สายตาหันไปจับอยู่ที่ใบหน้าของลูกชาย อยากให้เตวิชญ์ได้ลองเปิดใจกับสาวคนใหม่ ใครสักคนที่รักจริง ไม่ว่าสาวคนนั้นจะเป็นใคร แค่ลูกชายเอ่ยปากว่ารัก เขานี่ล่ะจะรีบแห่ขันหมากไปสู่ขอให้ทันที ค่าสินสอดจะกี่สิบล้านก็ไม่หวั่น ขอให้รักเถอะ จะจัดการให้ทันที
“หนูแพง สนใจอยากไปนั่งรถเที่ยวรอบฟาร์มของเรามั้ย” สาครหันไปชวนหญิงสาวรุ่นลูกคุย ด้วยความเอ็นดู และคาดหวังบางอย่าง
“แพงกำลังจะขออนุญาตคุณลุงพอดีเลยค่ะ แต่ขอเดินเล่นแถวๆ นี้ก็ได้ค่ะคุณลุง”
“แถวนี้มันจะไปเห็นอะไร ให้พี่เค้าขับรถพาไปชมรอบฟาร์มดีกว่านะ”
“ป๊า...เดี๋ยวผม...” เตวิชญ์ขัดขึ้นมา เขายังมีงานต้องทำ ไม่มีเวลาขับรถพาสาวเที่ยวหรอก
“จะไปลงแปลงองุ่นไม่ใช่เหรอ พาหนูแพงไปเที่ยวด้วยสิ”
“คุณลุงคะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แพงไม่อยากรบกวนเวลาทำงานของพี่วิชญ์”
“ว่าไง” สาครไม่ฟังเสียงหญิงสาว แต่หันไปถามลูกชายคนเล็ก
เตวิชญ์ได้แต่ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ที่คิดว่าจะลองทดสอบความรู้สึกบางอย่าง เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันไหม แล้วกลับไปก้มหน้าก้มตาทำงานเหมือนเดิมต่อไป อย่ายุ่งกับใครเลยจะดีกว่า
“พอดีวันนี้ผมไม่สะดวกครับ ตอนบ่ายมีประชุมหัวหน้าแผนก”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่วิชญ์ แพงไม่รบกวนดีกว่า” สีหน้าหญิงสาวดูเจื่อนลง อย่างเห็นได้ชัด
“ถ้ายังไงเป็นพรุ่งนี้ละกันนะครับ” เห็นแก่ที่เธอเคยเป็นเพื่อนเล่นวัยเด็ก แม้จะจำไม่ค่อยได้ก็ตาม และเห็นแก่คนแก่ที่จ้องจนตาแทบจะหลุดจากเบ้า เดี๋ยวจะหาว่าลูกหลานใจดำ ไม่ใส่ใจความรู้สึก...และอีกอย่างที่เขาก็ไม่แน่ใจนักว่ามันจะได้ผลหรือเปล่า
“ได้เหรอคะ...เอ่อ...ถ้าพี่วิชญ์ไม่สะดวก ก็ไม่เป็นไร นะคะ”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ กินข้าวเช้าเสร็จ ผมจะมารับไปนั่งรถชมรอบฟาร์ม”
“ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวยิ้มจนตาหยีอย่างถูกใจ และกล่าวขอบคุณเสียงใส แต่กลับไม่ทำให้เตวิชญ์รู้สึกใจเต้น หรือกระตือรือร้นที่จะตอบรับไมตรีที่อีกฝ่ายยื่นให้
เตวิชญ์รู้สึกแปลกใจตัวเอง...หรือหัวใจเขามันผิดหวังจนด้านชา ไม่อยากทำความรู้จัก หรือเทคแคร์ดูแลใคร...ไม่หรอกมั้ง คงยังไม่รู้จักกันดีพอมากกว่า
...จะลองดูสักครั้ง อย่างน้อยก็ได้รู้ใจตัวเองว่ามันต้องการอะไรกันแน่
“คุณน้าด้วยนะครับ เดี๋ยวผมพาไปชมแปลงองุ่นตอนเช้าๆ อากาศกำลังเย็นสบาย”
“โอ๊ย...ไม่ล่ะจ๊ะ น้าขอบายดีกว่า นี่ก็นั่งรถมาหลายวันแล้ว เดินทางไปไหนมาไหนแต่ละครั้ง ก็ปวดเมื่อยไปหมด พรุ่งนี้ขอพักดีกว่านะจ๊ะ”
“งั้นแพงอยู่เป็นเพื่อนคุณแม่ดีกว่านะคะ”
“จะมาอยู่เป็นเพื่อนแม่ทำไม ไปเที่ยวชมสวนองุ่นกับพี่เค้าสิจ๊ะ เห็นบ่นว่าอยากออกไปสูดอากาศให้เต็มปอดไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องห่วงหรอก ไม่ได้เป็นไร แค่อยากพักผ่อนเท่านั่นแหละจ๊ะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกหนูแพง ลุงก็อยู่บ้านไม่ได้ไปไหน เดี๋ยวจะอยู่คุยเป็นเพื่อนคุณเหมยรับรองไม่เหงา”
“ขอบคุณนะคะคุณลุง” หญิงสาวคลี่ยิ้มบางๆ ยิ่งทำให้ใบหน้าสวยใส กระจ่างขึ้นราวกับดอกไม้กำลังแย้มพรายรับแสงอรุณยามเช้า
แต่ชายหนุ่มกลับไม่สนใจมอง ใบหน้าคมก้มลงดูโทรศัพท์ในมือ ก็เห็นข้อความผู้ช่วยสาวไลน์มาบอก ว่าขออนุญาตพาลูกค้าหนุ่มไปทานข้าว และเยี่ยมชมที่โรงอาหารของแสงสุขฟาร์ม
“เอ๊ะ!!” เตวิชญ์ทะลึ่งพรวดลุกขึ้นยืน
“มีไรเจ้าวิชญ์”
“ผมมีงานด่วน”
“อ้าวเหรอ” รู้ว่าลูกชายคงไม่อยู่กินข้าวด้วยแล้ว แต่ไม่เป็นไร ยังมีโอกาสอีกหลายวัน
“ยังไงผมขอตัวก่อนนะครับน้าเหมย คุณแพง” พูดจบเตวิชญ์ก็เดินลิ่วออกไป ด้วยท่าทีรีบเร่ง
สายตาทุกคู่ต่างหันมองตามหลังไป เมื่อรู้ว่าชายหนุ่มมีธุระด่วน ก็ไม่คิดจะรั้ง โดยเฉพาะคนเป็นพ่อ เมื่อมีความหวังว่าสาวสวยตรงหน้าอาจจะช่วยให้ลูกชายเขา กลับมาเป็นเตวิชญ์คนเดิมก็ยิ่งครึ้มอกครึ้มใจ...บางทีสะใภ้เล็กอาจจะไม่ต้องรอนานก็ได้
“ขอบคุณคุณพงษ์มากเลยนะคะที่ไว้ใจแสงสุข”
เจนจิรารวบสัญญาสอดเก็บเข้าไปในแฟ้ม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาขอบคุณชายหนุ่ม ที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเธอและกำลังส่งยิ้มมาให้
จากลูกค้าธรรมดา ก็ขยับขึ้นกลายเป็นลูกค้าวีไอพี ติดต่อกันบ่อย โทรหาเกือบทุกวันจนสนิทสนม จากที่เคยนั่งโซฟาคุยงานกันอย่างเป็นทางการ ตอนนี้ธัชพงษ์กลับเอนหลังพิงเก้าอี้ แขนยกวางพาดโต๊ะผู้ช่วยสาวท่าทางสบายๆ
ออร์เดอร์แรกที่ธัชพงษ์เคยสั่งเข้ามาว่าเยอะแล้ว แต่คราวนี้ทำสัญญาสั่งซื้อทุกเดือนเป็นเงินหลักล้านบาท เจนจิรายิ้มแก้มปริ หัวใจพองโต รู้สึกตัวเองช่างเป็นคนโชคดีจนน่าอิจฉา ที่ทำงานสำเร็จง่ายดาย
ลูกค้าก็แสนดี คุยง่าย ใจสปอร์ต อยากให้มีสักสิบธัชพงษ์จริงๆ เธอจะดูแลประคบประหงมเป็นอย่างดี แทบอยากจะอุ้มลูกค้าหนุ่มวีไอพีไปส่งที่รถยนต์ ไม่ต้องเดินให้เท้าเปื้อนดินด้วยซ้ำ ถ้าทำได้
“สินค้าคุณภาพดี ราคาสมน้ำสมเนื้อ แถมคุณเจนยังจัดโปรให้ผมอีก จะไม่ให้ธะนะฟาร์มผูกขาดกับแสงสุขได้ยังไงครับ” ชายหนุ่มยิ้มให้ทั้งตาทั้งปาก ทำเอาผู้ช่วยสาวตาพร่าไปเหมือนกัน เมื่อเจอหนุ่มตกด้วยรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์
“อย่ายิ้มแบบนี้สิคะ” เธอกับธัชพงษ์สนิทสนมและคุ้นกันพอจะกล้าพูดต่อปากต่อคำ หยอกล้อได้โดยไม่รู้สึกเขิน หญิงสาวชื่นชอบความเก่ง และนิสัยคุยง่าย ใจสปอร์ตของชายหนุ่ม เป็นเพื่อนกับคนแบบนี้ไม่มีทางเสียหลาย
“ทำไมครับ คุณเจน...ไม่ชอบให้ผมยิ้มเหรอ”
“เปล่าหรอกค่ะ ยิ้มหล่อกระชากใจแบบนี้ใครไม่ชอบ แค่เห็นแล้วใจมันสั่นอะ” เจนจิราหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นสีหน้าของธัชพงษ์ ดูเหลอหลาน่ารัก จริงใจดี จนเธออยากแซวเล่น
เขาคงรู้ตัวว่ายิ้มแล้วมีเสน่ห์ ถึงขยันยิ้มให้เธอบ่อยๆ อย่านะ ถึงเธอจะชื่นชอบในอัธยาศัยไมตรีของเขา แต่เรื่องเงินๆ ทองๆ เรื่องงาน เธอรอบครอบเสมอ ไม่ยอมให้เขาใช้เสน่ห์หลอกล่อ จนหน้ามืดลดแลกแจกแถมมากไปกว่านี้หรอก
“หึหึ...ใจสั่น...แล้วคุณเจนหวั่นไหวบ้างหรือยังครับ” ชายหนุ่มแกล้งฉีกยิ้มกว้าง และยังชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ทีเล่นทีจริง