สัมผัสร้าย 2 ความผิด (2)

1756 Words
หลังเคลียร์กับพี่แสงเสร็จ ฉันก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า สวมชุดนอนสุดวาบหวิว ก่อนออกจากห้องน้ำไม่ลืมมองสำรวจตัวเองทุกซอกทุกมุม โชคดีที่เรซไม่ได้ทิ้งรอยไว้ ไม่งั้นฉันคงซวยกว่านี้แน่ พี่แสงนอนเล่นมือถืออยู่บนเตียง เหลือบมามองเมื่อเห็นฉันออกจากห้องน้ำ ฉันยิ้มให้เขาตามปกติ เดินมาทาครีมที่โต๊ะเครื่องแป้ง บรรยากาศเงียบจนน่าอึดอัด ถึงจะบอกว่าเคลียร์กันแล้ว แต่ความรู้สึกที่เสียไปแล้วของพี่แสงก็คงเอากลับมาไม่ได้ภายในเวลาสั้นๆ ฉันต้องให้เวลาเขาหน่อย... ฉันพยายามไม่คิดมาก ทำตัวให้เป็นปกติที่สุด เดินมาที่เตียง นอนลงข้างๆ พี่แสง “เหนื่อยจัง ฮ้าวว” ฉันป้องปากหาว เพิ่งจะสองทุ่มแต่ความเพลียมันสะสม ทำฉันง่วงเร็วกว่าทุกที ฉันขยับเข้าไปหนุนบ่าพี่แสง สอดมือเข้าคล้องแขนของขาอย่างออดอ้อน “พี่แสงคุยกับใครเหรอ” “แพง” ชื่อนั้นทำฉันนิ่งไปชั่วขณะ แพง… หรือพะแพง น้องสาวพี่แสง รุ่นเดียวกับฉัน แต่เรียนคนละคณะ ยังนั่นไม่ค่อยชอบที่พี่แสงมาคบกับฉันเท่าไหร่ฉันดูออก แต่ฉันไม่แคร์เพราะพี่แสงไม่เคยปล่อยให้พะแพงมาก้าวก่ายเรื่องของเรา “มีอะไรหรือเปล่า” ฉันยื่นหน้าเข้าใกล้จอมือถือเพื่อจะดูว่าคุยเรื่องอะไรกันแต่พี่แสงรีบเก็บโทรศัพท์ลงทันที “ไม่มีอะไรหรอก เทียนเพิ่งกลับมา คงจะเหนื่อย นอนเถอะ ไม่ต้องสนใจพี่” “พี่แสง…” เขาพูดจบก็ลุกออกไปทันที ฉันมองตามอย่างงุนงง แปลก ปกติเขาไม่เคยหวงโทรศัพท์แบบนี้นี่ มีอะไรที่ไม่อยากให้ฉันรู้อย่างงั้นเหรอ ไม่สบายใจเลยแฮะ ฉันลังเลว่าจะตามพี่แสงไปดีมั้ยแต่สุดท้ายก็แพ้ให้กับความอ่อนเพลีย ผล็อยหลับในเวลาอันรวดเร็ว ฟึ้บ! พะแพง : นี่ยังไม่เลิกกับมันอีกเหรอ ปีแสง : เลิกอะไร พะแพง : พี่แสงโง่หรือเปล่า ปีแสง : เทียนมีเหตุผล เลิกทำให้พี่เข้าใจเทียนผิดได้แล้ว ปีแสง : ไปนอนไป พะแพง : ควาย ปีแสง : พี่เชื่อใจเทียน พะแพง : ควายเผือก ปีแสง : นี่พี่นะ พะแพง : ก็พี่ไง ควาย มีเขางอกแล้วยังไม่รู้ตัวอีก หลักฐานชัดขนาดนั้นยังจะเข้าข้างมัน อีนั่นมันดีตรงไหนถามหน่อย หน้าตาก็งั้นๆ หมดโบท็อกซ์ไปกี่เข็มก็ไม่รู้ เงินพี่ชายแพงทั้งนั้น แสงอ่านข้อความยาวเหยียดแล้วนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาไม่ได้ซีเรียสเรื่องแต่งเติมเสริมความงาม แต่ความจริงคือเทียนไม่เคยเอาเงินเขาไปฉีดโบท็อกซ์ ส่วนเรื่องฉีดหรือเปล่าอันนี้แสงก็ไม่รู้จริงๆ ตั้งแต่ที่คบเทียนมาก็ไม่เคยเห็นเทียนพูดหรือคุยฉีดหน้า อย่างมากก็แค่บ้าเครื่องสำอางตามประสาผู้หญิง บางทีน้องสาวเขาก็พูดเยอะไป อันนี้แสงรู้ตัว แต่บางครั้งก็เหนื่อยที่จะเถียง และต่อให้เถียงไปพะแพงก็ไม่ฟังเขาอยู่ดี พะแพง : มันไม่บริสุทธิ์ใจตั้งแต่ที่โกหกพี่ว่าน้องรถชนละ พี่นี่มีหูไว้กั้นหัวไม่ให้สมองชนกันแค่นั้นเหรอ แสงมองข้อความสุดท้ายของน้องสาวแล้วหนักใจ เก็บโทรศัพท์ลง มือยันกับขอบระเบียง ทอดสายตามองออกไปข้างนอก ครุ่นคิดเรื่องเทียน แสงกับเทียนเจอกันครั้งแรกตอนงานรับน้องรวมของมหาลัย แต่ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษเพราะตอนนั้นแสงเล็งน้องอีกคนที่ถูกเลือกให้เป็นดาวคณะสถาปัตย์ จนกระทั่งมีค่ายอาสาปลูกป่าชายเลนที่ทั้งคู่บังเอิญเข้าร่วม ในกิจกรรมรอบกองไฟ แสงกับเทียนบังเอิญได้จับคู่กัน ทำให้มีโอกาสพูดคุยทำความรู้จักกันเพิ่มขึ้น เทียนเป็นคนคุยสนุก หน้าตาก็ใสๆ น่ารักตามวัย แสงรู้สึกว่าน้องคนนี้โอเค ตอนแลกไลน์กันก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เห็นว่าน้องเฟรนลี่ก็แค่อยากทำความรู้จักเฉยๆ แต่รู้ตัวอีกทีเขาก็ตามกดไลค์ภาพเทียนในโซเซียลแทบทุกภาพ ตั้งแต่ยังไม่คบกับน้องดาวสถาปัตย์ จนคบกับน้องดาวสถาปัตย์ และเลิกกันเขาก็ติดตามการอัพเดทของเทียนตลอด ตอนที่แสงตัดสินใจจีบเทียนก็ตอนที่เรียนคลาสศิลปะ บังเอิญกลุ่มของเขาลงเรียนเซคเดียวกัน แล้วเพื่อนแสงก็แสดงท่าทีว่าสนใจเทียน ทำให้แสงเกิดอาการหวงขึ้นมา เขารู้สึกว่าเขาเจอน้องก่อน ทำไมต้องปล่อยให้เพื่อนตัดหน้า เพราะงั้นแสงจึงเริ่มคุยกับน้องจริงจัง ความสัมพันธ์ก็ค่อยๆ พัฒนาตามลำดับ มีอุปสรรค์เรื่องแฟนเก่าของแสง และน้องสาวบ้างนิดหน่อย แต่ท้ายที่สุดเขาก็ได้เทียนมาครอบครอง และตอนนี้เธอก็เป็นผู้หญิงของเขา พอน้องส่งภาพถ่ายที่เทียนขึ้นรถไปกับคนอื่นมาให้ดู เขาจะไม่ใส่ใจเลยถ้าไม่เทียนไม่โกหกเรื่องน้องชาย ทำไมไม่บอกตรงๆ ว่าไปกับไอ้เรซ ถ้าไม่มีอะไรจริงๆ ไม่เห็นต้องกลัวว่าเขาจะเข้าใจผิด ปัง! แสงทุบกำปั้นลงบนราวระเบียงอย่างข้องใจ เขาไม่อยากสงสัยเทียน แต่ที่พะแพงน้องสาวเขาพูดมันก็อดคิดไม่ได้ ไม่… แสงกัดฟัน ก่อนจะส่ายหน้าไล่ความคิดไม่ดีออกจากหัว เขายังอยากเชื่อเทียน มันอาจจะไม่มีอะไรเลยอย่างที่เทียนบอกก็ได้ อีกอย่างเทียนไม่เคยมีเรื่องผู้ชายมาก่อน คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง แสงผ่อนลมหายใจ กวาดต้อนความรู้สึกที่คาราคาซังออกจากอก เดินกลับเข้ามาในห้อง เห็นเทียนหลับไปทั้งๆ ที่ไม่ห่มผ้าก็ส่ายหน้าเบาๆ เดินมาดึงผ้าห่มขึ้นคลุมให้ จ้องมองใบหน้าหวานๆ ของเธอครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำก่อนนอน เทียน♧ เช้าวันต่อมา ฉันลุกขึ้นนั่งงงๆ บนเตียง เหลือบมองที่ข้างๆ ก็ไม่เห็นเงาพี่แสงแล้วแต่มีรอยคนนอน พอหยิบโทรศัพท์มาดูก็เห็นว่าเลยเที่ยงไปแล้ว ฮ้าวว~ นี่ฉันหลับยาวขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย หนักหัวชะมัด ฉันโซเซลุกขึ้น คว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ ใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าจะกู้สติสตังค์ตัวเองกลับมาได้ มีอะไรกินบ้างเนี่ย ฉันเดินลูบท้องผล็อยๆ เข้ามาในครัว หลังอาบน้ำเคลียร์ตัวเองเสร็จ ตื่นเต็มตาแล้วก็หิวจนตาลายแทน หยิบขนมปังมากินกับน้ำผลไม้ ระหว่างนั้นก็ไลน์หาพี่แสง ถึงรู้ว่าพี่แสงมีเรียน ตอนนี้อยู่ที่มอ ฉันเลื่อนดูไลน์คนอื่นด้วย มีเพื่อนทักมาหลายคน ช่วงวันที่หายไปกับเรซฉันไม่ได้ติดต่อใครเลย ไม่กล้า กลัวความลับรั่ว แต่แม่งก็ดันมีคนถ่ายรูปฉันขึ้นรถไปกับเรซซะได้ ว่าแต่ใครกันนะที่เป็นคนถ่าย ใครที่อยู่แถวนั้น คนที่อยากให้ฉันมีปัญหากับพี่แสง… นึกถึงใครำม่ออกจริงๆ นอกจากพะแพง น้องสาวพี่แสง แต่ยัยนั่นอยู่บ้านนี่ หรือว่าจะเป็นเพื่อนๆ ในแก๊งพะแพง ชิ… น่ารำคาญชะมัด ฉันเปิดอ่านไลน์เพื่อนๆ ที่ทักมาถามว่าหายไปไหน ไล่ตอบทีละคนจนครบ แล้วก็ถูกตามให้ไปเรียนจนได้ ให้ตายสิ กะว่าจะโดดเรียนต่ออีกสักวัน เอาไงดีเนี่ย เรียนอีกทีบ่ายสาม ขี้เกียจชะมัด มหาลัย ฉันนั่งบิดขี้เกียจหลังจากนั่งฟังบรรยายมาสามชั่วโมงเต็ม จริงๆ ก็ไม่ได้ตั้งใจฟังขนาดนั้นหรอก มีแอบเล่นมือถือด้วย แต่ก็นั่งนิ่งๆ ติดเก้าอี้ไม่ได้ลุกไปไหนระหว่างคลาสเรียน คนอื่นๆ ทยอยลุกออกไป ระหว่างนั้นเค้กกับคะนิ้งก็หันมาถาม “ไปไหนต่อเทียน” “เปล่าอ่ะ เดี๋ยวกลับห้องเลย” “อ่อ แล้วเธอล่ะคะนิ้ง ไปไหน สัมมีมารับป่ะเนี่ย” “บ้า สัมมีไร อย่าเลื่อนขั้นตามใจชอบดิ เดี๋ยวคนอื่นได้ยินจะเข้าใจผิด” “เอ้า! เออๆ แฟนก็ได้ แฟนมารับป่ะ” เค้กทำหน้าเพลียๆ ใส่คะนิ้งที่คิดมากกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง “อืม มา” “ก็แค่เนี้ย” ยัยเค้กส่ายหน้าแล้วเดินนำออกไปจากห้อง ฉันกับคะนิ้งส่งสายตาให้กันทันที ก่อนจะตามเค้กออกไป หน้าลิฟต์มีคนรอเยอะ พอลิฟต์มาก็จุคนไม่หมด “เอาไงไปมั้ย” เค้กหันมาถามระหว่างที่คนอื่นๆ กรูเข้าไปข้างใน “รอดีกว่า” คะนิ้งทำหน้าอึดอัดถ้าจะต้องให้เบียดเข้าลิฟต์ ฉันพยักหน้าเห็นด้วย มองประตูลิฟต์ปิดแล้วรอลิฟต์ตัวใหม่ ระหว่างนั้นก็มีนักศึกษากลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาหยุดรอลิฟต์อยู่ด้านหลัง ฉันไม่ได้หันไปมอง จนกระทั่ง “เหม็นกลิ่นสตอ ใครกินผัดสตอมาหรือเปล่า” ไม่ใช่แค่ฉัน กระทั่งคะนิ้ง หรือแม้แต่เค้กก็ชำเลืองไปมองคนพูดเหมือนกัน ก่อนจะเห็นยัยพะแพงกับเพื่อน ฉันรู้ทันทีว่ายัยนั่นจงใจแซะ แต่คะนิ้งกับเค้กทำหน้ามึนๆ คงคิดว่ายัยนั่นได้กลิ่นสตอจริงๆ “อืม เพิ่งกินมาผัดสตอ! จานใหญ่เลย เหม็นมะ เหม็นมะ” “ย่ะ อย่างเหม็นอ่ะ ไม่รู้ทนกินได้ยังไง เหม็นขนาดนั้น” เพื่อนพะแพงแต่ละคนชงเก่งๆ ทั้งนั้น แล้วพอประตูลิฟต์เปิด พะแพงก็เรียกเพื่อนเดินเข้าลิฟต์ตัดหน้าเราสามคนไปอย่างไม่แคร์ “อ้าว! มารยาท…” เสียงเค้กดังขึ้นทันทีที่เห็นพวกนั้นแซงคิว ก่อนหันมาถามฉัน “ยัยนั่นมันน้องพี่แสงป๊ะ” “อืม” “แล้วทำไมทำตัวแบบเนี้ย คือไม่เห็นเหรอว่าเรารออยู่ โมโหอ่ะ” “เอาน่า ใจเย็น ทำฉุนเฉียวเมนไม่มาไปได้” คะนิ้งบอกเค้ก เค้กชักสีหน้าใส่ทันที “เฮ้ยนิ้ง! ใจดีไปป๊ะ” “ว่าแต่ พวกนั้นว่ากระทบใครหรือเปล่า สตอน่ะ” คะนิ้งจ้องหน้าฉันกับเค้กอย่างสงสัย “เออนั่นสิเทียน” เค้ก “ก็คงพูดจาหาเรื่องตามปกติแหละ อย่าใส่ใจเลย” “เหรอ น่าเบื่ออ่ะ” เค้กส่ายหน้า “นั่นสิ นิสัยไม่ดีเลย” คะนิ้งถอนหายใจ ตอนนั้นลิฟต์มาพอดี เราทั้งสามก้าวเข้ามาในลิฟต์ที่มีคนอื่นอยู่ข้างในด้วยจึงไม่ได้พูดอะไรกันต่อ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD