เมื่อมาถึงหมู่บ้านข่าวนี้ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่โต หม่าหยวน บุตรชายเพียงคนเดียวของหม่าเซี่ยถูกทุบตีจนสิ้นสติ บนร่างกายเต็มไปด้วยคราบเลือด
โชคดีที่เลือดเหล่านั้นมิใช่เลือดของเขา หลี่เวยมารู้ที่หลังว่าสองสามีภรรยาทำอาชีพขายหมู และหม่าหยวนก็รับจ้างทำที่ร้านดังกล่าว ดังนั้นเลือดบนตัวของชายหนุ่มหลี่เวยก็คิดว่ามันน่าจะเป็นเลือดของหมูกระมัง
ไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นต้องเจออะไรบ้าง เพราะเมื่ออีกฝ่ายถูกส่งถึงมือของหมอเหอ ยามหมอชราถอดเสื้อออกเพื่อตรวจอาการก็พบว่าร่างกายของเขาผอมแห้งและเต็มไปด้วยร่องรอยฟกช้ำมากมาย
จางไท่อิงร่ำไห้แทบสิ้นสติตามบุตรชาย ปากก็เอาแต่บอกว่าเป็นความผิดของตนที่ปล่อยให้เขาออกไปในเมืองเพียงลำพัง หม่าเซี่ยเองก็โกรธมาก เขาหยิบมีดคู่กายขึ้นทำท่าจะเดินออกไปแต่ก็ถูกชาวบ้านรั้งตัวไว้ได้ทัน
ท่ามกลางความสงสารที่มีต่อเด็กหนุ่มแซ่หม่า บุรุษอีกคนหนึ่งก็ได้รับชื่นชมจากเหล่าชาวบ้านเช่นกัน
"ดูท่าหลี่เวยจะเปลี่ยนตัวเองแล้วจริงๆ ข้าได้ยินหั่วปินบอกว่าเขาเป็นคนออกหน้าช่วยหม่าหยวนด้วยตัวเอง"
"ใช่ๆ ช่วงนี้เขาก็ทำตัวนี้ขึ้นมาก ดูไปดูมาเจ้าหนุ่มนี่ก็คล้ายหลี่เฉินเข้าไปทุกที"
เสียงชื่นชมดังขึ้นไม่ขาดปาก แต่เจ้าตัวที่เป็นหัวข้อสนทนาหลักกลับไม่ได้รู้อะไรเสียเลย
หลี่เวยอยู่ในบ้าน ช่วงนี้เขาครุ่นคิดเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บที่ขาของเขาอย่างจริงจัง
เพราะเมื่อเขาได้รับยาจากหมอเหอ หลี่เวยก็รู้สึกว่าอาการของเขาดีขึ้นตามลำดับ จากตอนแรกที่มันอ่อนแรงจะทำไม่ได้แม้แต่จะกระดิกแล้ว ตอนนี้หลี่เวยกลับสามารถขยับมันได้บ้างแล้ว
"ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมจริงๆ" แววตาของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ในเมื่อเป็นเช่นนี้หลี่เวยจะเอาแต่พึงพาฤทธิ์ยาของหมอเหออย่างเดียวมิได้ เขาจำเป็นต้องกินของดีๆ และทำกายภาพควบคู่ไปด้วย
ดังนั้นวันนี้ชายหนุ่มจึงเอนตัวครึ่งบนให้นอนอยู่บนเตียงโดยที่ทิ้งขาสองข้างให้ตกลงไปด้านล่าง หลี่เวยออกแรงขยับขาของข้างเกวี่ยงไกวไปมากลางอากาศ แม้มันจะขยับได้เพียงเล็กน้อย แต่นั่นก็ทำให้เขาตื่นเต้นจนหุบยิ้มแทบไม่ได้
"เสี่ยวเวย เจ้าอยู่หรือไม่" เสียงเรียกดังมาจากทางหน้าบ้าน หลี่เวยสะดุ้งตกใจ เขารีบปีนกลับขึ้นไปบนรถเข็นแล้วมุ่งหน้าไปทางประตูบ้าน
"ใครหรือ" ชายหนุ่มเอ่ยตอบพลางแง้มประตูออกเล็กน้อย
"ข้าเอง" จางไท่อิงยิ้มตอบ
"ท่านน้ามาหาข้ามีอะไรหรือขอรับ" หลี่เวยเลิกคิ้วพลางมองสำรวจใบหน้าของหญิงวัยกลางคนผู้นี้ที่ดูแปลกไปมาก
จางไท่อิงซูบผอมลงจริงๆ เป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับหม่าหยวนทำให้จางไท่อิงนอนไม่หลับ จิตใจของผู้เป็นมารดาเจ็บปวดทุกครั้งเมื่อนึกย้อนไปถึงร่างของบุตรชายที่เต็มไปด้วยบาดแผล
หากรู้แต่แรกนางจะค้านหัวชนฝาไม่ยอมให้เขาต้องออกไปอยู่ในที่แบบนั้นตัวคนเดียวเด็ดขาด
"วันนี้ท่านอาหม่าของเจ้าล่าสัตว์มาได้ เราจึงแบ่งมาให้เจ้าด้วยน่ะ" พูดจบนางก็ยกตะกร้าที่ถือไว้เผยให้เห็นชิ้นเนื้อที่ถูกแล่อย่างประณีตงดงาม
หลี่เวยฉีกยิ้มกว้าง ชายหนุ่มสบตาท่านน้าผู้นี้แล้วส่ายศีรษะปฏิเสธ
"ไม่เป็นไรขอรับท่านน้า ตอนนี้หม่าหยวนอาการไม่สู้ดี เขายังต้องการของบำรุงมากกว่าข้า"
แววตาสีดำขลับของจางไท่อิงฉายประกายอ่อนโยน นางถือวิสาสะเอื้อมมือไปลูบผมของชายหนุ่มรุ่นลูกตรงหน้าด้วยความปลื้มปิติ
"เจ้าอย่าได้เกรงใจ ท่านอาหม่าของเจ้ายังสามารถขึ้นเขาไปล่าสัตว์ได้อีกเยอะนัก เนื้อเพียงแค่นี้ไม่ลำบากเขาหรอก ถึงยังไงตัวเจ้าเองก็ต้องได้รับการบำรุงเช่นกันมิใช่หรือ"
"เช่นนั้นก็ได้ขอรับ" หลี่เวยพยักหน้าราวไก่จิกข้าวสาร ชายหนุ่มเร่งหมุนกายกลับเข้าไปในเรือนเพื่อหยิบของมาใส่เนื้อจากอีกฝ่าย
ทั้งสองพูดคุยกันอีกครู่หนึ่งก่อนที่จางไท่อิงจะขอตัวกลับไปช่วยหม่าเซี่ยแล่เนื้อกวางป่าที่เหลืออยู่เพื่อนำไปแบ่งขายให้คนในหมู่บ้าน
หลี่เวยกลับเข้ามาในห้องครัวอีกครั้ง ชายหนุ่มวางถ้วยใส่เนื้อไว้บนตัก สมองก็เริ่มคิดว่าจะทำอะไรกับเนื้อพวกนี้ดี
"กินอะไรดีนะวันนี้" ชายหนุ่มกล่าวคล้ายกระซิบกับตัวเอง แต่จนแล้วจนรอดมันก็ไม่อาจปกปิดความตื่นเต้นดีใจจากน้ำเสียงที่พ่นออกมาได้
นี่น่าจะเป็นครั้งแรกตั้งแต่หลี่เวยข้ามมายังโลกใบนี้ที่เขาได้สัมผัสกับสิ่งที่เรียกว่าเนื้อ
ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาอาหารหลักของชายหนุ่มก็คือไข่ต้มและน้ำแกงรสจืด!
"ได้เนื้อมาทั้งทีวันนี้ข้าจะกินให้อิ่มแปล้ไปเลย" ทว่าขณะที่หลี่เวยกำลังมีความสุข หางตาของเขาก็เหลือบไปเห็นไหใส่เครื่องปรุงที่วางเรียงรายอยู่ตรงมุมหนึ่ง
ความรู้สึกไม่ชอบมาพากลแล่นจับหัวใจ นัยน์ตาสีดำขลับเบนมองก้อนเนื้อบนตักก่อนเปลี่ยนไปจับจ้องไหใส่เครื่องปรุงอีกครั้ง
"ข้า...ลืมซื้อเครื่องปรุงหรือเปล่านะ"
เพื่อความแน่ใจหลี่เวยจึงไปคว้าไหดังกล่าวมาเปิดดูทั้งหมด และความหวังที่จะทำของอร่อยก็ทลายหายในพริบตาเมื่อเครื่องปรุงทั้งหลายมันเหลือเพียงแค่ติดก้นไหขนาดย่อม
ก่อนหน้านี้หลี่เวยคิดเอาไว้ว่าจะซื้อเครื่องปรุงและข้าวของอื่นๆ เข้าบ้านหลังจากได้เงินแล้ว แต่ใครจะคิดเล่าว่าระหว่างทางเขาจะพบเจอกับสิ่งที่คาดฝัน ผลสรุปสุดท้ายแล้วเขาก็ต้องกลับบ้านมาตัวเปล่า...
เนื้อกวางที่ได้มาก็ไม่น้อย เมื่อไม่มีเครื่องปรุงหลี่เวยก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะเอาพวกมันไปทำอะไรได้อีก ดังนั้นหนทางเดียวที่เหลืออยู่ก็คือการรมควัน
หลายวันผ่านไป หลี่เวยถือกะละมันใส่ผ้าอยู่บนรถเข็นหน้าบ้านเพื่อรอให้จางหยูที่กำลังจะเดินผ่านมา
ระหว่างนั้นชายหนุ่มก็เหม่อลอยมองก้อนเมฆพลางจินตนาการถึงอนาคตในวันข้างหน้าว่าหากเขาสามารถรักษาขาทั้งสองข้างได้แล้ว สิ่งต่อไปที่เขาจะทำคืออะไร
โดยที่ชายหนุ่มหารู้ไม่ว่ายามนี้ข้างกายของเขาปรากฏร่างของชายหนุ่มวัยไล่เลียกันผู้หนึ่งยืนมองเขาด้วยแววตาอ่านยาก
เมื่อสังเกตเห็นแววตาของหลี่เวยที่มองไปยังฟากฟ้า ชายหนุ่มอีกคนรู้สึกสงสัยจึงมองตามไปแต่ก็พบเห็นเพียงหมู่เมฆที่ไม่มีอะไรโดดเด่น
"เจ้ากำลังมองอะไรอยู่หรือ"
"ไม่รู้สิ" หลี่เวยตอบกลับตามสัญชาตญาณ
"อ่อ" ชายหนุ่มอีกคนส่งเสียงในลำคอ เมื่ออีกฝ่ายไม่ปริปากพูดอะไรอีกความอึดอัดก็เข้าปกคลุมทั้งสอง
หม่าหยวนก้มมองเนื้อในตะกร้าที่ท่านแม่บอกให้เขานำมาฝากอีกฝ่ายด้วยความลำบากใจ เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าต้องเริ่มจากตรงไหนดี
แม้จะไม่พอใจแต่เขาก็ทำอะไรไมได้ ด้วยนิสัยที่หยิ่งผยองของหลี่เวยทำให้ทุกคนในหมู่บ้านต่างพากันรังเกียจ โดยเฉพาะหม่าหยวนที่ไม่ชอบขี้หน้าของหลี่เวยมากเป็นพิเศษ
ชายหนุ่มอุตส่าห์มีโอกาสได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาแทนที่จะตั้งหน้าตั้งตาเก็บเกี่ยวความรู้เพื่อยกระดับฐานะของครอบครัวให้ดีขึ้น
แต่หลี่เวยกลับทำตรงกันข้าม เรื่องเลวร้ายต่างๆ นาๆ ที่เขาสร้างเอาไว้ในช่วงหลายปีหลังทุกคนในหมู่บ้านล้วนประจักษ์ แต่ใครจะคิดเล่าว่าเมื่อวันหนึ่งชายหนุ่มผ่านประสบการณ์เฉียดตาย เมื่อฟื้นขึ้นมาอีกครั้งเขาจะทำตัวเปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง
ก่อนหน้านี้หม่าหยวนก็ยังไม่ปักใจเชื่อมากนักว่าคนอย่างหลี่เวยจะทำตัวจะประพฤติตัวดีขึ้น กระทั่งเรื่องราวที่เกิดกับตัวเขาเอง
แม้หม่าหยวนจะไม่อยากยอมรับ แต่ทุกคนในหมู่บ้านต่างกล่าวกันว่าคนที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือเขาในสถานการณ์ยากลำบากคือบุรุษตรงหน้า คนที่เขาเคยไม่ชอบมากที่สุด!
"อ้าว เสี่ยวหยวน เจ้ามาทำอะไรรึ" หลี่เวยดูจะตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเด็กหนุ่มมายืนอยู่ข้างกายโดยมิให้ซุ่มให้เสียง
หม่าหยวนกรอกตาไปมา เมื่อครู่เจ้ายังตอบข้าอยู่เลยมิใช่หรือไร?!
"ท่านแม่ใช้ให้ข้าเอาเนื้อมาให้เจ้า" หม่าหยวนตอบก่อนจะยื่นตะกร้าใส่เนื้อไปให้เขา
"ขอบใจเจ้ามาก แต่ออกมาเดินเพ่นพ่านเช่นนี้แผลเจ้าหายแล้วหรือ" หลี่เวยเลิกคิ้วถาม
"ยัง แต่ใกล้แล้วล่ะ"
ที่หม่าหยวนตอบไม่เกินจริง แม้จะรักษาตัวเพียงไม่กี่วันแต่ก็โชคดีที่แผลบนตัวเขาสามารถฟื้นฟูได้รวดเร็วยิ่ง
"ดีๆ เช่นนั้นเจ้าหายเมื่อไหร่ก็มาหาข้าด้วยล่ะ" หลี่เวยรับตะกร้าในมือของอีกฝ่ายมาถือไว้
"ไปหาเจ้า? ไปทำไมล่ะ ข้ามีความจำเป็นอะไรต้องไปหาเจ้าด้วย" ชายหนุ่มหรี่ตาแคบคล้ายกำลังจับผิดอีกฝ่ายอยู่
หลี่เวยยกยิ้มเบาบาง เขาเหล่มองเด็กหนุ่มทางหางตาพลางเอ่ยว่า
"เจ้าไปทำงานในเมืองก็เพื่อเก็บเงินไปเล่าเรียนมิใช่หรือ เมื่อเจ้ากลับมาอยู่ที่หมู่บ้านแล้วพี่ชายคนนี้จะอาสาสอนหนังสือให้เจ้าเอง"
หม่าหยวนตกตะลึงไปชั่วขณะ ใบหน้าอ่อนเยาว์ของเด็กหนุ่มฉายประกายแห่งความตื่นเต้นเพียงเสี้ยววิก่อนจะถูกความโกรธเข้าครอบงำเมื่อนึกได้ถึงคำพูดก่อนหน้าของหลี่เวย
"ใครเป็นน้องชายของเจ้ากัน!"
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า" เห็นการตอบสนองที่ค่อนข้างรุนแรงของหม่าหยวน นอกจากหลี่เวยจะไม่โกรธ ชายหนุ่มยังแหงกหน้าเปล่งเสียงหัวเราะลั่นอีกด้วย!