2 ทำไมต้องหลบหน้า

1239 Words
“ถ้าไม่มีไรแล้ว เจนขอตัวนะคะ” เจนจิราหมุนตัวจะกลับออกไปอีกครั้ง แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเสียงเจ้านายรั้งไว้ “เดี๋ยว!!” “คะ?” เจนจิราชักสีหน้าไม่พอใจ เมื่อถูกเจ้านายเหวี่ยงใส่ ดวงตากลมโตกลอกไปมา ไม่อยากอยู่กับคนอารมณ์แปรปรวนนานนัก กลัวจะเพี้ยนไปตามกัน แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเรื่องที่เขาถาม ไม่เกี่ยวกับงาน “แล้วเธอเป็นอะไร ทำไมต้องหลบหน้าฉัน” สายตาคมกริบจ้องเขม็งมาอย่างจับผิด ในรอบหนึ่งเดือนที่เพิ่งเห็นหน้าลูกน้องสาว และตั้งแต่เธอเดินเข้ามาในห้อง ก็ทำตัวหลุกหลิกแปลกๆ ไม่อยากจะใส่ใจนัก แต่เห็นแล้วมันขัดหูขัดตา คุยด้วยก็หลบตา หรือไม่ก็มองเมินไปทางอื่น ...พูดน้อยซะบ้างก็เป็นเรื่องดี แต่ไม่ชิน “เอ่อ...” ใบหน้าเล็กก้มต่ำ หน้าแดงลามไปจนถึงใบหู เท้ายืนกระสับกระส่าย ความคิดสวนทางกับเจ้านายไปคนละเรื่อง ในหัวเธอตอนนี้ยังติดอยู่กับเหตุการณ์คืนฉลองงานแต่งงานนริสกับเกวลิน หนึ่งเดือนก่อน “นายวิชญ์ ไม่คิดจะไปช่วยนายใหญ่ ดูแลแขกญาติพี่น้องมั่งเหรอ” ผู้ช่วยสาวทักขึ้นเมื่อเห็นเจ้านาย เอาแต่นั่งดื่มไม่คิดจะสนใจใคร “ฉันไม่ใช่เจ้าบ่าว เป็นแค่แขกมาร่วมยินดี” น้ำเสียงไม่ยี่หระ ก่อนจะยกเหล้าขึ้นกระดกเข้าปาก “อ้อ...เป็นแขก...งั้นนายวิชญ์ก็ไม่ต้องรีบเมาหรอก รอส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าห้องหอให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยจัดหนัก จะเมาเละแค่ไหน ตามใจเลย” เจนจิราชะงัก สีหน้าเจื่อนลง เมื่อเหลือบไปเห็นแววตาเจ็บปวดของเจ้านาย แทบอยากกัดลิ้นตัวเองที่พูดอะไรไม่ยั้งคิด เผลอจิกกัดด้วยความคะนองปาก “ไม่ต้องยุ่ง!” น้ำเสียงแข็งกร้าวตวาดใส่ผู้ช่วยสาว ก่อนจะยกเหล้าขึ้นดื่มราวกับน้ำเปล่า แก้วต่อแก้ว เพื่อฉลองให้กับคู่บ่าวสาวบนเวที ที่กำลังมองตากันหวานฉ่ำ ราวกับโลกอันบูดๆ เบี้ยวๆ นี้มีแค่พวกเขาสองคน มุมปากแค่นยิ้ม หยันตัวเองที่โง่ไม่ทันเอะใจ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ต้องเสียเจ้าสาวให้พี่ชายแท้ๆ จากตำแหน่งแม่ของลูก วันนี้กลับกลายเป็นพี่สะใภ้ของเขาไปแล้ว “ก็ไม่อยากยุ่งนักหรอก แต่เห็นแล้ว...” ผู้ช่วยสาวยักไหล่ สีหน้ากวน แต่เจ้านายกลับไม่สนใจ ไม่มีอารมณ์จะมาต่อปากต่อคำ “ไอ้นิค!...เทเหล้า” หลังจากนั้นเลขาหนุ่มก็ชงเสิร์ฟเจ้านายอย่างไวไม่มีขาดตอน เตวิชญ์ยกเหล้าขึ้นดื่ม แก้วต่อแก้ว ใบหน้าคมขาวบัดนี้เริ่มแดงก่ำ สายตาเหม่อมองไปทางประตูเข้างาน ไม่คิดจะหันไปมองคู่บ่าวสาวที่กำลังให้สัมภาษณ์บนเวที หากไม่เห็นแก่หน้าป๊า เขาก็คงจะลุกเดินหนีออกไปจากตรงนี้ ไม่อยากอยู่ให้แสลงหูแสลงตา สุดท้ายเจ้านายก็เมาเละ หมดสภาพ ถูกหิ้วปีกกลับบ้านเนินเขา ทีแรกจะให้พักที่บ้านใหญ่ แต่คนเมาก็ดื้อไม่ยอม รั้นจะกลับบ้านตัวเองให้ได้ เจนจิราสั่งให้ลูกน้องไปส่งเจ้านาย ส่วนเธอก็ต้องหิ้วปีกลุงมิ่งกลับบ้าน สภาพเมามาย ไม่ต่างจากเจ้านาย ไม่ใช่อกหักอะไรหรอกนะ ก็แค่อาบเหล้าต่างน้ำ “ฮัลโล เดย์เป็นไง ส่งเจ้านายเรียบร้อยมั้ย” ‘ครายยยย ครายวะ โทรมาทามมาย’ “ไอ้ห่าเดย์ นั่นมึงแดกเหล้าต่อใช่มั้ย” เจนจิราเดือดดาลขึ้นมา เมื่อได้ยินเสียงอ้อแอ้ของลูกน้องคนสนิทดังมาตามสาย สั่งให้มันไปส่งเจ้านาย แต่เสือกไปกินเหล้าต่อ ‘ขอให้เธอไปดี ขอให้มีฟามสุข..โครม!! เฮ้ย..นายวิชญ์!!’ เสียงเอะอะปลายสาย ทำเอาเจนจิราสะดุ้ง ก่อนจะตะโกนถามกลับไปสีหน้าตื่นๆ “เกิดไรขึ้นวะไอ้เดย์...ไอ้เดย์!!” ตู๊ดดดด...แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ตัดสายไป เจนจิรากดโทรออกใหม่ทันที ด้วยความร้อนใจ มันก็ไม่ยอมรับสาย จึงลองโทรเข้าเบอร์นิค เหมือนกัน ไม่มีใครรับสายเธอสักคน เกิดอะไรขึ้น? แล้วเจนจิราก็ไปปรากฏตัวที่บ้านเนินเขา สองเท้าวิ่งเข้าไปด้านในด้วยความเร่งรีบ มองเห็นไฟหน้าบ้านยังเปิดทิ้งไว้ สว่างไปทั่วบริเวณ สายตาดกวาดมองไปที่โต๊ะลานหน้าบ้าน แสงไฟสลัว มองเห็นข้าวของวางกระจัดกระจายเต็มโต๊ะ บางส่วนก็เกลื่อนเต็มพื้น ให้รู้ว่าเมื่อไม่นานมานี้ยังมีการดื่มที่นี่ แต่ตอนนี้ไม่เห็นใครสักคน เจนจิราส่งเสียงตะโกนเรียกหาทันที “เดย์...นิค...นายวิชญ์” เงียบ! ไม่มีเสียงตอบกลับมา “หายไปไหนกันหมด” เมื่อมองหาจนทั่วก็ไม่เจอใคร ก็หมุนจะเข้าไปสำรวจภายในบ้าน ขณะกำลังเดินผ่าน ก็ต้องชะงัก ก้มลงมองรอยเปื้อนที่หยดตามพื้น คิดว่าเป็นเหล้าหก แต่พอเพ่งมองดีๆ...เลือด!! ปากอ้าค้าง ตาเหลือกลาน ก่อนจะออกแรงวิ่งเต็มฝีเท้าเข้าไปในบ้าน ตรงไปยังห้องของเจ้านายด้วยความเป็นห่วง อย่าบอกนะว่าอกหักแค่นี้ถึงกลับคิดจะฆ่าตัวตาย มันจะใจปลาซิวมากไปแล้ว ใครๆ เขาก็เคยอกหักกันทั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลก ขนาดเธอยังไม่เคยคิดสั้น “นายวิชญ์!!” มือผลักประตูเปิดเข้าไปเต็มแรง ภายในห้องนอนของเขามืดสนิท ได้ยินเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศกำลังทำงาน ไม่มีเสียงเคลื่อนไหวใด นอกจากเสียงหัวใจเธอ ที่มันกำลังเต้นรัวด้วยความหวาดกลัว เท้าวิ่งตรงไปยังเตียงนอน...ว่างเปล่า เตวิชญ์ไม่ได้นอนในห้อง แล้วเขาหายไปไหน “นายวิชญ์! นายวิชญ์อยู่หรือเปล่า” เธอตะโกนเรียกสุดเสียง “หือ...” แล้วเสียงครางตอบรับก็ดังมาจากเก้าอี้ตัวใหญ่ริมหน้าต่าง เธอพุ่งเข้าไปหาทันทีก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เมื่อเห็นเจ้านายนอนตัวเหยียดยาวอยู่บนโซฟา จึงเดินไปเปิดไฟหลอดเล็กมุมห้อง เพื่อเพิ่มความสว่าง ก่อนจะเดินกลับไปดูคนเมา แล้วสายตาก็สะดุดกับผ้าพันแผลที่ฝ่ามือ “นายวิชญ์ มือไปโดนอะไรมา” อย่าบอกนะว่าหยดเลือดที่เลอะตรงโต๊ะหน้าบ้านเป็นของเขา “ครายย...นิคเหรอ...” “เจน” “เจนหนายวะ...ไป...ไปเอาเหล้ามาอีก” “เมาจนเละ ยังจะร้องหาเหล้าอีก...ไม่ต้องแล้ว” เธอทรุดลงนั่งข้างเก้าอี้ ก่อนจะจับมือเขาพลิกดู อยากรู้ว่าไปโดนอะไรมา แล้วแผลลึกแค่ไหน ต้องเย็บหรือเปล่า ไม่ใช่มาพันลวกๆ เผื่ออักเสบขึ้นมาจะทำไง เจนจิราสนิทกับเตวิชญ์ จนเรียกได้ว่าเป็นบัดดี้คู่ใจ เธอสามารถเข้าออกบ้านเขาได้ทุกเมื่อ เจ้านายหนุ่มก็ไว้ใจและเอ็นดูเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ส่วนเธอ ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยสนใจผู้ชายหน้าไหน มีเพียงเจ้านายหนุ่มคนนี้ที่ใจดี และช่วยเหลือเธอทุกอย่าง แม้แต่เป็นผู้ปกครองไปส่งตอนเรียนมัธยมก็เคยมาแล้ว ดี...ดีมากจนเธอก็หลงคิดไปไกล กว่าจะรู้ตัวอีกที ความใกล้ชิดมันโคตรน่ากลัว ต่อให้ใจแข็งแกร่งแค่ไหน บางครั้งมันก็เล่นงานเราตอนเผลอ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD