13 : 20 นาฬิกา
รถเก๋งคันเล็กของพินทุอรแล่นเข้ามาจอดภายในม่านฟ้า บีช รีสอร์ท เมื่อรถจอดสนิทประตูรถก็ถูกเปิดออกมาพร้อมกันก่อนที่สองสาวที่ลงมาจากรถด้วยสีหน้างองำกับอีกคนที่ยิ้มแย้มจนผิดสังเกต สายตาคู่งามตวัดมามองตัวต้นเหตุของความไม่พอใจอย่างเอาเรื่อง
“เลิกยิ้มแบบนั้นเสียทีนะไอ้แก้ม ฉันโมโหแล้วนะ”
“ไม่เอาน่าอร แก้มพูดเรื่องจริงนี่นา ถึงตอนนี้อรจะไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งกับพี่กรแต่ยังไงอรก็ถูกพี่กรเห็นจนหมดแล้วไม่ใช่เหรอ มันไม่ใช่แค่ครั้งเดียวเสียด้วย หลายครั้งเชียวน่า”
เพียงตะวันพูดอย่างหยอกเย้า แม้ครั้งแรกที่รู้เรื่องนี้เธอก็ตกใจจนพูดไม่ออกก็เถอะ เพราะไม่คิดว่าพี่ชายจะกล้าทำเรื่องน่าอายแบบนี้กับเขาด้วย และคนที่น่าสงสารมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นเพื่อนรักของเธอ เห็นเก่งมาตลอดแต่ไม่รู้ทำไมถึงพลาดท่าถูกพี่ชายเธอจัดการเสียหมดท่าแบบนั้น
“หยุดพูดไปเลยนะไอ้แก้ม เดี๋ยวใครก็มาได้ยินเข้าหรอก”
พินทุอรตวาดแว้ดเมื่อเห็นเสียหน้าอมยิ้มของเพื่อนรัก พูดออกมาได้เรื่องน่าเกลียดแบบนั้น เกิดมีใครมาได้ยินแล้วเอาไปรายงานบิดามารดาของเธอ
มีหวังงานนี้เธอถูกจับแต่งงานกับไอ้ตาแก่จอมหื่นนั่นแน่ ให้ตายสิ! ทำไมเธอไม่มีแฟนนิสัยดีแบบก้องภพบ้าง หรือให้ได้สักครึ่งของก้องภพก็ยังดี
“กลัวด้วยเหรออร แก้มว่าอรไม่กลัวใครเสียอีก”
“หยุดเลยนะไอ้แก้ม เกิดคุณพ่อคุณแม่มาได้ยินเข้า แล้วอรจะทำยังไง พวกท่านยิ่งหัวโบรานเสียด้วย อรไม่อยากถูกจับแต่งงานกับไอ้พี่กรของแกหรอกไอ้แก้ม”
“ถึงไม่แต่งตอนนี้ ยังไงสักวันก็ต้องแต่งอยู่ดีนะไอ้อร”
“คุยอะไรกันอยู่เหรอแอลลี่ แกมมี่ สีหน้าเคร่งเครียดจัง”
เสียงหวานใสของคาร่าดังขึ้นจากหน้าประตูบ้าน ดวงตาคู่สวยมองเพื่อนรักทั้งสองอย่างสงสัย เพียงตะวันกับพินทุอรมีปัญหาอะไรกัน ทำไมต้องจ้องหน้ากันเหมือนโกรธกันมาเป็นสิบปีแบบนั้น หรือว่าทั้งสองคนกำลังทะเลาะกันจริงๆ
“ตื่นแล้วเหรอคาร่า”
พินทุอรหันมาถามคาร่าด้วยรอยยิ้มหวาน นี่ก็เกือบสามเดือนแล้วที่เพื่อนคนนี้ของเธอไม่ยอมกลับไปอเมริกาเสียที ทั้งๆ ที่เธอก็ปฏิเสธเรื่องนั่นไปแล้ว แต่ดูเหมือนคาร่าจะไม่สนใจกับคำพูดของเธอแถมยังบอกอีกว่าจะไม่ตัดใจจากเธอจนกว่าเธอจะแต่งงานไปนั่นแหละ
เฮ้อ...ทั้งๆ ที่รู้ว่าเธอไม่ชอบผู้หญิง แต่ทำไมคาร่ายังตามเธอไม่ห่างแถมยังบอกว่าสักวันหนึ่งจะทำให้เธอรักให้ได้ ท่าทางคาร่าจะไม่ยอมจบง่ายๆ อย่างที่เธอแต่มันก็ดีเหมือนกัน
อย่างน้อยเธอจะได้มีตัวช่วยในการแก้แค้นเอาคืนภาสกร เพราะถ้าเลือกผู้ชายมาเป็นหมากเอาคืนในเกมนี้ บางทีเธออาจจะลำบากได้ในภายหลัง แต่ถ้าใช้คาร่าเป็นหมากเรื่องที่จะมีปัญหาในอนาคตก็ย่อมที่จะไม่เกิด
“ถ้าไม่ตื่นแล้วคาร่าจะมายืนอยู่ตรงนี้ได้ยังไงล่ะจ๊ะแอลลี่”
คาร่าตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เพราะความน่ารักและตรงไปตรงมาแบบนี้นี่แหละเธอถึงได้รักพินทุอร แม้จะรู้ว่าตอนนี้เพื่อนรักมีคนรักแต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ สักวันหนึ่งเธอจะทำให้พินทุอรหันมารักเธอให้ได้ ร่างสูงโปร่งก้าวเท้าเดินไปหาเพื่อนรักทั้งสองด้วยรอยยิ้มหวาน
“มีอะไรให้คาร่าช่วยถือไหม”
“ไม่มีอะไรหรอกจ้า ไอ้แก้มเอากระเป๋าใบเล็กมานะคาร่า พวกเรารีบเข้าไปในบ้านกันเถอะ อากาศร้อนจะตายชัก เดี๋ยวผิวก็ดำกันหมดพอดี”
พินทุอรเอ่ยบอกคาร่าด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะดึงแขนของคาร่าให้เดินเข้าไปในบ้าน โดยไม่สนใจอาการกวนโอ๊ยของเพียงตะวัน
ไม่รู้เมื่อไหร่เธอจะหาทางแก้แค้นเอาคืนภาสกรได้เสียที ขืนอยู่แบบนี้เธอต้องถูกยัยเพื่อนจอมแสบแกล้งไม่รู้จบ ที่สำคัญเรื่องน่าอับอายแบบนั้นเธอไม่น่าเล่าให้เพียงตะวันฟังเลยจริงๆ ให้ตายเถอะ!
“เพราะใจอ่อนแบบนี้นี่ไง คาร่าถึงกลับบ้านไม่ถูกเสียที เห็นทีคราวนี้คาร่าคงโดนพี่กรเล่นงานอย่างไม่ต้องสงสัย เฮ้อ...ถ้าจะโทษก็ต้องโทษไอ้อรบ้านี่แหละ ที่ทำอะไรไม่รู้จักคิด”
เพียงตะวันบ่นพึมพำอย่างเหนื่อยใจ เมื่อนึกถึงแผนของพี่ชาย ไม่รู้ว่าเธอจะหาทางช่วยเหลือคาร่ายังไง ที่สำคัญเธอก็ไม่รู้ว่าไกรวินมาถึงกระบี่แล้วหรือยัง ถ้ามาถึงแล้วงานนี้คาร่าคงเจอศึกหนัก
“เฮ้อ...ตายแน่ๆ ยัยคาร่า”
เสียงหวานบ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะหยิบกระเป๋าเดินทางใบเล็กขึ้นมาจากท้ายรถพร้อมกับลงกระโปรงหลังรถก่อนที่สองเท้าจะรีบเดินตามพินทุอรกับคาร่าเข้าไปในบ้าน
ทันทีที่เพียงตะวันเดินหายลับเข้าไปในบ้านหลังเล็ก ชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทสีดำก็เดินออกมาจากที่ซ่อนด้วยสีหน้านิ่งเฉย
สายตาคู่คมมองทั้งสามสาวด้วยสายตาเคร่งเครียด เขาไม่คิดว่าน้องสาวของเจ้านายหนุ่มจะมาปรากฏที่กระบี่ เห็นทีงานนี้คงจะไม่ใช่เรื่องหมูๆ เสียแล้ว
“ทำไมคุณหนูแก้มถึงมาโผล่ที่กระบี่ได้ล่ะ เห็นทีเรื่องคราวนี้คงจะหนักหนาเอาการ แต่ก็ช่างเถอะยังไงศัตรูหัวใจของนายก็ต้องกำจัดให้สิ้นซาก ถ้าพูดดีๆ แล้วไม่ฟังก็ต้องบังคับข่มขู่กันบ้าง”
น้ำเสียงเย็นชาบ่นพึมพำออกมาอย่างหนักใจ ศัตรูหัวใจของเจ้านายหนุ่มก็อยู่ตรงหน้าเขาแต่ที่มันเป็นปัญหาก็คือน้องสาวและว่าที่คู่หมั้นของเจ้านายหนุ่มต่างหากที่เป็นปัญหาใหญ่กับเขา จะจัดการยังไงเพื่อไม่ให้คนสำคัญของเจ้านายหนุ่มรู้
เห็นทีเขาคงต้องคิดแผนใหม่เสียแล้ว เพื่อหาทางจัดการศัตรูหัวใจของเจ้านายหนุ่ม แผนที่คิดว่าสงสัยจะใช้ไม่ได้ถ้าหากมีคนที่เขารู้จักอยู่ด้วย เอาเป็นว่าวันนี้เขากลับไปพักผ่อนเอาแรงก่อนจะดีกว่า ส่วนพรุ่งนี้ค่อยหาทางจัดการปัญหาของผู้เป็นเจ้านาย
/////////////
18 : 20 นาฬิกา
ก้องภพกับคนสนิทก็เดินทางมาถึงกระบี่ และสถานที่พักชายหนุ่มก็เลือกพักที่รีสอร์ทของพินทุอร เพราะเขาคิดว่าการได้อยู่ใกล้แฟนสาวถือว่าเป็นความคิดที่ดีที่สุด
หากเกิดปัญหาอะไรเขาก็จะได้เข้าไปช่วยเหลือได้ทัน เพียงแต่เย็นนี้เขาจะยอมปล่อยให้เธออยู่กับเพื่อนๆ ไปก่อน เอาไว้พรุ่งนี้ก่อนแล้วเขาค่อยไปปรากฏตัวให้แฟนสาวเห็น
“คุณกลางจะไม่ลงไปหาคุณแก้มหรือครับ”
“ไม่ล่ะ เอาไว้พรุ่งนี้ดีกว่า”
“ครับ”
“แล้วข้อมูลที่ธีระกับนิมิตไปสืบมาเมื่อไหร่ถึงจะได้”
“คงไม่เกินสองวันครับคุณกลาง ข้อมูลส่วนใหญ่ผมก็ส่งให้คุณกลางดูแล้ว แต่ที่ผมให้สองคนนั้นไปสืบดูอีกรอบก็เพื่อความชัวร์ครับ เพราะตอนนี้หนี้สินของตระกูลนายทรงภพมันมากจนเกินเหตุ ถ้าจะบอกว่าค่ายเพลงขาดทุนแต่มันก็ไม่น่าจะมีหนี้สินมากมายขนาดนี้”
“แล้วตอนนี้หนี้สินของไอ้ทรงภพมันมีเท่าไหร่”
“ก็ประมาณร้อยล้านครับคุณกลาง”
“ทำไมมันมากขนาดนั้น ถ้าฉันจำไม่ผิดค่ายเพลงที่ไอ้ทรงภพมันทำอยู่มันก็ไม่ได้ใหญ่นี่นา แล้วทำไมมันถึงได้มีหนี้สินมากนัก”
ก้องภพเงยหน้าขึ้นไปถามคนสนิทอย่างแปลกใจ เขาไม่คิดว่าทรงภพจะมีหนี้สินมากมายขนาดนี้ เพราะเท่าแต่บริษัทที่ทรงภพเป็นเจ้าของก็ไม่น่าจะมีหนี้มากมายขนาดนี้ หรือว่าจะมีหนี้สินอื่นที่เขาไม่รู้ แต่ไม่ว่ายังไงเขาจะไม่มีทางปล่อยให้ผู้ชายนิสัยเสียคนนี้เข้าใกล้แฟนสาวเขาเด็ดขาด
“ถ้าให้ผมเดา ผมว่านายทรงภพคงจะติดการพนัน เพราะว่าคุณแม่ของนายทรงภพเป็นนักพนันตัวยงเลยครับ เพราะเรื่องนี้แหละครับผมจึงสั่งให้นิมิตกับธีระไปสืบหาข้อมูลมาเพิ่ม”
วิทิตอธิบายเรื่องที่เขาสั่งให้ลุกน้องไปสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัวของทรงภพมาเพิ่ม อาจเพราะก่อนหน้านี้เขาเคยเห็นคุณฤทัย มารดาของทรงภพเข้าบ่อนของเสี่ยประเสริฐมาหลายครั้งแล้ว และเพราะเหตุนี้ล่ะทั้งถึงทำให้ครอบครัววีรภัทราต้องถูกฟ้องล้มละลาย
เพียงแต่เรื่องนี้ยังไม่มีใครรู้ก็เท่านั้น แต่อีกไม่นานเกินรอ เรื่องที่ตระกูลวีรภัทราถูกฟ้องล้มละลายก็คงจะมีคนรู้และลงตามหน้าหนังสือพิมพ์เป็นแน่ เพราะทรงภพพยายามหาทุนมาช่วยค้ำบริษัท แต่ก็ยังหาไม่ได้ อาจเพราะเหตุนี้ทรงภพก็เลยพยายามเข้ามาตีสนิทกับแฟนสาวของเจ้านายหนุ่ม
“ได้ข่าวยังไงนายก็รีบบอกฉันด้วยล่ะ เห็นทีฉันต้องรีบจัดการขอเพียงตะวันแต่งงานแล้ว ขืนปล่อยเอาไว้แบบนี้ บางทีไอ้ทรงภพอาจจะทำให้ความรักของฉันมีปัญหาก็ได้”
“ครับคุณกลาง”
“นายไปพักผ่อนเถอะวาทิต เดี๋ยวฉันจะอาบน้ำเสียหน่อย นายเองก็ไปอาบน้ำเถอะ อีกหนึ่งชั่วโมงเจอกันที่ร้านอาหาร”
ก้องภพเงยหน้าขึ้นไปสั่งลูกน้องก่อนจะตัดสินใจลุกจากเก้าอี้หวายตัวใหญ่จากหน้าระเบียงเดินกลับเข้าไปในห้องเพื่อหยิบเสื้อผ้าแล้วเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำ
วาทิตมองเจ้านายหนุ่มเดินหายเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะตัดสินใจเดินออกมาจากห้องพักของผู้เป็นเจ้านายเพื่อตรงไปยังห้องพักของตัวเองที่อยู่ถัดออกไปจากบังกะโลของเจ้านายหนุ่ม
///////////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...