เขตเซนโตร ใจกลางเมืองคารากัส ประเทศเวเนซุเอลา
วาเนสซ่ากับเลขานุการคู่ใจเดินทางมาเวเนซุเอลา เพื่อติดต่อขอซื้อเพชรที่ยังไม่ได้เจียระไนจากเจ้าพ่อค้าเพชรรายหนึ่ง ซึ่งได้รับสัมประทานเหมืองเพชรในประเทศบอตสวานา หนึ่งในภูมิภาคแอฟริกาใต้ โดยทุกขั้นตอนได้ผ่านทางตลาดค้าเพชรดิบอย่างถูกต้อง ซึ่งเงินที่ใช้ดำเนินการทั้งหมดได้มาจากการขายเครื่องประดับที่นางวาริณีฝากไว้กับตู้เซฟของธนาคารในชื่อของวาเนสซ่า ก่อนสิ้นบุญอีกฝ่ายได้สั่งว่าหากหมดหนทางแก้ไขแล้ว ก็ให้นำมันออกมาขายเพื่อพยุงกิจการ หญิงสาวพยายามจะรักษาสมบัติของมารดาบุญธรรมเอาไว้อย่างสุดความสามารถ แต่เมื่อมาถึงทางตันเลยจำต้องทำตามที่ท่านสั่งเสียเอาไว้ เพื่อจะได้มีทุนในการนำพาธุรกิจให้ก้าวต่อไป และถึงแม้มันจะไม่มากมายจนพอไถ่หุ้นบริษัทจำนวนยี่สิบเปอร์เซ็นต์คืนได้ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้สิ่งที่เธอทำมาด้วยใจ มันสมอง และสองมือ ไม่สูญเปล่า
ที่สุดเมื่อสามวันที่แล้ว วาเนสซ่าก็ตัดสินใจขายเครื่องประดับทั้งหมดให้กับผู้ที่เปรียบเสมือนพี่ชายแท้ๆ อย่างแอรอน มอร์แกน อันที่จริงแล้วอีกฝ่ายจะให้เงินก้อนโตมาเลยด้วยซ้ำ แต่ทำยังไงหญิงสาวก็ไม่ยอมรับความปรารถนาดี ฉะนั้นเขาจึงต้องเสนอทางออกด้วยการขอซื้อเครื่องประดับทั้งหมดเอาไว้เสียเอง แทนที่เธอจะบากหน้าไปเร่ขายให้คนอื่น จนเป็นที่ครหาว่าตระกูลปิเอโร่สิ้นเนื้อประดาตัวจนต้องขายของเก่ากิน โดยวาเนสซ่าได้ขอร้องให้แอรอนปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เพราะกลัวว่าพ่อบุญธรรมและพี่สาวจะล่วงรู้ และมานำเงินไปถลุงอย่างไม่แยแสว่าบริษัทกำลังย่ำแย่มากเพียงใด
เมื่อการเจรจากับเจ้าพ่อค้าเพชรเสร็จสิ้นลงดังใจหมาย แม่สาวไฟแรงสูงก็อยากกลับไปจัดทำตามออร์เดอร์ที่ลูกค้าต้องการทันที แต่เนื่องจากว่าสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย เธอจึงต้องเลื่อนเที่ยวบินที่จะกลับไปยังสวีเดน และติดแหง็กอยู่ที่โรงแรมอย่างน่าเบื่อหน่าย ฉะนั้นเพื่อนซี้อย่างแดเนียลจึงรบเร้าให้แม่สาวสวยเฉี่ยวเปรี้ยวจี๊ดจนเข็ดฟันออกไปท่องราตรีด้วยกันเพื่อคลายเครียด เพราะทำงานหนักมาทั้งสัปดาห์และปัญหาการเงินที่กำลังรุมเร้าอย่างยิ่งยวด ทำให้หญิงสาวไม่อาจปฏิเสธ ถือเสียว่าเป็นการผ่อนคลายก่อนจะขึ้นเครื่องกลับสวีเดนในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น
ติ๊ด…ติ๊ด…ติ๊ด
หลังจากแยกกับแดเนียลซึ่งขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ตั้งแต่ก้าวขาลงจากรถลีมูซีนสีดำเรียบหรูของทางโรงแรมที่มีบริการรับส่งลูกค้าวีไอพี เสียงโทรศัพท์ของวาเนสซ่าก็กรีดร้องขึ้นมาขัดจังหวะ ขณะกำลังจะเยื้องย่างกรายเข้าสู่ภายในสถานบันเทิงระดับไฮคลาส คราแรกสาวเปรี้ยวทำเป็นเพิกเฉย ทว่ามันกลับดังรบกวนโสตประสาทไม่หยุดหย่อน สุดท้ายเธอก็ต้องยอมแพ้ ระบายลมหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ ก่อนจะล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋าคลัทช์สีดำใบเก๋ขึ้นมา แล้วปรายตาสีฟ้าสดใสมองหน้าจอ ปรากฏว่าผู้ที่โทร.มาก่อกวนคือคีแกน แลมป์ซี แฟนหนุ่มคนปัจจุบัน ลูกชายท่านรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของประเทศเวเนซุเอลา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งคนที่บิดาบุญธรรมยัดเยียดให้เธอคบหาดูใจอย่างไม่อาจเลี่ยงได้
“คีแกนอีกแล้วเหรอเนี่ย” ขยับเรียวปากอวบอิ่มที่เคลือบลิปสติกสีแดงสดบ่นอุบพร้อมทำหน้าเซ็งจัด ก่อนจะกลอกตาขึ้นฟ้าด้วยความรู้สึกเบื่อหน่ายสุดๆ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาโทร.มาในรอบวัน
ทว่าสุดท้ายวาเนสซ่าก็ต้องจำใจรับสาย พร้อมกับทนฟังคำถามมากมายที่อีกฝ่ายรัวใส่ไม่ยั้งด้วยสีหน้าหงุดหงิดรำคาญใจ กระนั้นก็ไม่ได้ตอบโต้ว่ากระไร หากแต่ตัดบทด้วยการนัดหมายให้คีแกนออกมาพบ แล้วชิงกดวางสายอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาชายหนุ่มได้แต่ถือโทรศัพท์อ้าปากค้าง
“เฮ้อ…นี่ไงละ สาเหตุที่แด๊ดดี้สั่งให้เราเข้าพักในโรงแรมหรู และทำตัวเป็นผู้ดีมีสกุล” กระแทกลมหายใจออกมายาวเหยียด หญิงสาวเพิ่งเข้าใจในวินาทีนี้ว่าทำไมบิดาบุญธรรมถึงได้โทร.มาย้ำนักย้ำหนา ว่าให้เข้าพักในโรงแรมระดับห้าดาว เพราะท่านแอบส่งข่าวบอกคีแกนนี่เอง และเพื่อไม่ให้ทางฝ่ายชายล่วงรู้ไปถึงสถานะทางการเงินของตระกูลปิเอโร่ นายนาธานจึงสั่งให้วาเนสซ่าทำตัวสูงส่งและหรูหราต่อหน้าแฟนหนุ่มอยู่ตลอดเวลา เพราะคิดว่าหากได้คีแกนมาเป็นลูกเขยค่าสินสอดที่เขาจะได้รับก็คงอื้อซ่าน่าดู
ประเทศเวเนซุเอลาขึ้นชื่อว่าเป็นตัวแม่แห่งวงการขาอ่อนของโลก เพราะมีสาวสวยอยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังเปิดสถาบันสอนและผลิตนางงามอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าหลายครั้งหลายคราผู้หญิงจากประเทศนี้ได้ครอบครองมงกุฎมิสยูนิเวิร์ส มิสเวิลด์ และไม่นับตำแหน่งรองอีกมากมาย ทว่าในชั่วโมงนี้กลับไม่มีใครสวยเซ็กซี่สะดุดตาและกระชากใจไปกว่าวาเนสซ่า ปิเอโร่ อีกแล้ว
ร่างระเหิดระหงของสาวสวยรวยเสน่ห์ ที่อยู่ในชุดเดรสสั้นรัดรูปสีแดงเพลิง ไหล่เฉียง และแต่งซีทรูที่เอว เจ้าของใบหน้าสวยหวานปนเซ็กซี่ ที่รู้จักกันดีในวงสังคม เดินเฉิดฉายเข้ามาภายในสถานบันเทิงชั้นสูงใจกลางกรุงคารากัส ท่วงท่าสง่างามราวกับนางพญา สามารถสยบทุกสายตาได้อย่างชะงัด ข่าวคราวของเธอแพร่สะพัดไปทั่วทุกสารทิศ ไม่เว้นแม้กระทั่งในเวเนซุเอลา ฉะนั้นจึงไม่มีใครในที่นี้ไม่รู้จักวาเนสซ่า ปิเอโร่ ในฉายา ‘แม่สาวน้อยร้อยเตียง’ เรือนผมดำขลับมันวาวยาวสยายตัดกับผิวขาวผ่องเป็นยองใย ทิ้งตัวลงมาคลอเคลียบั้นเอวกิ่วคอดในจังหวะที่สาวเจ้ายักย้ายส่ายสะโพกชวนมอง ทุกก้าวย่างได้รับการเป่าปากแซวจากหนุ่มน้อยใหญ่เป็นทิวแถว ทว่าเจ้าตัวกลับเชิดหน้าวางมาดนิ่งติดจะหยิ่ง เพราะรู้สึกชินชากับปฏิกิริยาเหล่านี้เสียแล้ว
สาวๆ ในที่นี้ต่างพากันอิจฉาตาร้อนในความฮ็อตปรอทแตก ของลูกสาวคนเล็กแห่งตระกูลมหาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพลอย่างปิเอโร่ เพราะวาเนสซ่าดูเพอร์เฟ็กต์และเพียบพร้อม ราวกับเจ้าหญิงที่หล่นมาจากสรวงสวรรค์ เรียกได้ว่าสวย เริ่ด เชิด หยิ่ง แถมยังรวยล้นฟ้า แต่จะมีใครรู้บ้างว่าแท้จริงแล้วทุกอย่างเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา ฉากหน้าดูดีมีสกุล ฉากหลังกลับกำลังจะล้มละลายอยู่รอมร่อ
หากแต่สิ่งอัปยศเหล่านั้น น้อยคนนักที่จะมีโอกาสได้ล่วงรู้ เพราะนายนาธาน ปิเอโร่ เป็นคนจมไม่ลงและไม่ยอมรับสภาพความเป็นจริง จึงพยายามปกปิดข่าวการสิ้นเนื้อประดาตัวของตระกูลปิเอโร่ในทุกวิถีทางที่จะทำได้ หลายครั้งหลายคราที่นักข่าวมาสัมภาษณ์ถึงการล้มละลายของบริษัทปิเอโร่จิวเวอรีแอนด์ดีไซน์ นายนาธานก็จะปฏิเสธว่าไม่มีมูลความจริงเลยสักนิด ทุกอย่างเป็นแค่ข่าวโคมลอย และความจริงก็มีอยู่ว่าเขาได้แบ่งขายหุ้นเพียงบางส่วนเท่านั้น ซึ่งผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่แท้จริงก็ไม่แยแสจะออกมาแก้ข่าว ปล่อยให้คนภายนอกเข้าใจไปตามนั้น ดังนั้นคนที่ล่วงรู้ความจริง ว่าสถานะทางการเงินของปิเอโร่เป็นเช่นไร ก็มีแค่คนในแวดวงธุรกิจและวงการอสังหาริมทรัพย์เพียงไม่กี่รายเท่านั้น หากแต่ไม่มีใครแพร่งพรายออกมา เพราะต่างอยากได้บริษัทปิเอโร่จิวเวอรีแอนด์ดีไซน์มาไว้ในครอบครอง ก็เลยเกรงว่าจะมีคู่แข่งเพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกันนั้นก็จ้องอยู่ว่านายนาธานจะขายหุ้นบริษัทในส่วนที่เหลืออีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์เมื่อไร พวกเขาจะได้ติดต่อขอซื้อได้ทันท่วงที
แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่บิดาบุญธรรมพยายามปกปิดมาโดยตลอด คงจะสูญเปล่าก็คราวนี้ เพราะมีเสียงซุบซิบนินทาดังแว่วมากระทบโสตประสาท ในจังหวะที่วาเนสซ่าเดินมาถึงจุดที่สองสาวลูกคุณหนูนั่งอยู่ แต่เธอก็ไม่คิดจะใส่ใจให้รกสมอง เชิดหน้าก้าวขาเรียวผ่านไปอย่างไม่แยแส
“ดูแม่นั่นสิยะ ยังมีหน้ามาเดินชูคอเป็นนางพญา ทั้งที่บ้านกำลังจะล้มละลายอยู่แล้ว” เมื่อวาเนสซ่าเดินผ่านหน้าไปได้เพียงสามก้าว แม่สาวสวยนางหนึ่งก็แสร้งจีบปากจีบคอกระแนะกระแหนเสียงดังด้วยความจงใจ ประจวบเหมาะกับช่วงดีเจเปลี่ยนเพลงพอดี จึงทำให้วาเนสซ่าได้ยินเข้าเต็มสองหู
เท้าเรียวที่ถูกห่อหุ้มด้วยรองเท้ายี่ห้อหรูสีเดียวกันกับชุด ของคนที่ถูกนินทาในระยะเผาขนหยุดกึกลงในทันตา ก่อนจะยืนกำหมัดเชิดหน้านิ่ง ความสวยเซ็กซี่ผนวกกับการแต่งตัวจัดจ้านเน้นเฉดสีร้อนแรงยิ่งทำให้เธอกลายเป็นจุดสนใจของทุกสายตา เรียกเสียงฮือฮาจากหนุ่มๆ ให้ดังขึ้นอีกครา แต่แม่สาวสุดมั่นหาได้สนใจไม่ เพราะหูยังเงี่ยฟังบทสนทนาของผู้ที่อยู่เบื้องหลังทุกขณะจิต อันที่จริงแล้วเธอไม่อยากจะยุ่งกับพวกลูกคุณหนูเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อและสมองกลวงโบ๋เลยสักนิด แต่แม่สาวปากกล้าดันจงใจพูดเสียดสี ทำให้วาเนสซ่าเกิดอาการทนไม่ไหวขึ้นมาครามครัน
“เฮอะ…หล่อนคงไม่รู้มั้ง ว่าเขารู้กันแล้ว ว่าตระกูลปิเอโร่น่ะ…มีแต่ตัว” อีกหนึ่งนางที่นั่งอยู่ด้วยกันทำเสียงเย้ยหยันผสมโรง
“ที่เขารู้ ก็เพราะว่ามีปากหอยปากปูอย่างพวกคุณกระมังคะ” หลังจากหายสะอึก วาเนสซ่าก็เดินย้อนกลับมาโต้ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบต่ำ ทว่าเจ็บจี๊ดไปถึงกระดองใจคนฟัง
“อ๊าย…นังบ้า นังผู้หญิงร่าน ไร้ยางอายสิ้นดี!” เมื่อโดนเหน็บแนมเข้าอย่างจัง นางแบบสาวลูกมหาเศรษฐีทั้งสองถึงกับตัวสั่นเทิ้มด้วยความโมโหสุดขีด กรีดร้องระคนแผดเสียงด่าทออย่างไม่อายสายตาใคร เพราะคิดว่าถ้าพวกหล่อนทำให้เป็นจุดสนใจ คนที่จะต้องขายหน้ามากที่สุดในสถานการณ์นี้ก็คงหนีไม่พ้นแม่สาวน้อยร้อยเตียงอย่างวาเนสซ่า ปิเอโร่ เป็นแน่
“จุ๊ๆๆ พูดจาไม่เพราะเลย ถ้านักข่าวมาได้ยินเข้าคงฉาวโฉ่น่าดู ลูกสาวมหาเศรษฐี…แต่ปากจัดอย่างกับพวกแม่ค้าในตลาดสด” แทนที่วาเนสซ่าจะอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี กลับส่งยิ้มเย็นยะเยือก แล้วลอยหน้าต่อปากต่อคำอย่างไม่สะทกสะท้าน ทำเอาอีกฝ่ายโมโหจนหน้าดำหน้าแดง
“แกนั่นแหละที่จะต้องฉาวโฉ่ไปทั่ว มาเที่ยวไกลถึงเวเนซุเอลา คิดว่ากลิ่นเหม็นเน่าคาวคลุ้งมันจะมาไม่ถึงหรือไงกันยะ” หนึ่งในสองสูดลมหายใจเข้าแรงๆ แล้วโต้กลับทันควัน
“แหมๆๆ ไม่ต้องมาขู่หรอกค่ะ เพราะฉันชินเสียแล้วที่ต้องตกเป็นข่าว แต่มันก็ยังดีกว่าพวกคุณ ที่ไม่ว่าจะขยันทำตัววี๊ดว้ายเท่าไร ก็ยังไม่เข้าตากรรมการอยู่ดี” ไม่ว่าแม่ลูกคุณหนูจะสาดถ้อยคำไม่น่าฟังชนิดไหนมา วาเนสซ่าก็สามารถตั้งรับและตอกกลับอย่างมีชั้นเชิงหนือกว่า ทำให้อีกฝ่ายหน้าม้านไปตามๆ กัน
“นังหน้าด้าน!” ถึงจะรู้ลางๆ แล้วว่าตัวเองไม่มีทางจะเถียงชนะแม่สาวน้อยร้อยเตียง แต่สองสาวตัวแสบก็ยังไม่เลิกตอแยให้วาเนสซ่าได้เกิดความอับอายในวงสังคม อย่างน้อยการด่าประจานในที่สาธารณชนก็ทำให้พวกหล่อนสะใจไปอีกหลายวันเลยทีเดียว
“ยอมรับค่ะ…ว่าหน้าด้าน แต่น้อยกว่าพวกคุณสองคนนะคะ เพราะเนี่ย…อาจจะแค่โบกครีมและเครื่องสำอางเพื่อให้เป๊ะเวอร์ ส่วนของพวกคุณไม่รู้ว่าโบกปูนซีเมนต์หรือราดยางมะตอยกันแน่” แม่สาวเปรี้ยวซ่าเปิดยิ้มกว้าง ยืดอกราวกับไม่ทุกข์ร้อนอะไร ทว่าแววตากลับดุดันระคนแข็งกระด้าง ก่อนจะยกมือเรียวขึ้นลูบไล้ใบหน้างดงามของตัวเอง พร้อมขยับกลีบปากแดงตอบโต้ด้วยสีหน้าระรื่น ทำเอาคนฟังทั้งคู่ถึงกับสติแตก
“อ๊าย!!!” สองเสียงผสานหวีดร้องลั่น พร้อมกระทืบเท้าเต้นเร่าๆ ด้วยความเจ็บใจเหลือแสน
“หลบหน่อยสิยะ เกะกะชะมัด” ยังไม่ทันที่แม่ลูกคุณหนูทั้งคู่จะได้เอาคืนวาเนสซ่าให้สาแก่ใจ เสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน ทำให้สองสาวตัวแสบได้แต่ยืนอ้าปากค้าง ก่อนจะเซไปข้างๆ อย่างไม่เป็นขบวน เมื่อผู้มาใหม่จงใจเดินแหวกกลาง แล้วเอาสะโพกแกร่งกระแทกเข้าที่สีข้างของทั้งสองนางอย่างจัง
“ต๊าย…นังว่าน หล่อนไปเดินเฉียดแถวสวนสัตว์มาหรือไงยะ” หลังจากที่แดเนียลจงใจกลั่นแกล้งฝ่ายตรงข้ามแบบเบาะๆ ก็เลื่อนปลายเท้ามายืนเคียงข้างกับเพื่อนสาว ก่อนจะยกมือขึ้นทาบอก พร้อมจีบปากจีบคอถามไถ่ด้วยท่าทางตกอกตกใจเหลือแสน จริตจะกร้านมาเต็มทั้งที่อยู่ในเครื่องแต่งกายโคตรมาดแมนแอนด์แฮนซั่ม
“อะไรทำให้แกคิดอย่างนั้นกันล่ะ แดนนี่คนสวย” วาเนสซ่าปรายตามองหน้าเพื่อนซี้ตัวแสบ แล้วถามกลับด้วยน้ำเสียงครื้นเครง สรรพนามเรียกขานอันแสนถูกใจทำให้คนฟังยิ่งฮึกเหิม
“ก็เมื่อกี้ฉันได้ยินเสียงชะนีมันร้องโหยหวนเรียกหาผัวอยู่ใกล้ๆ หล่อนน่ะสิยะ” พ่อหนุ่มมาดตุ้งติ้งจงใจตอบคำถามโดยไม่มองคู่สนทนา พอกล่าวไปถึงคำว่า ‘ชะนี’ ก็แกล้งยื่นหน้าไปใกล้สองสาวมหาภัย จนอีกฝ่ายผงะถอยหลังแทบไม่ทัน ส่งผลให้คนทำยกมือขึ้นป้องปากหัวเราะคิกคักด้วยความสะใจ
“แก…อีกะเทยบ้า!” หนึ่งในสองนางแบบสาวปากดีที่ชอบราวีไม่เลือกหน้ากรีดร้องลั่น ไม่สนแม้กระทั่งรักษาภาพพจน์ โทสะที่ลุกจนแทบจะท่วมตัวทำให้หล่อนครองสติไม่อยู่