05 ลิ้มรสรักครั้งที่ 5

3868 Words
EP05 -ลิ้มรสรักครั้งที่5-  ‘ดีจังเลยนะคะการ์ดรู้เท่าไม่ถึงการณ์เนี่ย...ทำพี่หลงเชื่อมาตั้งนาน...’ อีกแล้ว คำพูดของเขาทำใจฉันสั่น ปฏิเสธไม่ได้ว่าการให้ความหวังของเขาประสบผลสำเร็จได้ทุกครั้ง คราวนี้ก็เหมือนกัน ทว่า Rrrrrr ปีศาจร้ายตรงหน้ากลับดับความหวังและความหวั่นไหวทั้งหมดลงด้วยการกดรับสายโทรศัพท์ซึ่งดังแทรกบทสนทนาระหว่างเรา “จ๋า...ถึงห้องแล้วไง?...กำลังกินข้าว...แป๊บนะตูน” พี่โตทำเสียงหวานเฉกเช่นเดียวกับเวลาแกล้งฉัน และเขาทำแบบนั้นใส่ผู้หญิงในสายซึ่งขึ้นชื่นว่าแฟน “ฝากเก็บจานให้พี่ด้วยนะคะ” เขาหันมายิ้มให้ฉันก่อนถือโอกาสลุกออกไปเพื่อคุยโทรศัพท์ต่อเมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนลืมว่าเราคุยอะไรกันค้างไว้และเหมือนลืมว่าตัวเองเพิ่งจะโยงเข้าบรรยากาศดราม่า! ซึ่งฉันเองก็ไม่ได้พูดหรือว่าอะไร ได้แต่บังคับมือตัวเองตัดแกงจืดในชามขึ้นซดเงียบๆ และบอกตัวเองในใจว่า อย่าหลงหวั่นไหวกับคำพูดของเขาอีก! วันต่อมา เวลา 12.45 น. “อะไร วันนี้ส้มจี๊ดก็ไม่ว่างอีกแล้วเหรอ!?” บุ๊คโวยวายขึ้นหลังจากได้คำตอบปฏิเสธที่จะไปเที่ยวกับเขาหลังเลิกเรียน “ใช่ อีกอย่างฉันไม่อยากให้บรรดาเด็กในสังกัดนายเข้าใจผิดด้วย” “แต่เราอยากไปดูหนังกับส้มจี๊ดบ้างนี่...” บุ๊คครวญเสียงอ่อย ก่อนถูกขัดด้วยเสียงสูงของแต้ว “ให้มันน้อยๆหน่อย เกรงใจแฟนส้มมันบ้าง!” “ยุ่งน่าแต้ว! เราชอบส้มจี๊ด ไม่ได้ชอบแฟนส้มจี๊ดสักหน่อย!” “งั้นก็ระวังได้กินตีนแฟนส้มแทนแล้วกัน!” เอาอีกแล้ว สองคนนี้กัดกันแบบนี้ประจำเลย... “นี่ส้ม พี่ยูยะจะมารับตอนไหนอ่ะ” แต้วหันมาถาม หลังจากปะทะคารมกับบุ๊คจนหนำใจ “กำลังมา ป่านนี้คงถึงแล้วมั้ง” พอได้คำตอบเธอก็หันไปยิ้มแบบนางมารใส่บุ๊คทันที ส่วนปากก็ถาม “แล้วเธอจะไปหาพี่ยูยะ เลยไหมอ่ะ” ฉันรู้ว่าแต้วน่ะไม่ได้อยากรู้จริงๆหรอก เธอแค่อยากเอาชนะและปรามบุ๊คได้ก็เท่านั้น “อือ เดี๋ยวจะไปแล้ว แกกลับคนเดียวได้ใช่มะ” ซึ่งฉันก็ตอบนะ เพราะใจจริงก็รู้ว่าบุ๊คคิดอะไร การไม่ให้ความหวังเขาดูจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด ถึงจะทำมาตลอดที่รู้จักกับเขาแล้วก็เถอะ... “กลับได้ซี่~ แกก็รีบๆ ไปหาแฟนได้แล้ว หมาแถวนี้จะได้รู้ตัวสักทีว่าควรหยุดเห่าเครื่องบิน!” เธอประชดบุ๊ค ฉันสัมผัสได้ ส่วนบุ๊คเองก็ไม่ยอมน้อยหน้า “อะไรวะแต้ว! ไม่เคยเห็นหมาขึ้นเครื่องเหรอ โคตรเชย!” ฉันกลอกตาอย่างนึกเอือมระอา เมื่อเพื่อนสนิททั้งสองเริ่มต่อปากต่อคำกันอีกครั้ง จนต้องรีบก้าวเท้ายาวๆ เพื่อเลี่ยงจะฟังคารมน่าเวียนหัวของคนทั้งคู่ทันที เดินทิ้งห่างมาได้นิดหน่อย ฉันก็เหลือบมองคนทั้งคู่อีกครั้ง ดูเหมือนพวกเขายังไฝว้วาทีกันอยู่ แถมยังไม่สังเกตสักนิดว่าฉันเดินหนีออกมาแล้ว ก็ดี...ปล่อยพวกเขาไว้แบบนั้นแหละ ฉันรีบเดินออกมาที่หน้ามหาวิทยาลัยตรงไปยังจุดนัดพบเพราะไม่อยากให้พี่ยูยะรอนาน ทั้งที่คิดว่าเดินออกมาแล้วจะได้พบเขา ทว่า สิ่งที่เจอดันต่างออกไป เมื่อฝูงนักศึกษาบริเวณนั้นจับกลุ่มซุบซิบและมองไปยังจุดๆเดียวเหมือนอย่างทุกวัน ร่างสูงของผู้ชายกับมอเตอร์ไซค์ยี่ห้อ Kawasaki KSR สีขาวคู่ ทุกอิริยาบถของพี่โตใจสามารถดึงดูดทุกสายให้หันมองโดยไม่มีใครหรืออะไรกล้าเขาไปขัดช่วงเวลายืนสูบบุหรี่ขวางทางรถเข้าออกของเขาเลยสักนิด แน่นอนว่าคงไม่มีใครอยากเห็นเขากลายสภาพเป็นปีศาจยามถูกขัดใจหรือไม่สบอารมณ์แน่ๆ สมแล้วที่ได้รับฉายาปีศาจ... ว่าแต่เขามาที่นี่ทำไม ในเมื่อฉันนัดกับพี่ยูยะเอาไว้ต่างหาก! ทันทีที่สายตาเฉียบหันมาเจอฉัน คนตัวใหญ่ก็เอ่ยปากทักทันที “ทำไมจี๊ดช้านักล่ะคะ” พี่โตชอบทำให้ฉันกับแต้วตกเป็นจุดสนใจแบบนี้บ่อยๆ เวลาที่เขาปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าคนอื่น โดยเฉพาะในตอนที่ปีศาจประจำเมืองเดินตรงมาทางฉัน “พี่รอตั้งนาน รอจนเหงื่อแตกไปหมดเลยเนี่ย” เขาพูดขึ้นอีกครั้งเหมือนไม่ได้สนใจสิ่งอื่นรอบกาย พลางยกหลังมือปาดคราบเหงื่อไคล้บริเวณต้นคอให้ดูน่าสงสาร “ใครใช้ให้พี่มารอล่ะคะ หนูรอพี่ยูยะต่างหาก” ฉันแย้งพลางยกมือปัดควันสีขี้เถ้าไปมา บอกเลยตอนนี้ฉันเริ่มทำตัวไม่ถูก ไม่ใช่เพราะคำพูดที่บ่งบอกว่าเขามารอฉัน แต่เป็นเพราะเราทั้งคู่ตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่นๆอีกแล้วต่างหาก พี่โตทิ้งบุหรี่ในมือทันทีอาจเพราะเขาเห็นว่าฉันไม่ถูกกับควันล่ะมั้ง ส่วนปากก็พูด “ไอ้ย๊ะไงคะ...” ฉันขมวดคิ้วอย่างนึกแปลกใจ เมื่อได้ฟังเช่นนั้น “ไอ้ย๊ะวานพี่มารับจี๊ดไปรอที่ห้าง เดี๋ยวมันจะตามไป” “แต่หนูเพิ่งจะคุยกับพี่ยูยะเมื่อกี้เอง แล้วเขาก็บอกว่าใกล้จะถึง...อ๊ะ” “ไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวพวกนั้นจะรอนาน” พี่โตขัดแบบไม่สนใจสิ่งที่ฉันพยายามบอก มิหนำซ้ำยังฉวยโอกาสดึงฉันไปยังรถตัวเองซึ่งจอดอยู่ใกล้ๆ “พี่โต ทำอะไรเนี่ย!” ฉันพยายามถามเพราะตอนนี้ทุกอย่างมันแปลกไปหมด “ขึ้นรถค่ะ” แต่เขาไม่สนใจ ไม่คิดจะฟังด้วยซ้ำ “พี่โต! ว้าย!” คนตัวใหญ่ทำใจตัวเองโดยการอุ้มฉันขึ้นนั่งบนเบาะหน้า ส่วนตัวเขาก็รีบกวาดขาขึ้นประจำที่แบบติดๆ สภาพบนมอเตอร์ไซค์ตอนนี้ ฉันเหมือนกับนักโทษที่ถูกพี่โตขุมขังด้วยวงแขนสองข้างที่เขาใช้มือจับไปยังแฮนด์ “นั่งดีๆ นะคะ พี่จะซิ่งแล้ว” เขาทิ้งท้ายไว้เพียงแค่นั้นก่อนเริ่มเบิ้นเครื่องยนต์เสียงดังอยู่ 2-3 ที และบิดออกจากบริเวณหน้ารั้วมหาวิทยาลัยไปอย่างรวดเร็ว การถูกจับมานั่งหน้าเขาเวลาขับรถแบบนี้ มันทำให้ฉันเคลื่อนไหวร่างกายไม่ถนัดนัก ยิ่งต้องนั่งหันข้างด้วยแล้ว ฉันยิ่งทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่ ซึ่งการนั่งอยู่ในท่านี้มันก็ทำให้ฉันเห็นหน้าพี่โตชัดขึ้น เขาไม่ได้สวมหมวกกันน็อกเหมือนทุกทีที่สำคัญระยะห่างของริมฝีปากเขาอยู่ระดับแก้มฉันพอดิบพอดี บ้าจัง! ตัวฉันแข็งไปหมด Rrrrr เสียงเรียกเข้าและแรงสั่นเบาๆ ทำฉันซึ่งนั่งนิ่งตัวเป็นหินมาตลอดทาง ค่อยๆ เลื่อนมือเปิดกระเป๋าสะพายหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นดู ก่อนพบว่ามันคือเบอร์ของพี่ยูยะ ซึ่งถูกบันทึกชื่อไว้ว่า ‘แฟน’ “ฮัลโหลค่ะพี่ยูยะ...” [ส้มจี๊ดอยู่ไหนคะ พี่มารอหน้ามหา’ลัยนานแล้วนะ ออกมาหรือยัง?] “อ้าวก็ไหนพี่บอกให้....” เอี๊ยด! ฟึ่บ! แรงเบรกกะทันหันทำเอาใบหน้าของคนตัวใหญ่ตรงช่วงบริเวณริมฝีปากชนแก้มฉันอย่างแรง ซึ่งนั่นตามมาด้วยการกระทำที่เสียมารยาทเมื่อเขาถือวิสาสะดึงโทรศัพท์ไปจากมือฉันด้วย “ไอ้ย๊ะ...เออกูเอง...เออ กูลืม...” ฉันอ้าปากค้างมองคนตัวใหญ่จอดรถข้างทาง จัดการคุยโทรศัพท์แทนด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ตลอดการคุยโทรศัพท์ มีอยู่หลายครั้งที่พี่โตลอบมองฉันก่อนเบือนสายตาไปทางอื่น มองไปในที่ไกลๆ ฉันไม่รู้ว่าเขาคุยอะไรบ้างแต่เชื่อได้เลยว่า ที่พี่โตบอกว่าพี่ยูยะวานมารับอะไรนั่น เป็นเรื่องโกหกทั้งเพเหมือนอย่างที่รู้ตั้งแต่แรก! “นี่ค่ะ ไอ้ย๊ะบอกให้ไปเจอกันที่ตู้เกะในห้างเลย” “พี่ทำแบบนี้ทำไม?!” ฉันรับมือถือมาจากมือเขาแบบไม่สบอารมณ์ “ทำอะไรคะ?” “เรื่องพี่ยูยะ” คนตัวใหญ่ไม่ตอบ เขาเอาแต่ยิ้มมุมปากคล้ายกับอยากเก็บคำตอบไว้เพียงคนเดียว พร้อมทั้งสตาร์ทเครื่องยนต์เตรียมที่จะพาฉันไปยังจุดหมายเป็นหนที่สอง บรืนน บรืนนน “พี่โตแย่มาก…อ๊ะ!” คำพูดต่อว่าของฉันอย่างใส่อารมณ์เป็นอันต้องสะดุดลง เมื่ออีกฝ่ายจงใจบิดรถและแตะเบรกกะทันหันจนเกิดเหตุการณ์ซ้ำสอง “ถ้าจี๊ดไม่หยุดพูด ระวังแก้มจะช้ำนะ” “พี่โต! อ๊ะ!” พอเริ่มเปิดปากส่งเสียงอีกฝ่ายก็จงใจแตะเบรกทันที “พี่เตือนจี๊ดแล้วนะ” ซึ่งคราวนี้มันไม่ใช่เบรกกะทันหันจนปากเขาชนแก้มฉันแบบตอนแรก แต่มันคือการจงใจหอมแก้มตลอดเส้นทางทางที่เขาพาไปจุดหมายต่างหาก 40 นาทีต่อมา.. ห้างสรรพสินค้า G พี่โตพาฉันมาที่ห้างดังแห่งนี้ซึ่งพี่การ์ตูนได้ล่วงหน้ามารอก่อนแล้ว และอีก 20 นาทีถัดมาพี่ยูยะถึงได้ตามมาถึง ทั้งที่ตลอดการเดินทางเขาเอาแต่แกล้งที่จะล่วงเกินแก้มฉันแท้ๆ แต่พออยู่ต่อหน้าพี่การ์ตูน เขากลับวางตัวอีกอย่างปฏิบัติกับฉันเหมือนน้องสาว ต่างจากตอนอยู่ลับหลังพี่การ์ตูนอย่งาสิ้นเชิง แม้ว่าบ่อยครั้งเขาจะชอบชำเลืองสายตามองมาที่ฉันกับพี่ยูยะอยู่บ่ยๆ ก็เถอะ แต่สิ่งที่ทำฉันรู้สึกอึดอัดมากกว่าการถูกปฏิบัติใส่จากหน้ามือเป็นหลังมือของพี่โตนั้น ตอนนี้ดันเป็น้รื่องอื่นมากกว่า เพราะนับตั้งแต่มาถึงห้างใหญ่กลางเมืองศูนย์รวมของเหล่าวัยรุ่นน้อยใหญ่ บริเวณที่ฉันอยู่มักตกเป็นจุดสนใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ เหตุผลก็เดิมๆ เพราะผู้ชายที่ชื่อโตอะไรนี่ยังไงล่ะ! นอกจากเขาจะมีฉายาปีศาจของเมืองด้วยชื่อเสียงแง่ลบแล้ว เขายังเป็รเป็นไอดอลของวัยรุ่นชายที่อยากมีชื่ออยากมีฝีมือ อีกทั้งยังเป็นที่ชื่นชอบในหมู่ผู้หญิงด้วยเช่นกัน ซึ่งมันไม่แปลกหรอกที่ผู้หญิงหลายคนจะรู้สึกอิจฉาพี่การ์ตูนที่มีโอกาสอยู่ข้างพี่โตตลอดเวลา และถึงพวกเธอจะรู้ว่าพี่โตมีแฟนแล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความนิยมในตัวเขาลดลงเลย “มองอะไรอยู่คะ!?” ฉันสะดุ้งตัวโยนเมื่อจู่ๆ บุคคลซึ่งขึ้นชื่อว่าแฟนแกล้งกระซิบถามข้างหูแบบไม่ให้รู้ตัว “โธ่พี่ยูยะ หนูตกใจหมด” พานให้หันไปดุพลางตีไหล่เขาข้อหาขี้แกล้ง “แค่นี่ทำเป็นดุ ทีส้มจี๊ดให้พี่ไปรอหน้ามหาวิทยาลัยแล้วหนีมากับไอ้โต พี่ยังไม่ดุเลย” เขายู่ปากก่อนบ่นพึมพำ “แกล้งแค่นี้ก็ไม่ได้...” “หนูขอโทษ...คือตอนนั้นหนู...” “พี่รู้ค่ะ” พี่ยูยะขัดพลางคว้ามือฉันไปกุมไว้แน่น ก่อนพูดบางอย่างที่ฟังไม่ค่อยเข้าใจออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “เรื่องบังเอิญมันเกิดขึ้นได้เสมอแหละ...” ถึงไม่รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร แต่จากที่ฟัง ฉันคิดว่าพี่โตคงจะโกหกอะไรเพื่อนตัวเองเอาไว้อีกแน่ๆ ยังไม่ทันถามอะไรให้คลายสงสัย พี่การ์ตูนก็ดันตะโกนเรียกเราทั้งคู่เสียก่อน “ย๊ะ! ส้มจี๊ด!” “ว่าไง!?” พี่ยูยะหันไปถาม “เรากับโตตัดสินจะไม่ดูหนังแต่จะร้องเกะแทน ย๊ะจะไปดูหนังกับส้มจี๊ดสองคนก็ได้นะ” ฉันช้อนตามองหน้าพี่ยูยะเล็กน้อยก่อนพบว่าเขาเองก็กำลังมองฉันอยู่ “ตัวเล็กจะเอาไงคะ?” เขาถามความเห็น “ยังไงก็ได้ค่ะ หนูตามใจพี่ยูยะ” ความเกรงใจและหลายๆสิ่ง สั่งให้ฉันบอกออกไปเช่นนั้น แต่แล้วคนที่ตีตัวออกห่างไปหลังจากมาถึงห้างสรรพสินค้าแห่งนี้กลับพูดแทรกขึ้นด้วยคำพูดจอมปลอมที่เขาคิดขึ้นเอง “ไหนตอนมา จี๊ดบอกอยากร้องเกะไงคะ?” “หนูไม่ได้...” “คิดจะหนีไปหวานกันสองคนเหรอ...” ฉันสะอึกไปเล็กน้อยเมื่อสบตากับพี่โตตรงๆ น้ำเสียงเขาตอนพูดน่ะ ติดตลกเหมือนกับจะแซวเพื่อนตัวเอง แต่ไม่ใช่กับสายตาดุๆ ที่เขาใช้มองฉันเวลานี้ “พี่ไม่ยอมหรอกค่ะ :)” สิ้นวลีดังกล่าวพี่ยูยะก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที และถามด้วยน้ำเสียงติดตลก “มึงนี่มันร้ายกาจจริงๆไอ้โต ฮ่าๆ ไม่คิดจะเปิดโอกาสให้คู่ข้าวใหม่ปลามันเดทกันบ้างเหรอวะ?” คนถูกถามยักไหล่แทนคำตอบ ซึ่งการกระทำดังกล่าวเรียกเสียงหัวเราะคิกคักจากแฟนสาวและเพื่อสนิทของเขาได้เป็นอย่างดี ยกเว้นฉัน “แล้วสรุปได้ห้องไหนอ่ะ กูอยู่ร้องเกะก็ได้” พี่ยูยะบอกอย่างว่าง่ายพลางหันมาทางฉันแล้วเอ่ยชวน “เดี๋ยวเราร้องเพลงคู่กันแทนดูหนังก็ได้เนอะ ตัวเล็ก” “ค่ะ!” ฉันรับคำยิ้มๆ โดยคราวนี้เลี่ยงที่จะมองหน้าพี่โตซึ่งยังคงมองทางเราทั้งคู่ไม่วางตา “มาๆ เดี๋ยวตูนนำเอง” ว่าแล้วพี่การ์ตูนก็เสนอตัวเดินนำทางไปยังห้องคาราโอเกะที่จองไว้ โดยมีพี่ยูยะเดินตามหลังไปพร้อมๆ กับฉัน เว้นแต่พี่โต เขายังยืนอยู่จุดเดิมจนกระทั่งพวกพี่ยูยะเดินผ่านหน้าไป การที่เขาทำแบบนั้นสร้างความรู้สึกแปลกๆ แก่ฉันซึ่งต้องเดินผ่านหน้าเขาเป็นรายที่สามเป็นอย่างมาก ตึก... ตึก... รู้ไหมช่วงเวลาที่ต้องเดินผ่านหน้าเขานั้น ฉันพยายามมองแผ่นหลังพี่ยูยะตลอดเวลา แม้ว่าช่วงหางตาจะมองเห็นว่าเขายืนอยู่ตรงนั้นก็ตาม ทว่า วินาทีที่ฉันเดินผ่านหน้าเขาได้สำเร็จนั้น พี่โตก็เริ่มเคลื่อนไหว เขาก้าวเท้าเดินตามฉันมาแบบระยะประชิด ยิ่งก้าวเดินตามหลังพี่ยูยะให้เร็วขึ้น เขาก็ยิ่งเดินเร็วขึ้นตามจนตอนนี้จอมวายร้าย ฉายาปีศาจได้เดินขนาบข้างฉันเป็นที่เรียบร้อย “ชอบร้องเพลงคู่เหรอคะ?” พอเขาทำได้ดั่งใจ คำถามราวกับจะกดดันก็ถูกยิงใส่ทันที “นิดหน่อยค่ะ” ฉันตอบส่งๆ เพื่อหวังให้เขาหยุดชวนคุยด้วยบรรยากาศกดดันแบบนี้สักที ทว่า “ไม่เหมือนพี่...” พี่โตดันไม่ยอมหยุดชวนคุยง่ายๆ “พี่ชอบฟังมากกว่า” “...” “แล้วก็ชอบมากด้วยเวลาที่ได้ฟังจี๊ดร้อง...” “เฮือก!” ฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อเสียงช่วงท้ายประโยคเงียบลงพร้อมกับปลายนิ้วชี้ที่อีกฝ่ายจงใจเกี่ยวผ่านปลายนิ้วทั้งห้าไปอย่างจงใจ ซึ่งประจวบเหมาะกับที่เราทั้งคู่เดินมาถึงหน้าห้องคาราโอเกะที่เป็นเป้าหมาย “จี๊ดร้องแบบในห้องสักวันนั้นก็ดีนะคะ” พร้อมด้วยคำพูดสุดท้าย “พี่อยากฟัง...” รอยยิ้มปีศาจผุดขึ้นบนดวงหน้าเมื่อเขาเหลือบมองฉัน แต่ก็แค่ครู่เดียวก่อนจะเดินผ่านเข้าไปในห้องคาราโอเกะที่เป็นเป้าหมาย เขาจงใจแกล้งและกดดันฉันให้ทำตัวไม่ถูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกันครบคู่ ฉันต้องอยู่ให้ห่างจากเขาไม่อย่างนั้นเรื่องมันต้องแย่ลงกว่านี้แน่ๆ ทั้งที่คิดแบบนั้น แต่ว่า... “ส้มจี๊ดมานั่งตรงนี้สิคะ...” ที่ที่ฉันต้องนั่งดันห่างจากจุดที่พี่โตนั่งแค่หนึ่งฝ่ามือเท่านั้น โดยมีพี่ยูยะกับพี่การ์ตูนประกบเราทั้งคู่ทางซ้ายและขวา! ด้วยสถานที่ที่แย่และการถูกจัดที่นั่งไม่ค่อยเหมาะสม ฉันจึงนั่งนิ่งเป็นหิน มองพี่การ์ตูนที่เมโซโล่เพลงแรกแทนการประเดิม ทันทีที่เพลงขึ้นสมุดกดเพลงก็ถูกเธอส่งข้ามหน้าพี่โตกับฉันมาทางพี่ยูยะทันที “ตัวเล็กอยากฟังพี่ร้องเพลงไหน ช่วยเลือกหน่อยค่ะ” ฉันรีบเอนตัวก้มมองรายชื่อเพลงในสมุดรายการตามคำร้องขอของพี่ยูยะทันที และรู้สึกได้ว่าเขกำลังใช้มือโอบไหล่ฉันเอาไว้ในสภาพกอด “พี่นี้ไหมคะ?” ฉันชี้นิ้วไปที่เพลง หวาน-เซลล์ “ตัวเล็กอยากฟังเหรอ?” “ค่ะ เอาเว่อร์ชั่นพี่ยูยะนะ คิกๆ” “แฟนขอทั้งทีก็จัดไป” “เย้! อะ...” ความชอบฉวยโอกาสของผู้ชายมีเหมือนกันไปหมด เมื่อตอนนั้นพี่ยูยะหยุดเสียงดีใจของฉันด้ยการันมาหอมฟอดใหญ่ ฉันจึงทำได้แค่ตีขาเขาเบาๆ แต่ยิ่งตี เขาก็ยิ่งเอาใหญ่ ยิ่งแกล้งยื่นหน้าเข้ามาหอมซ้ำๆ ไม่หยุด “พี่ยูยะ อย่าสิ กดเพลง...” ฉันปรามเขาติดตลก ทว่า กลับมีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมา “ถ้ายังเลือกเพลงกันไม่ได้ งั้นกดรหัสเพลง 45023 ให้กูที” เสียงดังกล่าวเป็นเสียงของพี่โต “ได้ครับคุณชาย!” พี่ยูยะบอกอย่างไม่คิดอะไร แถมยังกดรหัสเพลงดังกล่าวให้อย่างว่าง่าย จากนั้นจึงกดรหัสเพลงของตัวเองตามที่ฉันเลือกไปก่อนหน้านี้ แล้วส่งสมุดรายการเพลงกลับไปยังพี่การ์ตูนดังเดิมจังที่เพลงของพี่การ์ตูนจบลงและเพลงที่พี่โตให้พี่ยูยะกดให้ขึ้นมาพอดี แต่ว่าพี่โตไม่ได้ร้องเพลงหรอกนะ เขาเปิดให้มันเป็นเสียงนักร้องเหมือนมาฟังเพลงมากกว่ามาร้อง ‘มีเรื่องนึ่งที่ฉันอึดอัดใจ อยากระบายให้เธอได้ฟัง มันก็คือเรื่องเธอกับคนนั้น คนที่ฉันไม่ชอบใจ~’ เพราะเนื้อหาเพลงที่พี่โตเลือก บรรยากาศสนุกๆ ที่พี่การ์ตูนประเดิมเป็นคนแรกก็สะดุดลงทันที ‘ฉันไม่รู้ว่าเธอรักมากเท่าไหร่ ฉันไม่รู้และไม่ใส่ใจ เพียงเรื่องหนึ่งอยากขอเธอได้ไหม อยากจะถามให้เข้าใจ~’ ยังไม่ทันที่เพลงจะจบท่อนแรกดี พี่โตก็กลายเป็นจุดสนใจของทุกคนในห้องคาราโอเกะ พี่การ์ตูนทำหน้าเหยเก เมื่อทำนองและเสียงนักร้องค่อนข้างไปทางแนวที่คนปกติไม่ฟังกัน แถมยังเป็นจังหวะหนักๆ จนรู้สึกหูอื้อเพราะเสียงเบสและกลองที่ดังกระหึ่มไปทั้งห้อง “ไอ้โต มึงหัดฟังแกงส้ม ไม่ก็คามิกาเซ่บ้างดิ!” “โตฟังเพลงอะไรอ่ะ...” เธอถาม แต่เหมือนพี่โตไม่สนใจ แถมยังแสดงท่าทางดื่มด่ำไปกับเสียงเพลงจังหวะหนักนี่ด้วย ‘มันมีดีตรงไหนกันแล้วตัวฉันไม่ดีพอหรือไง อยากจะแทนที่มันจนทนไม่ไหว อยากให้อยากให้เธอ~’ เว้นเพียงฉันที่รู้สึกแปลกๆ กับเนื้อหาเพลง ‘เลิกกับมันเสียที! เสียที! อยู่กับมันไม่เห็นมีอะไรดี ลองมองมาที่ฉันสิ! ฉันสิ! ลองกับฉันคนนี้~’ “ย๊ะเปลี่ยนเพลง! เพลงบ้าเพลงบออะไรก็ไม่รู้ ขัดอารมณ์ขาแดนซ์หมด!” ‘เลิกกับมันเสียที! เสียที! อยู่กับมันไม่เห็นมีอะไรดี จะยอมเป็นที่คนไม่ดี! ไม่ดี! อยากจะแย่งเธอคนนี้จากมัน~’ พี่การ์ตูนโวยวายติดตลกราวกับจะแกล้งแฟนของตัวเอง “จัดไป!” ส่วนพี่ยูยะเองก็รีบกด Cancle เพลงอย่างว่าง่าย บรรยากาศเพลงที่พี่โตเลือกดูขวางโลกยิ่งกว่าอะไรดี แต่เหมือนจะเป็นเวรเป็นกรรม ที่แป้นคีย์บอร์ดันใช้ไม่ได้ พี่ยูยะจึงรีบพุ่งตัวไปเกาะแป้นเล็กๆ หน้าตู้ “ตูน แม่งกด Cancle ตรงนี้ยังไงวะ ฮ่าๆ ไวๆ” “ส้มจี๊ดเลือกเพลงรอเลยลูก เดี๋ยวพี่จัดการเพลงบ้าๆ นี่ก่อน ฮ่าๆ” พวกเขาดูสนุกที่จะปิดเพลงของพี่โต ใช่! พวกเขาเห็นเป็นเรื่องตลกและพยายามทำให้บรรยากาศภายในห้องดูวุ่นวาย แต่นั่นดูจะใช้ไม่ได้กับคนที่เลือกเพลง ‘จะเอา จะเอา จะเอาเธอ... อยากได้ อยากได้ อยากได้เธอ... ~’ เขาดูพอใจกับเพลงที่ยังเล่นอยู่ แม้ว่าคนอื่นๆ พยายามจะช่วยกันหยุดเพลงดังกล่าวก็ตาม ฉันเองก็พยายามไม่สนใจ รีบกางสมุดรายชื่อเพลงที่พี่การ์ตูนส่งให้เพื่อดูเพลง แต่แล้ว “เฮือก!” ฉันกลับต้องหันขวับไปยังคนข้างๆ เมื่อรู้สึกได้ถึงปลายนิ้วที่เขาจงใจใช้สะกิดหลังมือ “ให้พี่ช่วยเลือกเพลงไหมคะ?” ไม่รู้ว่าพี่โตเอนตัวเข้ามาใกล้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แถมยังถามแสดงความมีน้ำใจ “ไม่เป็นไรค่ะ หนูเลือกเองได้...อ๊ะ!” พูดไม่ทันขาดคำ พี่โตก็เริ่มแสดงนิสัยเสียๆพุ่งมือคว้าแขนฉันไว้ ด้วยระดับใบหน้าที่เราอยู่ต่างกัน ส่วนมืออีกข้างก็ฉวยสมุดเพลงยกขึ้นบังระหว่างหน้าเราสองคนให้เหมือนว่าเรากำลังช่วยกันเลือกเพลงยังไงอย่างั้น “เมื่อกี้จี๊ดจงใจให้พี่หึงเหรอคะ?” และถามด้วยเสียงที่มีแค่เราได้ยินโดยอาศัยเพลงจังหวะหนักกลบไม่ให้คนอื่นได้ยิน “หนูเปล่า! พี่โตปล่อยหนูนะ” ฉันพยายามบิดแขนและอดชำเลืองสายตาข้ามสมุดรายการเพลงเพื่อมองพี่ยูยะกับการ์ตูนไม่ได้ “เพลงไอ้โตแม่งมีอาถรรพ์ว่ะตูน ฮ่าๆๆ” “ลองกดอันนี้สิ เพลงของโตกำลังจะทำหูฉันแตก!” พวกเขาไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าพี่โตกำลังทำอะไร เอาแต่หมกมุ่นเพื่อหาทางหยุดเพลงที่ยังดังไม่หยุดกันอย่างสนุกสนาน “เพลงออกจะเพราะ ว่าไหม?” พี่โตเอ่ยขึ้น คาดว่าเขาน่าจะได้ยินเสียงโวยวายของแฟนกับเพื่อนสนิท “ไม่เห็นจะเพราะตรงไหน ปล่อยหนูได้แล้ว” “เพลงไม่เพราะไม่เป็นไร...” “...” “เพราะพี่อยากให้จี๊ดฟัง...” เขาพูดขึ้นอีกครั้งกับจังหวะเดียวกับที่เนื้อร้องท่อนฮุคดังขึ้น ‘เลิกกับมันเสียที! เสียที! อยู่กับมันไม่เห็นมีอะไรดี ลองมองมาที่ฉันสิ! ฉันสิ! ลองกับฉันคนนี้~’ “ปล่อยหนู...อื้อ!” และนั่นตามมาด้วยเสียงกระซิบก่อนที่เขาจะใช้เสียงดังกล่าวปิดปากฉันให้เงียบไปทั้งๆ อย่างนั้นด้วยริมฝีปากของตัวเอง แบบไม่กลัวว่าแฟนและเพื่อนสนิทของตัวเองจะเห็น “จี๊ดไม่อยากปีนต้นงิ้วกับพี่เหรอคะ?”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD