เธอก็จนปัญญาที่จะหาทางออก และกลัวความเสียใจที่สุดหากกรุงโรมรู้ว่าพ่อเขาไม่คิดจะช่วย...
ขณะเดียวกันที่ยามค่ำคืนของอีกฟากฟ้าหนึ่งที่ช้ากว่าประเทศไทย เคเรนด์ขมวดคิ้วยุ่งเมื่อมองผ่านกระจกกันกระสุนไปยังห้องพี่ชาย พี่ชายของเขาเดินออกจากห้องแล้วเดินตามระเบียงไปยังห้องอีกห้องที่อยู่ไม่ไกลจากกัน
“ชิส! ไปเอากันแน่”
“เขาอาจจะไปหากันเฉย ๆ ก็ได้ครับ” เคเรนด์หันขวับไปมองลูกน้องคนสนิททันที
“กูถามมึงหรือไง”
“เปล่าครับ...” วิลเลี่ยมแค่ออกความคิดเห็น ขณะที่คนเป็นนายคิดเลยเถิดไปไกลเกินจะกู่กลับ พ่อเขาอยากได้ทายาทและแน่นอนว่าสองคนนี้ที่กำลังจะแต่งงานกันต้องมีหลานให้พ่อเขา
“กูจะบุก”
“นายครับ แพ้มาแล้วยังจะบุกอีกเหรอครับ”
“ไอ้วิลเลี่ยมมึงวอนตีนกูจริง ๆ กูไม่ได้แพ้กูแค่เดินกลับของกูเอง” เคเรนด์ยกเท้าขึ้นหมายจะถีบเอวหนาของอีกฝ่าย ซึ่งคนเป็นลูกน้องก็พร้อมจะให้ถีบอย่างไร้ข้อกังขา ทว่า
“มึง...ไปเอาสไนเปอร์มาให้กู”
“นายครับ กระจกมันยิงไม่เข้า”
“กูรู้!!” เสียงตวาดของเคเรนด์ทำให้วิลเลี่ยมหมุนตัวหันหลังไปทำตามอย่างที่นายว่าทันที ซึ่งไม่นานปืนยาวระบบชักยิงที่สามารถส่องกล้องทางไกลได้ก็มาถึง วิลเลี่ยมส่งมันให้กับนายของเขา
ชายหนุ่มตั้งปืนที่บ่าของตนก่อนที่จะส่องกล้องส่องทางไกลเพื่อซุ่มมองมากกว่าซุ่มยิง คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเป็นระยะ ๆ เกรงว่าสองคนนี้จะขึ้นคร่อมกันอย่างที่หัวเขานึก ทว่ากลับเป็นการพูดคุยกันเสียมากกว่า
ขณะเดียวกันที่คาลเวิร์ตมานั่งลงที่ปลายเตียงของมิล่า เขามองหน้าเธอที่งอง้ำอยู่
“พี่นอนกับฉันไม่ได้เหรอ...”
“มันไม่เข้ามาหรอกน่า”
“ฉันกลัวนิ” เธอว่าพร้อมกับทำหน้างอ หญิงสาวจะเป็นเมียเขาตามกฎหมายแล้วแท้ ๆ เขากลับให้เกียรติเธออย่างกับอะไรดี
“วันนี้มันโกรธมากเห็นมั้ย พี่กลัวว่าทุกอย่างจะแย่ไปกว่านี้”
“_” หญิงสาวก้มหน้าลง เขาเป็นแบบนี้ยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ไปกันใหญ่ ทว่า
“ไม่คิดจะบอกมันหรือไงว่าทำไมถึงเลิกกับมัน...” มิล่าชะงักไป นัยน์ตาสีฟ้าเป็นประกายนั้นเสมองไปทางอื่นทันที ก่อนที่เธอจะหันกลับมาสนใจเจ้าของคำถามอีกครั้ง
“บอกแล้วค่ะ”
“...บอกเหมือนที่บอกพี่น่ะเหรอ” หญิงสาวพยักหน้าหงึกหงัก เธอเลิกกับเขามาห้าปี ขณะที่หมั้นกับพี่ชายเขาหลังจากนั้นเพียงแค่ปีเดียว
“ก็หมดรักจริง ๆ ก็ต้องบอกแบบเดิม” คาลเวิร์ตจ้องมองใบหน้าของเธอ เพราะเธอโกหกไม่เก่งเลยน่ะสิน้องชายเขาถึงไม่ยอมจบสักที
“_”
“คนเราเลิกกันไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลอะไรหรอกค่ะ ฉันแค่หมดรักก็เท่านั้น”
“เวลาโกหก ก็อย่าพยายามหาเหตุผลเหมือนกัน มันไม่เนียน” มิล่ากลืนน้ำลายลงคอ เขายังไม่ได้ถามอะไรเธอก็รีบอธิบายราวกับกลัวว่าเขาจะจับได้ว่าตนโกหก ซึ่งความจริงมาเฟียหนุ่มก็รู้ว่าเธอโกหกเพียงแต่ไม่รู้ว่าความจริงคืออะไร
“พี่คิดว่าจะย้ายไปอยู่ไทย”
“จริงเหรอคะ! เพราะฉันเหรอคะ...” หญิงสาวตกใจตาโต หากเป็นเพราะเธอก็อดที่จะรู้สึกผิดไม่ได้ “ถ้าเป็นเพราะฉัน...ฉัน”
“...มันไม่จบหรอก” เขาว่าทั้ง ๆ ที่เธอพูดไม่ทันจบ มาเฟียหนุ่มบอกให้เธอมาเผชิญหน้ากับเคเรนด์แต่ตอนนี้กลับบอกว่าจะย้ายไปอยู่บ้านเกิดของมารดา ซึ่งเธอก็ยินดีเพราะบ้านของเธอก็อยู่ที่นั่น แต่สำหรับคาลเวิร์ตไม่ใช่ เขามีคาสิโนอยู่ทั่วโลกก็จริง ทว่าอิตาลีคือบ้านเกิดของเขา
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะอยู่ที่นี่” มิล่าเอ่ยพูดขึ้น เธอหนีมานานมากแล้ว ถึงคราวที่จะต้องสู้และให้เขาคนนั้นเรียนรู้ที่จะทำใจ
“ไหนบอกว่ากลัว”
“ไม่กลัวแล้วค่ะ” เธอว่าเสียงหนักแน่น เพราะเหตุการณ์วันนั้นแน่นอนที่ทำให้คาลเวิร์ตเปลี่ยนใจ การกลับไปอยู่ที่ไทยนั้นเป็นเรื่องดี เพราะอย่างน้อยเคเรนด์ก็เกรงใจพ่อแม่เธอ
“หึ งั้นพี่กลับห้องพี่?"
“ได้เลยค่ะ สบายมาก!” คาลเวิร์ตแค่นหัวเราะ มิล่าเหมาะที่จะยิ้มสดใสแบบนี้ ขณะเดียวกันที่รอยยิ้มของคาลเวิร์ตก็ทำให้หญิงสาวชะงักไปเช่นกัน “พี่ยิ้มแบบนี้แล้วหล่อมากเลยนะ ยิ้มบ่อย ๆ สิ ทำหน้าดุน่ากลัวจะตาย”
“เหรอ พี่ไม่ได้ทำหน้าดุ”
“แต่หน้าพี่ดุมาก...” หญิงสาวจงใจเน้นคำว่ามากให้เขาได้ยิน เสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าคาลเวิร์ต คาร์นน่ากลัวไม่ไกลจากความจริงเลยสักนิด ซึ่งแต่ก่อนเขาไม่ได้นิ่งมากขนาดนี้เสียด้วยซ้ำ “แหนะ ทำหน้าดุอีกแล้ว”
“นอนเถอะ” หญิงสาวพยายามเย้าแหย่ให้อีกฝ่ายอารมณ์ดี แต่กลับไม่ได้ผล ซึ่งก็ได้รับเพียงน้ำเสียงนิ่งเรียบเช่นเคย
“...โอเค แต่ว่าฉันอยู่ที่นี่ได้จริง ๆ นะคะ”
“พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร” น้ำเสียงนิ่งเรียบทำให้เธอหุบปากแทบไม่ทัน เขาไม่ยิ้มอีกแล้ว เธอไม่น่าทักเลย มิล่านึกเสียดายที่เผลอไปทักว่าเขายิ้มแล้วหล่อ ซึ่งหน้านิ่ง ๆ ของเขาก็หล่อเพียงแต่เธออยากให้เขายิ้มมากกว่านี้
“ถ้ามันทำอะไรอีก พี่จะพาไปทำเด็กละนะ” มิล่าชะงักอีกครั้ง เธอก้มหน้าลง การผูกมัดเขาคนนี้ไว้กับลูกมันจะดีแล้วหรือ ขณะเดียวกันสิ่งนี้อาจจะทำให้เคเรนด์หยุดที่จะมาทำร้ายเธอก็ได้
“พี่คะ...พี่จะไม่เสียใจใช่ไหมคะ”
“หืม? ”
“พี่ไม่ได้รักฉัน...” มิล่าสบสายตากับเขาเพื่อรอคำตอบ หากว่าเขาบอกว่าเสียใจ เธอก็จะนำเรื่องนี้ไปบอกพ่อของเขาให้ ทว่า
“เธอก็ไม่ได้รักพี่ เราต่างมีเหตุผล” มิล่าก้มหน้าลง เหตุผลของเขาเธอรู้ดี มันไม่ใช่แค่ต้องแต่งงานกับเธอตามคำสั่งของบิดา และไม่ใช่แค่อยากปกป้องเธอจากเคเรนด์ ทว่า
“ถ้าสมมติ เนื้อคู่ของพี่ปรากฏตัวตอนเราแต่งงานกันแล้ว พี่จะไม่เสียใจแน่นะคะ”
“เพ้อเจ้อ เธอยังเชื่อเรื่องแบบนี้เหรอ”
“นั่นสิ...”
“เจ็บปวดกับมันแค่ครั้งเดียว ครั้งเดียวก็เกินพออย่างที่เธอว่าไง” หญิงสาวก้มมองฝ่ามือของตัวเอง เจ็บปวดแค่ครั้งเดียวเสียเมื่อไร ยิ่งเป็นอย่างนี้ยิ่งเจ็บปวดไม่รู้จักจบจักสิ้น
“พี่คะ...ผู้หญิงไม่เหมือนกันทุกคนหรอกนะคะ”
“_”
“ฉันอยากแต่งงานกับพี่ก็จริง แต่...ถ้าพี่เจอเนื้อคู่”
“พอเถอะ” คาลเวิร์ตพูดแทรกขึ้นมา เขามีสีหน้านิ่งเรียบ ไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมาแม้ว่าเธอจะพูดถึงเรื่องเก่า ๆ ที่เขาไม่เคยลืม
“...มันไม่แฟร์เลยนะที่เธอรู้เรื่องพี่ทุกอย่าง แต่พี่ไม่รู้เรื่องของเธอ” เขาเอ่ยพูดขึ้นอีกครั้ง คาลเวิร์ตอยากรู้ว่าอะไรทำให้มิล่าหมดรักน้องชายเขาอย่างที่ปากว่า อะไรทำให้เธออมพะนำไม่ยอมพูด และยอมให้อีกฝ่ายทำร้าย หนักสุดก็หามเข้าโรงพยาบาลเมื่อสามปีก่อน
“หึ...ขนาดฉันรู้ฉันยังช่วยอะไรพี่ไม่ได้เลย ถ้าพี่รู้...มันก็เหมือนเดิมค่ะ เราต้องแต่งงาน มีลูก...ของเรา ถึงจะไม่ใช่ลูกที่เกิดจากเรามีอะไรกัน แต่ก็เป็นพี่ครึ่งหนึ่ง ฉันครึ่งหนึ่ง...คุณลุงคงพอใจ”
“นอนเถอะ เธอชักจะพูดมาก”
“เหรอคะ ไหนพี่บอกอยากให้ฉันร่าเริง”
“_”
“แต่พี่คะ...ถ้าเมื่อไรพี่เจอเนื้อคู่ พี่จะยังปกป้องฉันไหมคะ” ความเงียบของเขาเธอไม่รู้เลยว่ามีอะไรอยู่ในใจของเขา พูดอะไรเขาก็ไม่ตอบ
“ถ้าอย่างนั้น อย่าทิ้งฉันนะ”
“อะไรของเธอ”
“หึ ตอบไวจังเลยนะ” มิล่ายกยิ้ม ความเจ็บปวดทั้งกายใจทำให้เธอกลัว หากว่าไม่มีปีกของคาลเวิร์ต เคเรนด์ไม่ปล่อยเธอไว้แน่ เขาฝังใจจนมันหยั่งลึกเข้าใต้จิตใจของเขา
“พี่จะทิ้งเธอทำไม...ไม่มีเหตุผลเลย”
“ถ้ามีเหตุผล พี่จะทิ้งฉันสินะ”
“ไม่ทิ้งทั้งนั้นแหละ” คาลเวิร์ตตอบกลับทันควัน เขาเข้าใจน้องชาย ทว่ามิล่าก็ไม่สมควรโดนอะไรแบบนี้อีก...