สัมผัสร้าย 6 ของแก้ขัดชั่วครั้งคราว (3)

1587 Words
​ ​ ความต้องการของผู้หญิงกับผู้ชายไม่เหมือนกัน ฉันใช้เวลาไม่นานก็สามารถสงบสติอารมณ์ลงได้ แต่ไม่ได้บอกว่าลืม... ไม่เคยมีครั้งไหนที่รู้สึกเจ็บใจเท่าครั้งนี้มาก่อน เรซใช้ร่างกายฉันเป็นที่ระบายความใคร่ หมอนั่นไม่ได้สอดใส่ คนอื่นอาจจะว่าดีแต่สำหรับฉันเรื่องนี้แหละที่ทำให้หงุดหงิด มันจะดีกว่าถ้าทำให้ฉันเสร็จด้วย ว้อยยย! ฉันพลิกตัวไปมาบนเตียงอย่างกับคนบ้า พอหลับตาในหัวก็พานแต่จะคิดถึงมัน สุดท้ายก็นอนไม่หลับ ผุดขึ้นนั่ง เสยผมที่หล่นปรกหน้าออก คว้าโทรศัพท์มาดูเวลา เที่ยงคืนแล้ว… แต่ก็นอนไม่หลับ ที่ตาค้างแบบนี้อีกสาเหตุหนึ่งคงเป็นเพราะนอนกลางวันมาเยอะแน่ๆ เฮ้อ! ฉันเอี้ยวตัวไปเปิดไฟหัวเตียง กดโทรศัพท์ดูโน่นดูนี่ ก่อนจะเปิดไลน์เลื่อนดูแชทไปเลื่อนๆ ไลน์! ~~ แฮค : ไอ้นั่นที่ว่าคืออะไร แฮค : อ้อ หรือว่านั่น ถุงยางอ่ะเหรอ แฮค : ของไอ้เรซมันฝากซื้อ อย่าเข้าใจผิดล่ะ ฮ่าๆ ข้อความในแชทผุดขึ้นมาติดๆ กัน แฮคเพิ่งตอบกลับมาเดี๋ยวนี้เอง เพิ่งว่างหรือเปล่านะ ฉันอ่านข้อความแล้วในใจก็บังเกิดความโกรธ นึกไปถึงตอนกลางวันที่เรซทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่ ในขณะที่ฉันเขินไปถึงดาวอังคาร แต่กลับไม่มีค่าอะไรเลย เหอะ! ถุงยางเรซฝากซื้องั้นเหรอ จะเก็บไว้ใช้กับยัยนั่นล่ะสิ พอคิดแบบนั้นก็ไม่รู้ทำไมฉันถึงได้รังเกียจขนาดนี้ แฮค : แล้วเป็นไงดีขึ้นมั้ย ฉันมองข้อความใหม่ที่ผุดขึ้นบนจออย่างได้สติ พิมพ์ตอบทันที เทียน : ดีแล้วล่ะ ขอบคุณนะ เพราะยาที่แฮคซื้อมาแท้ๆ แฮค : ดีแล้วๆ รีบนอนล่ะ เทียน : อือ ตอนบ่ายนอนแล้ว ตอนนี้ตาสว่างมาก เทียน : แล้วนี่แฮคทำไรเหรอ แฮค : เพิ่งเช็กเครื่องเสร็จ เทียน : เครื่องไรอ่ะ แฮค : รถน่ะ ฉันกะพริบตาปริบๆ เออเนอะ ไม่น่าถาม เทียน : อ้อ ทำงานดึกจัง แล้วนี่จะได้นอนกี่โมง แฮค : ไม่หรอก ชินแล้ว ฉันมองหน้าจออย่างไม่รู้จะคุยอะไรต่อดี นิ่งไปสักพักจนหน้าจอดับ จู่ๆ ก็นึกครึ้มอะไรไม่รู้ขึ้นมา เทียน : กินเหล้ากันมั้ย นั่นก็อ่านแล้วเงียบไปเกือบห้านาทีได้ ถึงตอบกลับมา แฮค : เปรี้ยวเหรอ เพิ่งหายไข้นะ เทียน : ก็อยากเปรี้ยวไง มารับหน่อยนะคะ แฮค : เข่าอ่อนเลยเนี่ย เทียน : งั้นจะแต่งตัวรอ โอเคนะ แฮค : ได้ ขอแซ่บๆ ฉันอดขำกับข้อความที่แฮคส่งมาไม่ได้ อะไรคือการแซ่บของแฮค แต่คุยกับแฮคก็คลายเครียดดี ฉันยิ้มให้หน้าจอโทรศัพท์ที่เปลี่ยนเป็นสีดำก่อนลุกขึ้นมาแต่งตัวอย่างกระฉับกระเฉง ไฟข้างล่างยังเปิดสว่าง ฉันชะลอฝีเท้าลงทันทีที่เดินออกมาแล้วเจอเรซนั่งหน้าตึงอยู่ที่โซฟา ตรงหน้ามีเอกสารกองโตวางกระจัดกระจายมั่วไปหมด กระดาษบางแผ่นหล่นอยู่ใต้โต๊ะก็มี คิ้วเข้มยกขึ้นสูงทันทีที่สังเกตเห็นฉัน เรซมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะถามเสียงเข้ม “จะไปไหน” “ข้างนอก” ฉันยังโมโหเรื่องก่อนหน้านี้ไม่หาย แค่หน้าเรซก็ยังไม่อยากจะมอง แล้วนับประสาอะไรกับการพูด พอเห็นหมอนั่นทำตัวเป็นเจ้าที่เฝ้าโซฟา ฉันก็เปลี่ยนใจหมุนตัวเดินกลับเข้ามานั่งรอแฮคในครัวแทน เขาบอกว่าอีกสิบนาทีถึง ฉันวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะ เปิดตู้หาน้ำดื่มพลางๆ เรซเดินเข้ามาชงกาแฟ ฉันนั่งเล่นโทรศัพท์เงียบๆ ไม่ได้สนใจ แต่พอรู้สึกว่าถูกมองก็ตวัดสายตาไปทางเขาอย่างฉุนๆ “มีไร” ฉันถาม แววตาเย็นชานั่นกำลังจ้องฉันอยู่จริงๆ “เปล๊า” แล้วทำไมต้องเสียงสูง? ฉันมองใบหน้ากวนๆ ของเรซอย่างไม่สบอารมณ์ ระหว่างนั้นเสียงรถที่หน้าบ้านก็ดังขึ้น ดูเหมือนแฮคจะมาถึงแล้วล่ะ ฉันรีบฉวยกระเป๋า เดินออกมาหาแฮคที่หน้าประตูอย่างลิงโลด “แฮค” “เทียน” เขาเพิ่งจะเดินมาถึงประตูบ้านเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะกวาดตามองชุดที่ฉันสวมรอบหนึ่ง เห็นท่าทางแบบนั้นแล้วฉันก็อดถามขึ้นมาไม่ได้ “เรียบร้อยไปเหรอ” “ห๊ะ? เฮ้ย… เปล่าๆ แค่รู้สึกว่าแบบนี้ก็ดูดี” “ใช่มะ” ฉันพูดพลางเอียงตัวมองสำรวจตัวเองไปด้วย ฉันสวมเสื้อสายเดี่ยวสีแดงเข้าชุดกับกางเกงหนังรัดรูปสีขาว ปล่อยผมยาวสยายข้างลำคอ ความจริงอยากรวบผมตึงด้วยซ้ำแต่เผอิญมีรอยหมากัดที่คอเลยไม่อยากโชว์ “ไปเลยมั้ย” “แป๊บนึง” แฮคเดินเข้าไปข้างใน ฉันแปลกใจนิดหน่อย ไม่คิดว่าเขาจะอยากเจอเรซ สองคนนั่นคุยอะไรกันไม่รู้ที่ทางเชื่อมห้องโถงกับครัว จริงจังน่าดู ระหว่างนั้นสายตาเรซก็เหลือบมาทางฉันแล้วแฮคก็มองตาม ฉันรู้ตัวทันทีว่ากำลังถูกพูดถึง ก่อนที่แฮคจะยกมือขึ้นตบแขนเรซเบาๆ หนึ่งทีแล้วเดินมาหาฉันที่คอยอยู่ตรงประตูทางออก “โทษทีนะเทียน พอดีมันออกจะไม่เหมาะน่ะ” “อะไรไม่เหมาะ หมายความว่ายังไง” แฮคยักไหล่ มองฉันที่อุตส่าห์แต่งตัวรอด้วยสายตาขอโทษขอโพย “จริงๆ ก็ไม่ได้อะไรหรอกนะ แต่ที่หมอนั่นพูดมาก็มีเหตุผล เทียนเพิ่งมาคืนแรกก็จะออกไปเที่ยวซะแล้ว อีกอย่างเพิ่งหายป่วยด้วยมันไม่ดีต่อร่างกาย” “ห๊ะ!?” “โทษที ไว้คราวหน้าแล้วกันเนอะ” “แฮค?” แฮคชะงักแต่ไม่ใช่เพราะเสียงเรียกของฉัน ท่าทางเขาเหมือนเพิ่งนึกได้มากกว่า “ที่จริงก็รู้อยู่หรอกว่ามันไม่ควร แต่ก็คิดไว้แล้วว่าจะพาไปนั่งชมวิวสบายๆ ไม่คิดว่าเรซมันมีปัญหา” พูดจบแฮคก็เดินผ่านหน้าฉันออกไปที่รถ ฉันขมวดคิ้ว อะไรของเขากันเนี่ย เรซมีปัญหาอะไรกัน ฉันยืนมองแฮคขับรถออกจากบ้านไปอย่างผิดหวัง ก่อนจะหันกลับมาเจอกับเจ้าของดวงตาเย็นชาที่กำลังจ้องฉันอยู่ เรซกระตุกมุมปากเหมือนสะใจอยู่นิดๆ ฉันกำหมัดแน่น จ้ำอ้าวกลับไปหาเรซอย่างไม่สบอารมณ์ “พูดอะไรกับแฮค” “ฉันต่างหากที่ต้องถามว่าเธอไปอ่อยท่าไหนไอ้บ้านั่นถึงบึ่งรถมาหาถึงที่ดึกๆ ดื่นๆ” “จะอ่อยท่าไหนมันก็เรื่องของฉันป่ะ! จะมายุ่งวุ่นวายทำไมในเมื่อนายก็ไม่ได้สนใจอะไรฉันอยู่แล้ว” “หรือว่า...” สายตาเรซเลื่อนมองร่างกายฉันอย่างกำลังดูแคลน “อะไร” “เ****นไม่หาย” “นี่!” ฉันโกรธจนหน้าแดงก่ำฟาดกระเป๋าใส่ไหล่หมอนั่นอย่างเหลืออด เรซถือแก้วกาแฟอยู่ในมือ พอเบี่ยงหลบกาแฟในแก้วก็กระฉอกลงบนพื้นเป็นดวงๆ “เฮ้ย!” “โกรธเหรอ...” ฉันยิ้ม “แค่นี้มันยังเทียบไม่ได้กับสิ่งที่ทำด้วยซ้ำ นายรู้อะไรมั้ย นายมันเฮงซวย” ฉันฟาดกระเป๋าใส่เรซรัวๆ ยิ่งพูดยิ่งขึ้น “ห่วยแตก!” แล้วก็ฟาดซ้ำๆ ไปอีกกี่ทีไม่รู้ จนหมอนั่นตะโกนสั่งให้หยุด แต่ฉันไม่ฟังกระหน่ำฟาดเขาไม่ยั้ง เรซโมโหคว้าสายกระเป๋าแล้วกระชากหลุดจากมือฉัน เหวี่ยงใส่ผนังดังโครม ฉันมองกระเป๋ากระดอนตกลงพื้นหัวใจกระตุกวูบ อ้าปากตาค้างพูดอะไรไม่ออกชั่วขณะ กำลังช็อก! ก็นั่นมันสมบัติชิ้นสุดท้ายที่ฉันเหลืออยู่เลยนะ ไอ้บ้านี่! ฉันตวัดสายตากลับมามองเรซอย่างเดือดๆ และไม่รู้อะไรเข้าสิง เดินมากวาดของบนโต๊ะทิ้งจนราบเป็นหน้ากลอง เอกสารหล่นกระจายเต็มพื้น โครม! “นั่นเธอทำบ้าอะไร!” เสียงเย็นยะเยือกยิ่งกว่าราชสีห์คำรามดังอยู่ด้านหลัง ท่อนแขนฉันถูกกระชากอย่างแรงจนนึกว่าแขนจะหลุด เขามองกระดาษเหล่านั้นด้วยสายตาพลุ่งพล่านราวกับว่าเป็นเอกสารสำคัญ หึ! สม... ฉันแสยะยิ้ม มองมันอย่างไม่แยแสให้เหมือนกับตอนที่เขามองร่างกายฉันหลังจากหมดความต้องการ ฉันสะบัดแขนออก จ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาเยาะเย้ย แต่ฉันประเมินเรซต่ำเกินไป เขาเลือดขึ้นหน้า ฉุดกระชากฉันมาที่ประตูบ้านแล้วจับโยนออกข้างนอกอย่างเลือดเย็น “ออกไป!” “เรซ!” เสียงประตูปิดปัง! หัวใจฉันกระตุกวูบ หันกลับมามองประตูที่ปิดใส่หน้าอย่างแตกตื่น “เรซ... นายจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ เปิดประตู เรซซซซ!” ฉันตะโกนเรียกชื่อเขาลั่นทุ่ง ทุบประตูมือแทบแตกแต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับใดๆ กลับมา ว้อย! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย ฉันเอามือกุมศีรษะ เดินวนอยู่หน้าประตูเหมือนหนูติดจั่น ลมเย็นกลางดึกพัดโถม เส้นผมปลิวสยายพัดพันหน้ายุ่งเหยิงไปหมด ฉันลูบต้นแขนอย่างหนาวสะท้าน มองบานประตูที่ปิดตายอยู่ตรงหน้าสายตาสับสนปนหวาดหวั่น นอกจากตัวเปล่าๆ กับเสื้อตัวน้อยแล้วทั้งกระเป๋ากับโทรศัพท์ก็อยู่ข้างในหมด แล้วทีนี้จะทำยังไงดี ​
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD