สายตาคมกริบจ้องเข้าไปในดวงตาคู่สวย สิ่งที่ทำให้เขาหวาดกลัวจนถึงขั้นหวาดระแวง ก็เพราะความเมตตาของสาครที่แหละ
เคยได้ยินคำพูดทีเล่นทีจริงเมื่อนานมาแล้ว ออกจากปากสาครชัดเต็มหู ‘ถ้าเจนจิราเป็นลูกสาวอีกคน แสงสุขฟาร์มก็คงสบายหายห่วง’ ฉะนั้นเรื่องนี้จะรู้ถึงหูสาครไม่ได้เด็ดขาด
“หุบปากเธอให้สนิท ห้ามพูดเรื่องนี้กับป๊าเด็ดขาด”
“นายวิชญ์บอกตัวเองดีกว่า เพราะเจนไม่คิดจะพูดอยู่แล้ว เรื่องน่าอายแบบนี้ ใครจะโง่ประจานตัวเองให้คนอื่นฟัง...อ้อ...แล้วไม่ต้องสำคัญตัวผิดคิดว่าเจนอยากแต่งงานกับนายวิชญ์หรอกนะ เพราะเจนไม่เคยอยากเป็นสะใภ้แสงสุขสักนิด เป็นแล้วได้อะไร สู้ออกไปหาผัวรวยๆ ทำตัวเป็นคุณนายไม่ต้องมานั่งทำงานงกๆ แบบนี้ ยังจะสบายเสียกว่า” หญิงสาวแย้งกลับ ก่อนจะสะบัดหน้าพรืดใส่
ทั้งที่พยายามทำใจลืมอุบัติเหตุคืนนั้นไปแล้ว แต่เขากลับตอกย้ำไม่หยุด ตกลงนี่เธอเป็นคนผิดใช่ไหม ที่ห่วงใยเขาจนเกิดเรื่องเฮงซวยขึ้นกับตัวเอง
หวังดีแต่กลับถูกมองประสงค์ร้าย คิดแล้วก็น่าเจ็บใจ ไม่น่าเลย ถ้าเธอรู้จักรักตัวเองมากกว่านี้สักนิด คงไม่เกิดเรื่อง
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เจนขอตัว” ร่างเล็กหมุนตัวจะเดินกลับเข้าไปด้านใน
“ว้ายยย!!”
หญิงสาวยังไม่ทันตั้งตัว ร่างก็ลอยวืดเข้าไปซบอกเขาอีกครั้ง แขนแกร่งยกขึ้นตวัดรัดร่างเธอไว้แน่น เสียงคำรามในลำคอเหนือศีรษะ ทำเอาหญิงสาวถึงกับขนลุกเกลียว
ที่ผ่านมาถึงจะเป็นคนจิตแข็ง ไม่เคยเกรงกลัวเจ้านาย แต่ยอมรับว่าครั้งนี้เธอพลาดไปแล้ว ที่ไปกวนโมโหเขา หาเรื่องใส่ตัวชัดๆ
“ปากดีนักนะ...ไม่อยากเป็นสะใภ้แสงสุขงั้นเหรอ ลองดูสิปากกับใจจะตรงกันหรือเปล่า”
“นายวิชญ์! ปล่อยเจน” เธอดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนแกร่ง มือเท้าก็พยายามยกขึ้นต่อยเตะ แต่กลับทำอะไรเขาไม่ได้
เตวิชญ์จับมือเธอไพล่หลัง หน้าอกอวบอิ่มแนบชิดเสียดสีกับแผ่นอกหนา ทำเอาหญิงสาวตาเหลือก สีหน้าตื่นตกใจ ก่อนจะหันไปมองทางห้องรับแขก หวาดระแวง กลัวจะมีใครโผล่ออกมาเจอ คราวนี้คงยากจะหาข้อแก้ตัว ในเมื่อเขากอดรัดเธอแนบแน่นขนาดนี้
“ทำไม กลัวใครมาเห็น...หึ! หมอเกียรติเค้าคงไม่ออกมาตามเธอหรอก”
เรื่องบนโต๊ะอาหารก็อีกเรื่องที่ต้องสะสางกัน ถึงเขาไม่เอ่ยปากคัดค้าน แต่เธอก็น่าจะคิดเองได้ ไม่เห็นต้องให้บอก เป็นลูกน้องเขาก็ต้องทำงานกับเขาสิ
อีกอย่างงานที่ทำอยู่ก็เยอะมากพออยู่แล้ว แม้แต่เขายังแทบไม่มีเวลากินเวลาพัก แล้วเธอมีสิทธิ์อะไรไปรับปากช่วยงานคนอื่น มันน่าเขย่าแรงๆ เตือนสติให้รู้จักคิดเสียบ้าง
“เกี่ยวอะไรกับหมอเกียรติ” เจนจิราเงยหน้าขึ้นมองเขาสีหน้างุนงง
จู่ๆ ก็พาดพิงถึงคนอื่น ตั้งแต่เลิกเหล้ากลับมาเป็นคนเอาการเอางาน เจ้านายเธอก็เปลี่ยนไป เตวิชญ์คนดีหายไปแล้ว มีแต่เตวิชญ์ในเวอร์ชั่นใหม่ เข้าใจยาก ทำอะไรก็ไม่ถูกใจ ดูขัดหูขัดตาเขาไปเสียหมด
“ก็เห็นอยากไปทำงานกับเค้าจนตัวสั่นนี่”
“ตัวสั่นบ้าอะไร นายใหญ่สั่งเจนต่างหาก”
“แล้วทำไมไม่ปฏิเสธ หรืองานที่ทำอยู่มันน้อยไป”
“แล้วทำไมนายวิชญ์ไม่ค้าน ก็รู้อยู่ว่าเจนเป็นลูกน้อง พูดได้เหรอ”
“ทำไมจะไม่ได้ ใครปิดปากเธอไว้”
เจนจิราชำเลืองมองเขาราวกับคนโง่งม เธอเป็นใคร ถึงจะกล้าปฏิเสธเจ้านาย แล้วถ้าตอบปฏิเสธไปก็จะกลายเป็นคนแล้งน้ำใจสิ
“หึ! ก็เงินค่าจ้างไงที่มันปิดปากไว้”
“เธอมันก็เห็นแก่เงิน เอะอะอะไรก็เงิน มิน่าถึงยอมนอนกับฉันง่ายๆ คงหวังจะถีบตัวเองขึ้นมาเป็นเมียฉันล่ะสิ” สุดท้ายเขาก็วกกลับไปเรื่องเดิม เรื่องที่เขาบอกเธอให้หุบปาก แต่เขากลับแหกปากไม่หยุด
“นายวิชญ์!”
“หรือไม่จริง”
“ไม่จริง!”
“ไม่ต้องมาทำปากแข็ง ง่ายแบบนี้ถ้าไม่หวังเงินก็คงเพราะ...เธอหลงรักฉัน” ดวงตาคมกริบหรี่มอง ราวกับรู้เท่าทันเธอ
หัวใจหญิงสาวกระตุกวาบ ความรู้สึกที่มันหยั่งรากลึก ไม่ใช่ความรักฉาบฉวยแบบหนุ่มสาวทั่วไป แต่มันคือความศรัทธา ความรัก ความเชื่อมั่นจากหัวใจ ที่คนแบบเขาไม่มีวันเข้าใจหรอก
“ใช่ค่ะ...เจนชอบ...ชอบที่นายวิชญ์ทำงานเก่ง เป็นผู้นำ แถมยังหล่อ หน้าตาดี แต่เจนก็ไม่ได้ชอบมากไปกว่าไอ้เดย์ หรือไอ้นิคหรอก โปรดเข้าใจไว้ซะด้วย” เธอจ้องหน้าเขา สู้สายตาไม่มีหลบ
“แต่เธอก็ยอมนอนกับฉันง่ายๆ”
“นายวิชญ์!”
“ไม่เห็นร้องห้ามสักแอะ ได้ยินแต่เสียงครางเรียกให้ฉันเอา...แบบนี้ยังกล้าพูดว่าชอบฉันเท่าคนอื่นอีกเหรอ” เสียงหัวเราะในลำคอเยาะหยัน ทำเอาใบหน้าสาวซีดเผือด ศักดิ์ศรีอันน้อยนิดของเธอแทบไม่เหลือ แต่คนแบบเจนจิราชีวิตไม่ได้มีพื้นที่ให้เธออ่อนแอนัก เมื่อล้มก็ต้องลุกขึ้นเอง แม้แต่เรื่องหัวใจก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นเช่นกัน
“แหมก็บรรยากาศมันได้ซะขนาดนั้น นายวิชญ์ก็คงอยากนอนกับเจนเหมือนกันแหละ ถึงได้พุ่งเข้าใส่ เจนตัวแค่นี้จะเอาแรงที่ไหนมาขัดขืน...แต่ช่างเถอะ เจนไม่คิดอะไรมาก ถือว่าเป็นประสบการณ์ แถมยังได้เงินอีกตั้งหนึ่งแสนมาใช้ฟรีๆ”
ไม่คิดอะไรล่ะ เธอน่ะโคตรคิดต่างหาก
“เจน!!”
“หรือไม่จริง...จะว่าไปก็งั้นๆ แหละ ถึงนอนกับไอ้เดย์ ก็คงรู้สึกไม่ต่างกันกับที่นอนกับนายวิชญ์หรอก”
“เจนจิรา!!!”
เตวิชญ์แผดเสียงใส่ด้วยความลืมตัว นี่เธอคิดจะนอนกับผู้ชายไปทั่วแบบไม่เลือกหน้าอย่างนั้นหรือ ผู้หญิงไร้ยางอาย สำส่อน มันจะมากไปแล้ว
สายตาวาวโรจน์ ดุดัน ราวกับมีลูกไฟย่อมๆ อยู่ในนั้นกำลังจ้องหน้าหญิงสาว แทบจะแผดเผาให้ไหม้เป็นจุณ ร่างเล็กขยับตัวดิ้นรนเมื่อรับรู้ถึงรังสีอันตรายที่แผ่ออกมาจากร่างสูงใหญ่ สัญชาตญาณการเอาตัวรอดสั่งให้เธอถอย
“นะ....อุ๊บบ!!”
อ้าปากจะห้าม แต่ไม่ทันแล้วเมื่อใบหน้าหล่อขาวก้มลงกระแทกจูบเธออย่างแรง หนักหน่วงเอาแต่ใจ เจนจิราถึงกลับช็อค ร่างแข็งค้าง ไม่คิดว่าเขาจะใจกล้าบ้าบิ่นมายืนจูบเธอ ทั้งที่ทุกคนนั่งอยู่ในห้องรับแขก ห่างไปไม่ถึงสิบเมตร
“อ่อยยยยย...” มือเล็กยกขึ้นทุบหลังเขาหลาบตุ้บ แต่ร่างสูงใหญ่กลับเบียดเข้ามาจนร่างเธอแทบจะจมหายเข้าไปในอกแน่น ปากบดขยี้จูบ ลิ้นหนาแทรกเข้ามาในโพลงปากสาวเกี่ยวกระหวัดรัดลิ้นเรียวเล็กไม่ปล่อย ทำเอาแข้งขาหญิงสาวพาลจะอ่อนแรง