“ขะ…ขออภัยด้วยขอรับ สำหรับมูลค่าของโอสถเม็ดนี้มันมากเกินไป ถ้าไม่ใช่หอการค้าจินหลงสาขาหลัก เกรงว่าคงไม่อาจมีใครสามารถประเมินมูลค่าของโอสถนี้ได้…” กงซุนหนานหยานรีบกล่าวขอโทษในทันที พร้อมกับยื่นโอสถคืนให้ลั่วชิงอีด้วยอาการมือไม้สั่น
“หอการค้าสาขาหลักของพวกท่านตั้งอยู่ที่ใด?” เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงอีจึงกล่าวถามถึงที่ตั้งของหอการค้าจินหลงสาขาหลัก พร้อมกับรับโอสถคืนจากกงซุนหนานหยาน
เมื่อได้ยินคำถามของลั่วชิงอี กงซุนหนานหยานจึงรีบกล่าวตอบด้วยท่าทางร้อนรน ใบหน้าของเขายังคงตกตะลึงไม่หาย…
“หอการค้าจินหลงสาขาหลักตั้งอยู่ที่เมืองเก้ามังกรในแคว้นเซียวหลงขอรับ”
ลั่วชิงอีที่ได้ยินคำว่า ‘ แคว้นเซียวหลง ’ นางก็ค้นหาจากความทรงจำของแม่หนูลั่วชิงอีในทันที จนทราบถึงที่ตั้งของแคว้นเซียวหลง ซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่าง 4 แคว้น โดยแคว้นเซียวหลงเป็นแคว้นที่มีความแข็งแกร่งที่สุดในด้านกำลังรบและทรัพยากร…
“หากท่านไม่สะดวกที่จะเดินทางไปยังหอการค้าสาขาหลัก ในอีกครึ่งปี จะมีการจัดงานประมูลครั้งใหญ่ในรอบห้าปีของทวีปเทียนฉี่ ซึ่งจะมีขุมอำนาจต่างๆเข้าร่วมมากมาย โชคดีที่ปีนี่จัดขึ้นที่แคว้นจินหลงของเรา สถานที่จัดงานประมูลก็คือ สำนักกระบี่สวรรค์ ท่านสามารถนําโอสถไปร่วมประมูลที่นั้นได้ขอรับ” กงซุนหนานหยานกล่าวขึ้นด้วยท่าทางนอบน้อมพลางอธิบายเกี่ยวกับงานประมูลใหญ่ที่จะจัดขึ้นในอีกหกเดือนครั้งหน้าให้ลั่วชิงอีฟัง
สถานที่จัดงานประมูลครั้งใหญ่ของทวีปเทียนฉี่ สาเหตุที่เป็นสำนักกระบี่สวรรค์ เป็นเพราะสินค้าแต่ละชิ้นที่นำมาร่วมประมูลล้วนมีมูลค่ามากมายมหาศาล เพื่อเป็นการป้องกันการก่อปัญหาต่างๆที่จะตามมา ทางผู้จัดงานประมูลเลยต้องเลือกสถานที่ที่มีผู้แข็งแกร่งมากมายอย่างสำนักกระบี่สวรรค์เป็นผู้ควบคุมดูแลความปลอดภัยของการจัดงานประมูลใหญ่ในครั้งนี้
“ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น…”
ลั่วชิงอีที่ตั้งใจจะหาโอกาสไปเยี่ยมเยือนมู่อวิ๋นหลงอยู่แล้ว นางจึงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“เออ…ก่อนอื่นช่วยจัดสมุนไพรสำหรับปรุงโอสถลมปราณระดับกลาง ให้ข้าสัก 10 ชุดได้หรือไม่?” แต่สิ่งสำคัญที่สุดในยามนี้ก็คือ หาเงิน ดังนั้นหลอมโอสถลมปราณระดับกลางขายก่อนก็แล้วกัน
“ได้อยู่แล้ว รอสักครู่ขอรับ”
ผ่านไปเพียงแค่สิบลมหายใจ ลั่วชิงอีก็ได้รับสมุนไพรสำหรับการหลอมโอสถลมปราณระดับกลางแล้ว
เมื่อได้รับสมุนไพรเรียบร้อยแล้ว ลั่วชิงอีก็ขึ้นไปยังชั้น 2 ซึ่งเป็นห้องสำหรับรับรองแขกผู้ทรงเกียรติ
พอมาถึงยังห้องรับรองแขกผู้ทรงเกียรติ ลั่วชิงอีไม่รอช้า นางโยนสมุนไพรสำหรับหลอมโอสถลมปราณระดับกลางขึ้นกลางอากาศ พร้อมกับจุดเพลิงปราณจากเคล็ดวิชาลมปราณเซียนเมฆา จากนั้นนางก็เริ่มทําการสกัดความบริสุทธิ์ของสมุนไพรทั้งหมดที่ลอยเคว้งอยู่กลางอากาศทันที
สองพ่อลูกสกุลกงซุนที่เห็นการกระทำอันบ้าบิ่นของลั่วชิงอี ใบหน้าสองพ่อลูกพลันตกตะลึงงึงงันราวกับเห็นผีพร้อมกับตะโกนออกมาอย่างพร้อมเพรียง
“ทะ…ท่านทําอะไร”
“ข้ากำลังหลอมโอสถ…” ลั่วชิงอีกล่าวตอบด้วยท่าทางเรียบเฉย นางไม่ได้สนใจอาการตกตะลึงของสองพ่อลูกเลยแม้แต่น้อย
.
.
ผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูป ~ โอสถลมปราณระดับกลาง 10 เม็ด ก็ปรากฏขึ้นยังบนฝ่ามือเล็กของลั่วชิงอี ทว่าสองพ่อลูกก็ยังคงตกตะลึงไม่หาย เมื่อได้เห็นถึงวิธีการหลอมโอสถอันพลิกปฐพี เขย่าสวรรค์
“ทะ…ท่านไม่ใช้เตาหลอมโอสถ?” กงซุนหนานหยานที่ได้สติกลับคืนก่อนลูกชาย เขาจึงกล่าวถามด้วยสีหน้าสงสัยแต่ก็ยังคงมีอาการตกใจปะปนอยู่
นะ….นางยังเป็นมนุษย์อยู่อีกเหรอ? ความเข้าใจด้านโอสถของนาง เกรงว่าทั่วทั้งดินแดนฝูหรง คงไม่มีนักปรุงโอสถคนใด…เทียบเคียงกับนางได้อีกแล้ว
“……..”
“ขะ…ขออภัยที่ล่วงเกินขอรับ” กงซุนหนานหยานที่ไม่ได้รับคำตอบอะไรจากคําถามของตนเอง
และเมื่อเห็นลั่วชิงอียื่นโอสถลมปราณที่นางพึ่งหลอมสำเร็จเมื่อครู่มาให้ กงซุนหนานหยานจึงรีบกล่าวขอโทษที่เสียมารยาทเมื่อครู่พร้อมกับรับโอสถจากลั่วชิงอีมาตรวจสอบ
“โอสถลมปราณระดับกลางความบริสุทธิ์ 10 ส่วน จำนวน 30 เม็ด ท่านต้องการขายใช่หรือไม่?” กงซุนหนานหยานที่ผ่านอาการตกตะลึงจากโอสถลมปราณระดับสูงความบริสุทธิ์ 10 ส่วน มาแล้วนั้น เขาก็ไม่ได้แสดงสีหน้าตกตะลึงอะไรออกมาอีก มีเพียงอาการประหลาดใจเล็กน้อยเท่านั้น
การหลอมโอสถความบริสุทธิ์ 10 ส่วน ง่ายดายขนาดนี้เชียวหรือ? ทว่าเขาก็ต้องเลิกล้มความคิดไป เพราะคิดว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องธรรมดาสามัญสำหรับผู้ได้รับสมญานามเทพโอสถเฟิ่งฮวง
และแน่นอนว่ากงซุนหนานหยานนั้นเข้าใจถูกแล้ว การหลอมโอสถที่มีความบริสุทธิ์ 10 ส่วน สำหรับลั่วชิงอีนั้นง่ายดายดุจพลิกฝ่ามือ
“ก็ตามนั้นเลย…” ลั่วชิงอีกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ข้าน้อยสามารถรับซื้อโอสถเหล่านี้ได้ในราคาเม็ดละ 10,000 เหรียญทอง ไม่ทราบว่าท่านเฟิ่งฮวงคิดเห็นเช่นใด?”
“ไม่มีปัญหา” ลั่วชิงอีกล่าวขึ้นด้วยท่าทางราบเรียบพร้อมกับยื่นบัตรสมาชิกสีเงินให้กับกงซุนหนานหยาน
“กรุณาคอยข้าน้อยสักครู่ขอรับ…” กงซุนหนานหยานเมื่อรับบัตรสมาชิกสีเงินจากลั่วชิงอี เขาก็กล่าวขึ้นด้วยความสุภาพก่อนจะเดินออกไปจากห้องรับแขกอย่างเร่งรีบ
.
.
“ทั้งหมด 300,000 เหรียญทอง เงินทั้งหมดอยู่ในบัตรสมาชิกใบใหม่แล้วขอรับ กรุณาตรวจสอบด้วย”
ผ่านไปประมาณสิบลมหายใจ ~ กงซุนหนานหยานก็เดินกลับมาพร้อมกับยื่นบัตรสมาชิกใบใหม่ให้แก่ลั่วชิงอี
“สีทอง?”
ลั่วชิงอีที่รับบัตรสมาชิกใบใหม่มา ใบหน้างามก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ
“สำหรับเทพโอสถเฟิ่งฮวง นับว่าเป็นเรื่องธรรมดามากสําหรับบัตรใบนั้นขอรับ…”
หลังจากที่ได้เห็นวิธีการหลอมโอสถอันพลิกฟ้าพลิกสวรรค์ของลั่วชิงอี กงซุนหนานหยานก็ไม่ลังเลที่จะเพิ่มระดับบัตรสมาชิกระดับสูงสุดให้กับลั่วชิงอีให้สมกับสมญานาม เทพโอสถเฟิ่งฮวงผู้พลิกฟ้า
“ช่างเถอะ…ว่าแต่ท่านช่วยนำสมุนไพรระดับกลางเท่าที่มีในหอการค้า มาให้ข้าหน่อยได้หรือไม่?”
“ได้…ขอรับ”
จากนั้นกงซุนหนานหยานก็เดินออกไป พร้อมกับนำสมุนไพรระดับกลางจำนวนกว่า 200 ชุด มาให้ลั่วชิงอี
โดยราคาของสมุนไพรทั้งหมดอยู่ที่ราคา 20,500 เหรียญทอง หลังจากชำระเงินเรียบร้อย ลั่วชิงอีก็กล่าวขึ้น “ข้าต้องการอาวุธสักชิ้น ไม่ทราบว่าหอการค้าของท่านมีอาวุธระดับใดบ้าง?”
ลั่วชิงอีที่ตอนนี้ได้รับสมุนไพรที่ต้องการมาแล้ว นางจึงคิดที่จะหาอาวุธคู่กายเอาไว้สักชิ้น เพื่อเอาไว้ใช้ป้องกันตัวในยามฉุกเฉิน
การมีอาวุธย่อมอุ่นใจกว่าการไม่มีอาวุธ…
“หอการค้าของเรามีอาวุธตั้งแต่ระดับสามัญจนถึงระดับจิตวิญญาณขั้นสูงขอรับ” กงซุนหนานหยานกล่าวตอบ
“ข้าต้องการดูอาวุธระดับจิตวิญญาณ”
อาวุธระดับจิตวิญญาณนั้นจะมีความพิเศษเป็นอย่างมาก ยิ่งผู้ใช้มีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง พลังของอาวุธก็จะแข็งแกร่งตาม อีกทั้งยังมีความสามารถพิเศษโดยเฉพาะของอาวุธ ซึ่งอาวุธแต่ละชิ้นล้วนมีธาตุและความสามารถพิเศษที่แตกต่างกันออกไป
“อี้เฟิงนำทางท่านเฟิ่งฮวงไปดูอาวุธจิตวิญญาณที่คลังอาวุธ…” กงซุนหนานหยานหมุนกายและหันไปกล่าวกับกงซุนอี้เฟิงที่ตอนนี้ยังอยู่ในอาการตกตะลึง
สาเหตุที่กงซุนหนานหยานไม่นำทางลั่วชิงอีไปดูเอง เป็นเพราะเขาต้องการให้ลูกชายของตนผูกสัมพันธ์อันดีกับลั่วชิงอีเอาไว้
.
.
จากนั้นกงซุนอี้เฟิงก็พาลั่วชิงอีเดินดูอาวุธที่คลังเก็บอาวุธ เด็กหนุ่มดูคล้ายเป็นผู้ติดตามที่ดี คอยเดินตามลั่วชิงอีในชุดคลุมดำที่กำลังเดินดูอาวุธระดับจิตวิญญาณพร้อมกับอธิบายรายละเอียดต่างๆ ให้ทราบอย่างถี่ถ้วน
“นี้คือ…” น้ำเสียงเรียบเฉยของลั่วชิงอีดังขึ้น ขณะเดินมาหยุดอยู่ที่ทวนสีเงินเล่มหนึ่งที่แผ่ไอเย็นยะเยือกออกมา
“นี้คืออาวุธจิตวิญญาณระดับกลาง ทวนวิญญาณเยือกแข็ง สร้างขึ้นจากเหล็กชนิดพิเศษที่มีธาตุนํ้าแข็ง ทวนเล่มนี้มีราคา 89,000 เหรียญทองขอรับ”
หลังจากเดินไปได้สักพัก ลั่วชิงอีก็สดุดตากับกระบี่สีเงินเล่มหนึ่งที่ลอยอยู่กลางอากาศเหนือแทนวางอาวุธ
“นี้คือ หนึ่งในอาวุธจิตวิญญาณระดับสูงที่เรามี กระบี่นภาเยือกแข็ง สร้างจากแร่เหล็กทมิฬซึ่งเป็นราชาของเหล็ก และยังมีแกนวิญญาณของอสูรธาตุน้ำแข็งระดับราชันย์ที่ฝังอยู่ในตัวกระบี่ ซึ่งมันทำให้พลังของกระบี่เล่มนี้มีความรุนแรง แต่ก็ยากที่จะควบคุมอย่างมาก ทำให้กระบี่เล่มนี้มีราคาเพียงแค่ 75,000 เหรียญทองขอรับ” กงซุนอี้เฟิงที่เห็นลั่วชิงอีเดินมาหยุดอยู่ตรงอาวุธชิ้นใด เขาก็จะกล่าวอธิบายรายละเอียดของอาวุธชิ้นนั้นขึ้นมาทันที
สาเหตุที่กระบี่นภาเยือกแข็งมีราคาเพียง 75,000 เหรียญทอง เป็นเพราะว่ามันยากต่อการที่จะควบคุมอย่างมาก เป็นกระบี่ที่ดื้อดึงชนิดที่ไม่ยอมสยบให้แก่ผู้ใดเด็ดขาด หากตัวมันเองไม่ยอมรับคนผู้นั้น
“ข้าต้องการกระบี่เล่มนี้”
ลั่วชิงอีที่ตอนนี้ฝึกวิชาตัวเบา ‘ ย้ำเมฆา ’ ถึงขั้นที่ 2 — เมฆาเคลื่อนย้าย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นางคิดว่ากระบี่เล่มนี้คงช่วยเพิ่มความสามารถในด้านการต่อสู้ให้กับนางได้มากเลยทีเดียว
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม ~
ลั่วชิงอีก็ได้อาวุธเพิ่มอีกหนึ่งชิ้น เป็นมีดบิน 1 ชุด มีจำนวน 4 เล่ม ชื่อของมันก็คือ ‘ มีดบินจตุรธาตุ ’ เป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสูงที่มีองค์ประกอบธาตุทั้งสี่ ซึ่งได้แก่ ดิน , น้ำ , ลม , ไฟ โดยมีดบินจตุรธาตุมีราคาอยู่ที่ 90,000 เหรียญทอง
ยิ่งถ้าใช้ร่วมกันกับกระบี่นภาเยือกแข็ง จะสามารถทำให้ลั่วชิงอีพลิกแพลงการต่อสู้ได้อย่างหลากหลาย
อาวุธที่ใช้การควบคุมระยะไกลจําพวกมีดบิน จัดเป็นอาวุธประเภทที่ควบคุมได้ยากที่สุด แค่เพียง 1 เล่ม ก็ยากที่จะควบคุมได้แล้ว ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงการควบคุมมีดบิน 2 เล่มขึ้นไป
การที่จะควบคุมมีดบิน 2 เล่มขึ้นไปนั้นจำเป็นต้องแบ่งจิตสมาธิเข้าควบคุมมีดบินแต่ละเล่ม ซึ่งมันยากต่อการที่จะนำไปใช้ในการต่อสู้จริง จึงทำให้มีดบินไม่เป็นที่นิยมมากนักสำหรับเหล่าจอมยุทธ์
แต่ทว่าลั่วชิงอีที่มีจิตวิญญาณของเซียนโอสถที่อยู่มานานหลายพันปี ย่อมจะมีพลังจิตที่แกร่งกล้า แม้ในตอนนี้จะยังไม่เทียบเท่าในตอนที่เป็นเซียนโอสถ
ทว่าในตอนนี้ระดับพลังจิตของลั่วชิงอีก็สูงถึงระดับจิตหลอมรวมเป็นหนึ่ง ซึ่งการที่นางจะควบคุมมีดบินทั้ง 4 เล่ม พร้อมกัน ไม่ได้ยากเย็นเลยสำหรับผู้มีระดับพลังจิตขั้นจิตหลอมรวมเป็นหนึ่ง
หลังจากเลือกอาวุธได้เป็นที่เรียบร้อย ลั่วชิงอีก็ทำก*********นในทันที โดยราคาของอาวุธทั้ง 2 อย่าง จะอยู่ที่ 165,000 เหรียญทอง ทำให้ในตอนนี้นางเหลือเงินอยู่ 114,500 เหรียญทอง
“ข้าขอตัวลา….” ลั่วชิงอีหลังจากกล่าวลากงซุนอี้เฟิงแล้ว นางก็เดินออกจากหอการค้าจินหลงทันทีพร้อมกับสวมผ้าคลุมครึ่งหน้าไว้ดั่งเดิม