เธอเป็นคนไม่ชอบความอยุติธรรม เห็นแล้วทนไม่ได้ จึงยื่นมือเข้าช่วย แล้วตั้งแต่วันนั้นมา ก็ไม่มีใครกล้ารังแกอีก เพราะมันเปลี่ยนมาเดินตามหลังเธอต้อยๆ ไม่ห่าง เธอไปไหนมันไปด้วย ทำอะไรก็ทำด้วย
จากเด็กชายในวันนั้น โตขึ้นเป็นหนุ่ม รูปร่างสูงใหญ่ ผิวคล้ำ หน้าตาแม้จะดูโหดเกเร แต่เนื้อแท้แล้วเป็นคนซื่อๆ น้ำใจงาม และนิสัยที่แก้ไม่หายคือ ชอบทำตัวตามติดเธอ หากวันหนึ่งมันคิดจะมีเมียยังนึกภาพไม่ออกเลยว่าจะเป็นยังไง...หรือจะทิ้งลูกพี่ แล้วหันไปเดินตามเมียต้อยๆ จะเตะให้กลิ้ง
เจนจิราคลี่ยิ้ม ทำให้ใบหน้าสวยหวานยิ่งดูงดงามสดใส สายตาจ้องมองลูกน้องผู้ซื่อสัตย์ จะมีก็แต่ไอ้เดย์คนเดียวนี่แหละมองเธอเป็นคนเก่ง เป็นฮีโร่ในสายตามัน
นอกจากเรื่องงานที่เธอทำมันได้ดี ก็มีวิชาหมัดมวยที่สามารถเอาตัวรอดได้ (แม้จะพลาดท่าเสียทีให้เตวิชญ์นั่นก็เพราะใจเธอมันสมยอมมากว่า) ฝีมือการต่อสู้ที่ได้รับการถ่ายทอดจากลุงมิ่ง อดีตแชมป์มวยไทยจากหลายสนาม ก่อนจะถูกเมียทิ้ง แล้วกลายมาเป็นอดีตนักมวยขี้เมา
ลุงมิ่งเลี้ยงดูหลานสาวมาตั้งแต่วันแรกที่เธอลืมตาดูโลก แม่เธอเป็นน้องสาวคนเดียว หอบท้องโตใกล้คลอดมาอยู่กับพี่ชาย แต่ไม่เคยปริปากบอกว่าพ่อของลูกเป็นใคร กระทั่งคลอดและตายจากลูกสาว ลุงมิ่งจึงรับหน้าที่เลี้ยงดูหลานสาวมาตามลำพัง
พอโตขึ้นก็กลัวหลานสาวจะถูกรังแก จึงถ่ายทอดวิชาแม่ไม้มวยไทยให้ เพื่อจะได้ดูแลตัวเอง และเอาตัวรอดได้ เจนจิราจึงกลายเป็นคนห้าวหาญ เก่งกาจไม่แพ้ชายใด หากจะพ่ายแพ้ ก็เห็นจะเป็นพี่น้องแสงสุข ที่ฝีไม้ลายมือเก่งกาจกว่าเธอหลายเท่า อย่างว่ามวยคนละเวที แค่ไซซ์ตัวเธอก็แพ้ราบคาบ
ส่วนความอ่อนหวานบนใบหน้า ที่หลอกตาใครต่อใครให้คิดว่าเธอเป็นสาวหวาน แย้มยิ้มให้ชายใด ก็แทบจะยื่นไมตรีกลับมา ยกเว้นคนในแสงสุขฟาร์ม ที่รู้จักหญิงสาวเป็นอย่างดี ว่าเธอคือ เจนจิราศิษย์เอกตามิ่ง
“แกจะไปด้วยทำไม แค่สี่ห้าเดือนฉันก็กลับมาทำงานที่แปลงตามเดิม”
“นั่นแหละ จะสี่ห้าเดือน ผมก็อยากไปช่วยลูกพี่ไง”
“ไม่ต้อง อยู่นี่แหละ”
“ถ้าลูกพี่ไปทำงานที่ฟาร์มโคนม แล้วที่นี่จะทำไง”
“ก็ทำเหมือนเดิม”
“เฮ้ย! เหนื่อยตายชัก”
“ทำไงได้ เราเป็นลูกน้อง เขาสั่งก็ต้องทำ แต่ช่างมันเถอะ อีกตั้งเดือนกว่าจะถึง อะไรก็ไม่แน่ไม่นอน”
“ไม่แน่ได้ไงลูกพี่ ก็นายใหญ่สั่งแล้ว”
“เออน่ะ อีกตั้งนาน ว่าแต่แกไม่มีงานทำหรือไง ถึงมานั่งอู้อยู่นี่”
“ก็มีแหล่ะ แต่มีเรื่องคาใจก็เลยมาหาที่ปรึกษา”
“ไม่ต้องไปสนใจหรอกน่า เจ้านายเค้าจะบ่นจะว่าก็ช่างเขา ในเมื่อเราไม่ได้ทำผิด งานไม่เสียหาย...เข้าใจ๊”
“อื้อ...แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าไม่พอใจอะไร เนี่ยมันงงตรงนี้”
“ช่างเหอะ...ไปทำงานได้แล้ว ถ้าไม่อยากโดนมากกว่านี้ ดีไม่ดีเดี๋ยวโผล่มาเห็นแกอู้งาน ทีนี้ล่ะงานเข้า ของแท้” เจนจิราโบกมือไล่ลูกน้องคนสนิท ก่อนจะก้มหน้าลงมือทำงานจริงจัง
“ได้คร้าบ...ลูกเพ่” เดย์ลุกขึ้นยืนขึงขัง ทำท่าตะเบะ ก่อนจะหัวเราะแหะๆ เมื่อเห็นสายตาลูกพี่สาว มันรีบเดินหายออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงเจนจิรานั่งอยู่คนเดียวลำพัง ก่อนสีหน้าของหญิงสาวจะสลดลง
ขอโทษด้วยว่ะ ฉันเป็นคนดึงแกเข้ามาซวยเองแหละ
ตั้งแต่มีเรื่องปะทะกับเจ้านายที่บ้านใหญ่วันนั้น เจนจิราก็กลับมาทำตัวเหมือนเดิมอีกครั้ง พยายามหลบเลี่ยง ไม่นั่งทำงานที่ออฟฟิศ หากงานไม่ด่วน หรือไม่ค่อยสำคัญ ก็มักจะวานให้นิคจัดการแทน ส่วนเธอก็ฝังตัวอยู่แถวไร่องุ่น หรือไม่ก็บริเวณแปลงหญ้า ทำตัวให้ยุ่งเข้าไว้จะได้ปลอดภัย
วันนี้เธอลงมาที่แปลงแต่เช้า มาดูคนงานเก็บองุ่นจัดใส่ลังเตรียมส่งให้ลูกค้า อีกส่วนก็เตรียมป้อนเข้าโรงงาน ถึงจะมีหัวหน้าฝ่ายจัดการอยู่แล้ว แต่เธอก็มักจะแวะเวียนมาตรวจตราอยู่เสมอ
บรรยากาศตอนเช้าลมพัดเอื่อยๆ เย็นสบาย มีหมอกลงจางๆ ให้ความรู้สึกสดชื่น เธอเดินไปหยิบกรรไกรที่วางบนโต๊ะอุปกรณ์ และคว้าเอาตะกร้าใส่องุ่นขึ้นสะพายไหล่ เช้าๆ แบบนี้ออกกำลังหน่อยก็น่าจะดี จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน
เจนจิราเดินไล่ตัดพวงองุ่นตามแถวแนวที่กำหนดไว้ มือทำงานเป็นเครื่องจักร แต่ใจกลับลอยคิดไปถึงเรื่องอื่น
“ให้คนงานจัดองุ่นใส่กระเช้าให้หน่อยสิ...จะเอาไปให้ผู้ใหญ่” เสียงสั่งดังขึ้นด้านหลัง ทำเอาคนใจลอยถึงกับสะดุ้ง ก่อนจะหันขวับไปมอง
‘นายวิชญ์!!’
“ได้ยินที่ฉันบอกหรือเปล่า” เมื่อเห็นเธอเอาแต่จ้องหน้า ไม่พูด ไม่ขานรับ ก็ให้รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา มองหน้าเขาแล้วทำท่าอย่างกับเห็นผีแบบนี้มันหมายความว่าไง
“ดะ…ได้ยินค่ะ”
“จัดการให้ด้วย”
“เรื่องแค่นี้นายวิชญ์ไม่จำเป็นต้องลงมาเองก็ได้ แค่ยกหูสั่งแป๊บเดียว”
“ทำไม? ฉันจะลงมาดูแปลงองุ่นของฉัน...หรือเธอมีปัญหา?” น้ำเสียงเข้มขึ้น เมื่อคำพูดของหญิงสาวไม่เข้าหูอย่างแรง
เรื่องกระเช้าก็ส่วนหนึ่ง อีกส่วนก็เพื่อมาตามตัวผู้ช่วยสาวไปทำงาน เธอหลบหน้าเขาแบบนี้ มันใช้ไม่ได้ ถึงจะบอกว่าลงมาตรวจแปลง แต่งานหลักของเธอคือตำแหน่งผู้ช่วยอยู่บนออฟฟิศ ไม่ใช่มาแย่งงานคนงานทำ หรือต้องให้พูดย้ำอีกที ถึงจะรู้จักหน้าที่ตัวเอง
...อย่าบอกนะว่าที่ทำแบบนี้ เพราะเตรียมตัวจะย้ายไปช่วยงานที่ฟาร์มโคนม
หึ!...ฝันไปเถอะ!! อย่าคิดว่ามันจะง่ายขนาดนั้น
“เปล่าค่ะ ไม่มีปัญหา นายวิชญ์อยากเดินดูก็ตามสบายเลย” ปากตอบเจ้านาย แต่สายตากลับจับจ้องอยู่ที่พวงองุ่นในมือ ราวกับกำลังคัดลูกที่สวยที่สุดในแปลง ทั้งที่ความจริงเธอไม่กล้าสู้สายตาเขาต่างหาก ความรู้สึกร้อนวูบวาบตรงต้นคอ มันบอกว่าเตวิชญ์ยังจ้องเธอไม่วางตา
“เป็นอะไร ฉันพูดด้วย ทำไมไม่มองหน้า”
“เปล่า”
“ก็เห็นอยู่ว่าเธอหลบ”
“เจนกำลังทำงาน”
“เจน!!” เตวิชญ์ขึ้นเสียงด้วยความโมโห พูดด้วย แต่เธอกลับหันไปตัดพวงองุ่นที่ห้อยลงมาใกล้มือ โดยไม่สนใจเขา
“ถ้าไม่มีไรแล้ว เจนขอตัวนะคะ” หญิงสาวเบี่ยงตัวหลบร่างสูงที่กำลังยืนบังแนวแถวองุ่นที่เธอไล่ตัด เกะกะแต่ไม่กล้าเอ่ยปากไล่