น้ำฟ้าเดินขึ้นบันไดหอพักด้วยท่าทางระมัดระวัง เพราะไม่อยากให้ใครมาเห็นสภาพเธอในตอนนี้ โชคดีที่เมื่อคืนไปแต่ตัว จึงไม่ต้องห่วงข้าวของมากมาย ส่วนกุญแจหอพัก เธอก็ฝากมันไว้กับเพื่อนข้างห้อง แน่นอนว่าป่านนี้เพื่อนเธอคงกลับมาแล้ว
“ไปไหนมา!”
น้ำเสียงห้วนจัดถามขึ้นทันทีที่เห็นหน้าคนที่เขารอมาตลอดทั้งคืน ดวงตาคู่คมหรี่สำรวจร่างกายของคนเป็นเพื่อน อยู่ๆหัวใจก็กระตุก ความเจ็บปวดแล่นปราบไปทั้งตัว เขานิ่งเกินไปเหรอ ไม่แสดงออกไปให้ชัดเจนว่ารักชอบเธอใช่ไหม เธอจึงหันไปหาคนอื่นแบบนี้
“มาทำอะไรตรงนี้อะ กราฟ”
น้ำฟ้าเดินเข้าไปใกล้เพื่อนตัวเองที่ยืนพิงประตูห้องของเธอพร้อมกับพ่นบุหรี่ออกจากปาก ใบหน้าหล่อเหลาบึ้งตึงหนัก แต่ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกกลัว เหมือนที่รู้สึกกับผู้ชายคนนั้นเลยสักนิด อาจจะเป็นเพราะว่าเธอชอบเขาละทั้ง ทุกอย่างบนตัวเขาจึงไม่ได้น่ากลัวเลย
“ถ้าทำตัวแบบนี้อีก ฉันจะฟ้องที่บ้าน!”
“อย่านะ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น ฉันยังครบสามสิบสอง ไม่เห็นเหรอ”
“ครบสามสิบสองแล้วอยู่ในสภาพนี้ได้ไงวะ เมื่อคืนหายไปไหนมา ไปกับใครวะน้ำ!”
“เบาหน่อยสิกราฟ ไม่มีอะไรจริงๆนะ เอากุญแจห้องมา น้ำจะเข้าไปเปลี่ยนชุด”
มือเล็กแบออกเพื่อขอกุญแจห้องของตัวเอง เพื่อนตัวโตล้วงกุญแจออกมาจากกระเป๋ากางเกง ไม่ได้วางใส่มือที่แบอยู่ แต่เป็นเขาเองที่ลงมือเปิดประตูห้องแทนเธอ ผลักเธอเข้าไปข้างในเบาๆ ก่อนจะสอดตัวเข้าไปด้วย ปิดประตูแน่นหนา ก่อนจะจับไหล่ทั้งสองข้างไว้แน่น
“เล่ามา!”
“ขอเปลี่ยนชุดก่อน”
ดวงตาสีดำหลบแววตาโกรธเคืองแทบไม่ทัน เพิ่งจะเคยเห็นกราฟโกรธแบบนี้ครั้งแรก เธอกับเขาเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก เธอหนีมาอยู่ที่นี่ โดยมีกราฟตามมาด้วย เขาคอยช่วยเหลือเธอมาตลอด แต่ไม่เคยทำอะไรที่บ่งบอกว่าห่วงหาเกินกว่าคำว่าเพื่อน แต่วันนี้มันไม่เหมือนเดิม เธอรู้สึกว่าเขาโกรธมากกว่าทุกครั้ง ซ้ำยังไม่ฟังอะไรเลย
“ไม่ต้อง! เล่ามา!”
น้ำฟ้าจำเป็นต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้เพื่อนฟังตั้งแต่ต้นจนจบ เริ่มเล่าตั้งแต่เดินหนีไปเข้าห้องน้ำเมื่อคืน จนถึงเรื่องเมื่อกี้ แม้จะมีบางช่วงที่ความทรงจำมันขาดห้วงเพราะเธอดันเมาหลับไป แต่มั่นใจว่ามันไม่มีอะไรมากเกินกว่าที่ควรจะเป็น เขาคนนั้นไม่ได้ทำอะไรเธอ เพราะเธอสำรวจร่างกายตัวเองอย่างละเอียดแล้ว ตอนที่ใช้ห้องน้ำของเขานั่นเอง
“จะมั่นใจได้ไง ว่าไอ้นั่นมันไม่ได้ทำอะไรเธอ!”
“ก็ตรวจดูหมดแล้ว ไม่มีอะไรจริงๆ”
ใบหน้าไร้เครื่องสำอางเริ่มเขินอาย ต้องมาเล่าเรื่องแบบนี้ให้เพื่อนชายที่ตัวเองชอบฟัง มันรู้สึกแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ ดวงตาสีดำหลุบมองแผ่นอกกว้าง เพราะไม่กล้าเงยขึ้นมองคนที่ไม่ยอมปล่อยมือออกจากไหล่ ความใกล้ชิดที่มีตอนนี้ เธอกลัวตัวเองจะเผลอแสดงออกไป ว่าแอบชอบเขามาตลอด
“เห้อ! แม่ง! เพราะยัยพวกนั้นแท้ๆ”
“อย่าโทษคนอื่นเลย ฟ้าผิดเองแหละที่ไม่ระวัง ฟ้าขอไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ”
“รีบๆเปลี่ยนละ หิวแล้ว”
คนที่มีความสูงเพียง 173 แต่หน้าตาหล่อเหลา ซ้ำยังเป็นถึงเดือนคณะนิเทศศาสตร์ เดินไปนั่งรอที่เตียง ความแข็งของเตียงไม่ได้ทำให้เขาขยับหนีไปนั่งที่อื่น รอเงียบๆ ไม่นานคนที่ขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็เดินยิ้มออกมาจากห้องน้ำ
“เลี้ยงใช่ไหม?”
“มีเงินเลี้ยงฉันหรือไง”
“แหะๆ ไม่มีจ้า”
น้ำฟ้ายิ้มแหยๆ เธอออกมาจากบ้านเพื่อขอเดินตามความฝันตัวเอง แน่นอนมันขัดต่อความต้องการของพ่อกับแม่ ท่านจึงไม่ยอมส่งเสียเธอ หวังให้เธอตัดใจจากความต้องการนั้น แต่เธอก็ดื้อรั้นสุดๆ ฝันฝ่าทุกอย่างมาจนถึงปีสุดท้าย โดยได้ความช่วยเหลือจากเพื่อนในกลุ่ม รวมทั้งกราฟด้วย ที่คอยช่วยเหลือเธออยู่ตลอด
ภาพของเดือนคณะกับเพื่อนสนิท เป็นที่คุ้นตาคนในละแวกนี้มาก ทั้งสองคนเดินไปที่ร้านอาหารเจ้าประจำ ซึ่งอยู่ไม่ไกลหอพัก เป็นร้านอาหารตามสั่งที่มีลูกค้าเยอะมาก แม้จะต้องนั่งรอ แต่ความอร่อยของอาหารที่ได้กิน รสชาติอร่อยคุ้มค่าที่รอมาก
“เอาข้าวผัดปู เธอกินอะไร? เหมือนเดิมหรือเปล่า”
“วันนี้ฟ้าอยากกินสุกี้แห้ง”
ใบหน้าไร้เครื่องสำอางอ้อนขออย่างเคยตัว จนคนมองอยู่หัวใจสั่น ใบหน้าหล่อเหลาเสมองไปด้านข้าง ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น เมื่อเห็นผู้ชายคนอื่นมองน้ำฟ้าตาเขม็ง
ปืนใหญ่พ่นลมหายใจออกจากปาก เขาน่าจะกลับไปกินข้าวที่บ้าน ถ้าไม่ติดว่าร้านนี้เป็นร้านที่เคยกินสมัยเรียน และเป็นร้านโปรด เขาไม่มานั่งอยู่อย่างนี้แน่
ดวงตาสีดำมองผู้หญิงที่เขามาส่งไม่วางตา แรดไม่เบานี่หว่า อายุเท่านี้มีผัวแล้ว แล้วทำไมต้องมาวุ่นวายให้คนที่บ้านหาผัวให้อีกวะ หรือผัวเดียวมันไม่พอ! คนขี้หงุดหงิดได้แต่คิดในใจเงียบๆ
“อะไรเหรอกราฟ”
น้ำฟ้ามองตามสายตาเพื่อนสนิทไป เมื่อเห็นว่าใครนั่งอยู่ที่โต๊ะถัดไป ใบหน้าก็ตึงขึ้น เธอนึกว่าเขาไปถึงไหนต่อไหนแล้วซะอีก ไม่นึกเลยว่ายังอยู่แถวนี้ ไอ้คนเถื่อน!
“รู้จัก?”
“ไม่รู้จักหรอก”
น้ำฟ้าปฏิเสธพร้อมกับก้มหน้าลง เพื่อเลื่อนดูโทรศัพท์ในมือ
ผลจากการที่เธอลืมเอามันไปด้วยเมื่อคืน ทำให้มีคนโทรมาหาเธอเกือบร้อยสาย ห้าสิบสายแรกเป็นของกราฟ ส่วนที่เหลือนั้นเป็นของที่บ้านเธอ พ่อบ้าง แม่บ้าง และก็มีพี่ชายพี่สาว เธอจึงตัดสินใจกดเปิดแอพพลิเคชันไลน์ เพื่อตอบพวกท่านว่าเธอเผลอหลับไป
22:00 ‘อยู่ไหน’
23:45 ‘ทำตัวเหลวไหลใช่ไหม’
01:55 ‘อยู่ไหนน้ำฟ้า!’
02:55 ‘ถ้าทำตัวแบบนี้ พ่อคงต้องคิดเรื่องแต่งงานให้เราอย่างจริงจังสักที’
03:15 ‘ถ้าไม่ตอบ หรือรับโทรศัพท์ พ่อจะจัดการคุยกับทางนั้นทันที’
08:50 ‘พ่อคุยกับทางนั้นแล้วนะน้ำฟ้า อย่ามาหาว่าพ่อใจร้าย ทันทีที่เรียนจบ ลูกต้องหมั้นกับลูกชายของคุณพฤกษา พุทธาภิพัฒน์ อย่าดื้อนะน้ำฟ้า ไม่งั้นพ่อจะเข้าไปคุยกับทางมหาลัย ให้ยกเลิกการเป็นนักศึกษาของเราซะ’
“อะไรเนี่ย!”
น้ำฟ้าอุทานเสียงดัง ก่อนจะมองคนในร้านพร้อมก้มใบหน้าลงเป็นการขอโทษที่เสียมารยาท มองหน้าจออีกครั้ง เพื่ออ่านข้อความที่พ่อของเธอทิ้งไว้ให้ ก่อนจะตอบกลับไปเพียงแค่เรื่องที่ไม่ได้รับโทรศัพท์
“อะไร?”
มือหนาคว้าโทรศัพท์ในมือเล็กมาอ่านข้อความ สบทลั่นในใจเมื่อเห็นข้อความแกมบังคับนั่น ทันทีที่น้ำฟ้าเรียนจบ เธอต้องหมั้นกับลูกชายของตระกูลพุทธาภิพัฒน์ ตระกูลดังเจ้าของโรงพยาบาลชั้นนำระดับประเทศ นี่มันเรื่องบ้าอะไรอีกวะ!
“ท่านจะไม่ปล่อยให้น้ำมีชีวิตของตัวเองเลยสินะ”
ใบหน้าสวยสลดลง เธออุตส่าห์ออกมาใช้ชีวิตของตัวเอง ตั้งใจจะเดินไปตามเส้นทางที่ตัวเองเลือก แน่นอนว่าเดินด้วยลำแข้งของตัวเองด้วย แต่ไม่คิดว่าพวกท่านจะเอาเรื่องหมั้นเรื่องแต่งงานมาข่มขู่เธอ ไม่งั้นจะแจ้งทางมหาวิทยาลัย ไม่ให้เธอศึกษาต่อ ทั้งๆที่ตอนนี้เธอจะจบอยู่แล้ว อีกไม่ถึงสองเดือนเอง ทำไมใจร้ายกับเธอนัก
“กลับไปคุยกันดีๆเถอะ หนีแบบนี้มีแต่จะแย่ลง”
กราฟลองเสนอทางเลือกให้เพื่อนสนิท มองใบหน้าที่ก้มงุดด้วยความรู้สึกหลากหลาย เป็นห่วง หึงหวง และที่สำคัญไม่เข้าใจความรู้สึกพวกนั้นเลยสักนิด มันเกิดขึ้นมาสักพัก เป็นความรู้สึกที่เขาไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับเธอ เพื่อนที่เจอกันมาตลอด ตั้งแต่เด็กจนโต