วันรุ่งขึ้น 10:50 น.
เปลือกตาหนักอึ้งขยับขึ้นช้าๆ มือเล็กยกทุบเบาๆที่ศรีษะตัวเอง เพราะความง่วงจากการอดหลับอดนอน ทำงานส่งอย่างต่อเนื่องสามวันติด เหล้าที่ดื่มจึงออกฤทธิ์มากกว่าปกติ เธอยอมรับเลยว่าง่วงมากกว่าเมา พอได้นอนก็ไม่อยากจะตื่นเลย เพราะที่นอนสบาบด้วยมั้ง เลยนอนหลับสนิททั้งคืน แม้จะตื่นมาแบบปวดหัวก็เถอะ แต่โดยรวมแล้วการนอนวันนี้รู้สึกดีมาก
“ตื่นแล้วก็เชิญไสหัวออกไปจากบ้านฉัน!”
น้ำเสียงห้วนจัด ส่งผลให้ใบหน้าคนที่เพิ่งตื่นหันไปมอง ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ภาพเมื่อคืนหลั่งไหลเข้าสมอง ส่งผลให้ใบหน้าขาวสลับแดง หัวใจเต้นระรัว เมื่อจำได้ว่าใบหน้าของคนที่ยืนพิงประตูอยู่นั้น คือใบหน้าสุดท้ายที่เธอเห็น ซ้ำยังเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข เพราะผู้หญิงคนนั้นกำลังขย่มเขาอยู่
“กรี๊ด!”
“หุบปาก! อย่ามาส่งเสียงดังที่นี่”
มือเล็กยกขึ้นปิดปากตัวเองแน่น ในหัวคิดทบทวนว่าเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง มองยังไงที่นี่ก็ไม่ใช่หอเธอ และที่สำคัญเขาทำอะไรเธอหรือเปล่า?
“คุณทำอะไรฉันหรือเปล่า?”
คนบนโซฟาขยับตัวหนีด้วยท่าทีหวาดกลัว ข่าวก็มีให้เห็นบ่อยๆ ตามคนแปลกหน้าไปมีแต่อันตราย ไม่ถูกฆ่าตาย ก็ถูกข่มขืน น้อยนักที่จะถูกช่วยเหลือด้วยเหตุผลอื่น แม้คนตรงหน้าจะแต่งตัวดูดี แต่ก็ไม่มีอะไรบ่งบอกว่าเขาเป็นคนดีนี่นา
“หึ!”
คนที่ยืนคุยพ่นเสียงออกจากปาก กอดอกมองตรงไปยังคนที่ไม่รู้สำนึกบุญคุณ ตัวเองไม่ระวังแท้ๆ ปล่อยตัวให้ตกอยู่ในอันตรายไม่พอ ยังมาผลักให้เขาดูแย่อีก ไม่น่าช่วยมาเลยแฮะ!
“คุณทำเหรอ?”
“ดูสภาพตัวเองหน่อยเหอะ มีตรงไหนน่าทำบ้าง สภาพนั้นอาบน้ำตั้งแต่วันไหนเหอะ นี่นึกว่ากลิ่นเหล้า ที่ไหนได้กลิ่นตัวชัดๆ”
“อะ ไอ้บ้า!”
คนถูกว่าด่าออกไปเต็มเสียง ก้มลงดมจุดซ่อนเร้นใต้วงแขนตัวเอง ก่อนจะเบ้หน้า มันก็จริงอย่างที่เขาว่าแหละ นี่ไม่ใช่กลิ่นเหล้า แต่เป็นกลิ่นตัวเธอ ก็เธออาบน้ำล่าสุดเมื่อคืนก่อน เธอโหมทำงานส่งทั้งคืน จนถึงเมื่อวานตอนสามทุ่ม แล้วก็โดนเพื่อนลากไปที่ร้านเหล้าในสภาพนั้น ตัวเน่าก็ไม่แปลกหรอก
“ไปอาบน้ำซะ อย่าคิดว่าจะหนีไปไหน เธอต้องเอาที่นอนฉันมาซัก รวมทั้งหมอนที่ทำน้ำลายหกใส่นั่นด้วย”
มือเรียวยาวชี้ไปที่หมอนอย่างรังเกียจ ไม่อยากมองใบหน้าของเธอนัก เพราะมันพาลให้หงุดหงิดหลายเรื่อง เมื่อคืนเขาไม่เสร็จเพราะเธอ นอนไม่ได้เพราะกลิ่นตัวของเธอ วันหยุดที่สงบสุขของเขา พังเละไม่เป็นท่า
คนตัวเล็กกว่าขยับตัวเดินตามคนตัวโตไป แอบวัดระดับความต่างทางร่างกายไปด้วย ก่อนที่ต่อมความอิจฉาจะเริ่มทำงาน คนที่เดินนำตัวสูงมาก น่าจะ185 หรืออาจจะมากกว่านั้น ส่วนเธอนะเหรอ ดื่มนมทั้งชีวิตสูงได้แค่ 160 เท่านั้นเอง แม้จะไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเตี้ยมาก่อน แต่พอมาอยู่กับคนที่สูงกว่ามากแบบนี้ รู้สึกตัวเองเป็นคนแคระไปเลยทีเดียว
“ชื่ออะไร?”
“คะ?”
“ถามไว้เผื่อเธอขโมยของ จะได้แจ้งความได้”
ปืนใหญ่มองด้วยสายตาจริงจังไร้แววล้อเล่น ดูการแต่งตัวเธอสิ เสื้อยืดกางเกงขาสั้น แถมเก่ามากซะจนมันขาด เขาจะประมาทไม่ได้ บ้านเขาของมีค่าเยอะมาก บางทีมันอาจไปกระตุ้นจิตใจเธอ ให้เผลอทำชั่วขึ้นมาก็ได้
“ฉันชื่อน้ำฟ้าค่ะ นรินทร์ภัทร ส่วนนามสกุลขอไม่บอกนะคะ เพราะฉันไม่คิดขโมยของๆคุณ เอาเป็นว่าฉันซักของให้คุณเสร็จฉันจะไป ไม่ว่าคุณช่วยฉันไว้เพราะเหตุผลอะไร แต่ขอบคุณค่ะ”
มือเล็กๆยกขึ้นพนมในจังหวะที่พูดขอบคุณ เดินไปที่เตียงก่อนจะรวบผ้าห่มมากอดไว้ แต่ก็ถูกกระชากตัวออกไปอย่างแรง และโดนแย่งผ้าห่มผืนใหญ่ออกจากมือ
“เดี๋ยวผ้าฉันเน่าพอดี ไปอาบน้ำดิ เหม็นจะตายอยู่แล้ว”
“คือฉันไม่มีเสื้อผ้าไง ฉันไม่กล้าเอาตัวเน่าๆของฉัน ไปล้างในห้องน้ำคุณหรอก เดี๋ยวห้องน้ำคุณขึ้นรา!”
น้ำเสียงประชดประชัน ทำให้คนขี้โมโหมองตาขวาง ทิ้งผ้าห่มลงพื้น ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าออกกว้าง เลือกหยิบเสื้อที่ราคาถูกที่สุดออกมา ก่อนจะเดินมาแขวนไว้หน้าห้องน้ำ
“อย่าให้พูดเยอะ รีบไปอาบน้ำสักที เหม็นจะตายอยู่แล้ว”
ปืนใหญ่เบือนหน้าหนีเหมือนรังเกียจ ซ่อนแววตาบางอย่างไว้ไม่ให้เธอเห็น คนที่ถูกรังเกียจได้แต่เดินตัวลีบเข้าห้องน้ำ ไม่กล้าหยิบจับอะไรตามอำเภอใจ เพราะกลัวบ้านของเขาจะติดกลิ่นตัวของเธอไปด้วย
ทันทีที่คนตัวเล็กกว่าเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ คนที่ทำท่าทางรังเกียจเมื่อครู่ก็เดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงที่ไม่มีผ้าห่ม กลิ่นเธอไม่ได้เหม็นจนน่าเกียจหรอก แต่เพราะใบหน้าเธอต่างหากที่เขานึกรังเกียจ ยิ่งชื่อที่ออกจากปากเธอ ยิ่งทำให้ทุกอย่างบนตัวเธอดูน่ารังเกียจ
ทำไมเขาจะไม่รู้จักเธอ ผู้หญิงที่ชื่อน้ำฟ้า มีไม่มาก แม้จะรู้เพียงชื่อเล่น และชื่อจริง แต่เขาพอจะคุ้นหน้าเธอ ตามข่าวกอสซิบต่างๆ
น้ำฟ้า นรินทร์ภัทร เกตุภานุมาศ บุตรสาวคนเล็กของบ้านเกตุภานุมาศ บ้านที่มีชื่อเสียงด้านการผลิตสื่อภาพยนตร์ เขาไม่รู้หรอกว่าชีวิตเธอเป็นไปแบบไหน ถึงได้ตกอยู่ในสภาพนี้ ทั้งที่คนอื่นๆอยู่ดีมีสุข และมีฐานะร่ำรวย
“นี่!”
เสียงหวานดังขึ้นเบาๆ หลังประตูห้องน้ำที่ถูกแง้มออกเพียงนิดเดียว ดวงตาสีเข้มจึงหันไปมอง แอบตกใจใบหน้าขาวใสที่โผล่ออกมาเพียงครู่ ก็ผุดลุกขึ้นนั่งบนเตียง ทำหน้าตาบ่งบอกว่าตอนนี้เขาอารมณ์ไม่ดีสุดๆ
“ขอยืมผ้าเช็ดตัวได้ไหมคะ?”
“แน่ใจนะว่าตัวไม่เหม็นแล้ว?”
“คุณจะดมดูไหมละ!”
พูดเพราะประชด แต่เมื่อคนบนเตียงขยับตัวเหมือนจะลุกขึ้นมาดมจริงๆ ก็รีบปิดประตูลง หัวใจดวงน้อยเต้นระรัว ทั้งกลัวทั้งตกใจ ถ้าเขามาใกล้ เขาต้องเห็นแน่ๆ ว่าตอนนี้ทั้งตัวเธอไม่มีปกปิดไว้เลย
“เปิด!”
“ไม่ ไม่ค่ะ!”
“ไม่เปิดแล้วจะหยิบผ้านี่ยังไง อย่าสร้างความวุ่นวายได้ไหม!”
ประตูห้องน้ำค่อยๆแง้มออกช้าๆ มีมือเล็กๆยื่นออกมาจากช่องว่างของประตู ขยับไปมาเหมือนคว้าอะไรสักอย่าง เมื่อสัมผัสได้ถึงเนื้อผ้าก็ออกแรงดึงเข้าไปข้างใน ก่อนที่จะเงยหน้ามองผ่านช่องประตู เมื่อไม่สามารถดึงผ้าผืนนั้นเข้าไปข้างในได้
“เสื้อฉันขาด!”
“อ๊ะ! ก็ฉันนึกว่าผ้าเช็ดตัวนี่นา”
ปืนใหญ่พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไม่โกรธ แต่เขากลับโกรธมากยิ่งขึ้น เมื่อมองเห็นรอยแหวกของเนื้อผ้าที่เกิดจากแรงดึงของเธอ เสื้อตัวนี้เป็นเสื้อที่อดีตคนรักเขาซื้อให้ แม้จะใส่มานานจนมันเริ่มเก่า เขาก็ไม่ถือสา ยังใส่มันอยู่บ่อยๆ แม้จะเลิกรากันไปแบบไม่สวยก็ตาม
“เธอรู้ไหม ว่าเสื้อตัวนี้มันมีค่ามากแค่ไหน”
ประตูห้องน้ำเปิดออกกว้าง ตั้งใจจะระเบิดอารมณ์ที่เก็บไว้เต็มที่ แต่ทันทีที่เห็นสภาพคนที่อยู่ในห้องน้ำ เขากลับหมุนตัวหนีอย่างรวดเร็ว หลับตาปิดกั้นภาพที่เห็น แต่แม่ง! นมสองเต้าติดเต็มสองตาเลย
“กะ กะ! ฮือ”
มือหนาคว้าผ้าเช็ดตัวที่แขวนไว้กับลูกบิดประตู โยนคลุมตัวคนที่นั่งกอดตัวเองอยู่บนพื้น เสร็จแล้วก็เดินจากไป ไม่วายปิดประตูเสียงดัง จนคนด้านในสะดุ้งโหยง
ไม่คิดเลยว่าการเก็บเธอมาจะสร้างความวุ่นวายได้ขนาดนี้ ไม่คิดเลยว่าการตัดสินใจไปเที่ยวครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะยอมรับข้อเสนอของพ่อ จะนำพาความชิบหายมาให้